10 กุมภาพันธ์ 2554

ใครเป็นเจ้าของกันแน่...?

พระธรรม 1 พงศาวดาร 29:10-14 (TBS71b)
10เพราะฉะนั้นดาวิดจึงสรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าชุมนุมชนทั้งปวง และดาวิดทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย สาธุการแด่พระองค์เป็นนิตย์และเป็นนิตย์

11ข้าแต่พระเจ้า ความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ พระสิริ ชัยชนะ และความโอ่อ่าตระการเป็นของพระองค์ และบรรดาสิ่งที่มีอยู่ในฟ้าสวรรค์ และในแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ราชอาณาจักรเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเป็นจอมของสิ่งสารพัด 12ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง ฤทธานุภาพและมหิทธิฤทธิ์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ที่จะทรงกระทำให้ใหญ่ยิ่งและประทานกำลังแก่ทั้งมวล 13บัดนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายโมทนาพระคุณพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และสรรเสริญพระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์

14“แต่ข้าพระองค์เป็นผู้ใด และชนชาติของข้าพระองค์เป็นผู้ใด ที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะสามารถถวายแด่พระองค์ด้วยความเต็มใจเช่นนี้ เพราะว่าสิ่งของทุกอย่างมาจากพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถวายของที่เป็นของพระองค์แด่พระองค์เท่านั้น

สดุดีข้างต้นนี้เป็นบทเพลงที่เขียนมาจากก้นบึ้งแห่งความสำนึกและทบทวนไตร่ตรองประสบการณ์ตรงในชีวิตของกษัตริย์ดาวิด ที่ประกาศยืนยันว่า ที่ตนมีชีวิตและเป็นกษัตริย์ได้เช่นนี้ ที่ประเทศเจริญรุ่งเรืองได้เช่นนี้เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานสิ่งเหล่านี้ให้กับตนและประชาชนของพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ประทานกำลัง ความคิด ความสามารถเพื่อให้ประชากรของพระเจ้าประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้น จึงไม่สามารถแบ่งแยกทรัพย์สินเงินทองออกจากความสามารถและการได้มาซึ่งความมั่งคั่งที่มีอยู่

สิ่งผิดพลาดสำคัญมหันต์ที่เกิดขึ้นในคริสตจักรคือ มีคริสเตียนส่วนหนึ่งคิดและสำนึกในใจว่า ความเชื่อ กระเป๋าสตางค์ และเกียรติยศชื่อเสียงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงก็คือว่า ทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่ง ชื่อเสียง ฐานะในสังคม และการเชื่องฟังพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่ง ฮักกาย 2:8 กล่าวไว้ว่า 8เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ” สดุดี 24:1 ได้เขียนไว้ว่า 1แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น” ทรัพย์สิน เงินทอง และวิธีการที่จะได้มาซึ่งความมั่งคั่งเหล่านี้เป็นของประทานมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเป็นเพียงผู้รับไว้ใช้ด้วยความรับผิดชอบต่อพระเจ้า ดั่ง “คนต้นเรือน” หรือ “ผู้จัดการ” ดูแลจัดการทรัพย์สินด้วยความรับผิดชอบต่อเจ้านายของตน

คนต้นเรือน หรือ ผู้จัดการคือผู้ที่จะเอาใจใส่ดูแลและใช้ทรัพย์สินเหล่านั้นที่เป็นของคนอื่น ดังนั้น คนต้นเรือน หรือคนรับใช้ที่ดีจึงตัดสินใจในการใช้ทรัพย์สินเงินทองตามหลักเกณฑ์ของเจ้าของทรัพย์สิน และทำให้ทรัพย์สินที่มีนั้นเพิ่มพูนประโยชน์และคุณค่าตามที่เจ้าของต้องการมากขึ้น สำหรับ คริสเตียนแล้วพระเจ้าได้ทรงกำหนดหลักเกณฑ์ทางด้านทรัพย์สินเงินทองไว้ในพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งปัจจุบันนี้เรื่องของเงินทองได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับทุกเรื่องทุกด้านในชีวิตของเรา พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องเงินทองทรัพย์สินไว้ในที่ต่างๆ ถึงประมาณ 2,300 ครั้ง ในสถานการณ์ที่แตกต่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงกระตุ้นเตือนอิสราเอลให้มีชีวิตที่สัตย์ซื่อต่อคำสอนของพระองค์ และระวังที่จะไม่ตกลงใน กับดักของการคิดพึ่งพิงแต่ตนเองเท่านั้นโดยไม่พึ่งพิงในพระเจ้า พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 8:18 กล่าวไว้ว่า 18ท่านทั้งหลายจงจำพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้ เพื่อว่าพระองค์จะทรงดำรงพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำโดยปฏิญาณต่อ บรรพบุรุษของท่าน ดังวันนี้” พระเจ้าทรงเตือนอิสราเอลว่า กำลังที่จะสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยนั้นมาจากพระเจ้า

ความผิดพลาดที่คริสเตียนมักกระทำในฐานะคนรับใช้ หรือ คนต้นเรือนที่ดูแลทรัพย์สินที่มาจากพระเจ้าคือ คนเหล่านี้มักทึกทักเอาว่าตนเป็นเจ้าของทรัพย์สินเงินทองที่ตนเป็นผู้จัดการนั้น(หลายครั้งเลอะเลือนหลงเข้าใจไปว่า การรับผิดชอบ = ข้าฯเป็นเจ้าของ ตัดสินใจบริหารจัดการตามความต้องการขององค์กร กรรมการ กลุ่มบุคคล ที่แย่ที่สุดคือพรรคพวก) เขาไม่ปรึกษาหารือกับเจ้าของทรัพย์สมบัติต่อไป และจัดการใช้สอยทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นตามที่ตนเห็นควร ตามที่ตนต้องการหรือเห็นดี เขากลายเป็นคนรับใช้ หรือ คนต้นเรือนที่เอาแต่ใจตนเอง เขาจัดการทรัพย์สินเงินทองด้วยสายตาที่เสื่อมสั้นแทนที่จะบริหารจัดการด้วยมุมมองของพระเจ้าที่เปี่ยมล้นด้วยประสิทธิภาพ และด้วยการทรงนำที่อ่อนโยนและใจกว้างขวาง ดังนั้น เขาจะได้รับความทุกข์ยากลำบากจากผลการฝ่าฝืนแหกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองในพระวจนะของพระเจ้า

ความเชื่อศรัทธาและทรัพย์สินเงินทองนั้นเกาะเกี่ยวสัมพันธ์ประสานเข้าหากัน พูดกันแบบสุดๆ ก็คือว่า เราไม่สามารถที่จะยื้อทรัพย์สินเงินทองที่เรามีออกจากพระหัตถ์ของพระเจ้า เพราะทั้งสิ้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ เราเป็นผู้จัดการใช้สอยมันเท่านั้น และเราจะต้องใช้อย่างรับผิดชอบและชาญฉลาดตามหลักเกณฑ์ของพระคัมภีร์ ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อศรัทธา ย่อมบริหารจัดการทรัพย์สินเงินทองที่พอกพูนและมีคุณค่า ประโยชน์มากขึ้นตามหลักเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น