15 กุมภาพันธ์ 2554

พระเจ้าทำให้ชีวิตสมรสฟื้นคืนใหม่ได้

ขอนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดหลังจากวาเลนไทน์ปีนี้เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2005 เพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งได้มาพบกันที่บ้านของดอนและโจนา เพื่อดูรายการโทรทัศน์ของ Dr. Phil ในรายการ “ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง” โจนาได้เขียนบทความได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดเรื่อง “แม่บ้านชั้นเยี่ยม” ดอนและโจนา ได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษในรายการของ Dr. Phil เพื่อที่จะให้ดอนและโจนาบอกเล่าชีวิตครอบครัวของเขา เราไม่ต้องไปสนใจว่า Dr. Phil พูดอะไรบ้าง แต่นี่เป็นความทรงจำที่เราได้รับจากรายการนี้

ดอน พบกับ โจนา ทั้งคู่พบกันครั้งแรกเมื่อดอนอายุ 27 ปี ในค่ายรีทรีตของคริสตจักร ในฤดูใบไม้ผลิ ทันทีที่เธอเห็นเขา เธอรู้ว่านี่คือชายที่จะเป็นสามีในฝันของเธอ ดอนเป็นคนที่มีความเชื่อศรัทธาอย่างมั่นคงในพระเจ้า มีหน้าที่การงานที่ดี จบปริญญาจากมหาวิทยาลัย มุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างชีวิตสำหรับอนาคต เป็นคนที่ดูดี ร่างกายแข็งแรง ท่าทางเฉลียวฉลาด เป็นคนที่ชอบการผจญภัย หล่อเหลาเอาการอยู่ เป็นคนเรียบง่ายที่ดึงดูดสายตาผู้คน มากกว่านั้น เขาถูกห้อมล้อมด้วยสาวๆ ในค่ายรีทรีตที่ต่างแข่งขันกันทำตัวให้เป็นที่สนใจของดอน

เมื่อกลับบ้านหลังค่ายรีทรีต โจนาไม่เชื่อเลยว่าตนเองจะเป็นคนโชคดีอะไรเช่นนี้ ดอนชวนเธอรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน เขาทั้งสองคบหากันเป็นเวลาสามเดือนก่อนที่ดอนจะขอโจนาแต่งงาน ทั้งสองแต่งงานกันในวันที่ 30 มีนาคม 1985 เขาทั้งสองเป็นสามีภรรยากันก่อนค่ายรีทรีตอีกปีหนึ่งจะเริ่มขึ้น

ปีแรกของชีวิตแต่งงานเต็มไปด้วยความสุขดั่งชีวิตท่ามกลางแสงสลัวๆ ของแสงเทียน มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น เขาฉลองบ้านใหม่ด้วยเค้กที่แต่งหน้าด้วยครีมและน้ำตาลเมื่อครบรอบหนึ่งปีของการแต่งงาน ในชีวิตสมรสปีที่สอง ดอนลาออกจากงานเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว ชีวิตก้าวหน้าไปสู่ความฝันแบบคนอเมริกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อครบการแต่งงานในปีที่สี่ โจนาให้กำเนิดบุตรคนแรกแล้วเข้าร่วมในกลุ่ม “แม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงดูลูก” แต่เมื่อธุรกิจของดอนดำเนินไปได้ยี่สิบสี่เดือน ทั้งสองต้องเอาบ้านไปจำนอง สภาพบัญชีในธนาคารเริ่มติดขัด เกิดหนี้สินพอกพูนมากขึ้น สถานการณ์บีบคั้นให้โจนาต้องออกบ้านไปทำงาน เมล็ดแห่งความไม่พึงพอใจเริ่มหยั่งรากในจิตใจ เริ่มไม่ให้ความนับถือดอน ความชื่นชมในตัวดอนสลายหายไปหมดสิ้น

โจนาได้อธิบายต่อไปว่า “ดิฉันโกรธดอนในความผิดพลาดที่เขากระทำ... ในส่วนลึกของฉันแล้ว ฉันต้องการให้ดอนเป็นเหมือนพระเจ้าที่ตอบสนองทุกความปรารถนาและต้องการของฉัน แต่เขาเป็นพระเจ้าที่แย่ที่สุด ในปี 1993 แม่ของดิฉันเสียชีวิต ชีวิตของฉันดิ่งจมลงในความกดดัน ฉันต้องอยู่ที่บ้านนอนบนเตียงเกือบตลอดเวลา ซึ่งในเวลานั้นดิฉันมีลูกสองคน ฉันเลิกทำหน้าที่ความเป็นแม่ และ ภรรยา จากนั้นดิฉันก็เริ่มกิน...กิน...และ กิน น้ำหนักของดิฉันเพิ่มจาก 140 ปอนด์เป็น 240 ปอนด์

ดอนและดิฉันมีงานหมั้นที่สมบูรณ์แบบ มีงานแต่งที่หรูหรา และมีโอกาสดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เหนือจินตนาการ แต่เมื่อเกิดปัญหาอุปสรรคในชีวิต ดิฉันมิได้รับการเตรียมตัวที่จะรับมือ และ ฝ่าฟันกับเหตุการณ์เลวร้ายนั้น ฉันคิดว่า เรื่องราวที่แท้จริงในชีวิตจะไม่เป็นเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นนิยายน้ำเน่ามากกว่า

“ดอนเปลี่ยนงานทุกปี แต่อย่างไรก็ตาม เขายังหาเลี้ยงพวกเราตามความจำเป็น การที่เขาไม่มีการงาน รายได้ที่มั่นคงทำให้ฉันคลั่งอย่างแน่นอน”

ดิฉันจำได้ว่า มีอยู่วันหนึ่งดอนพูดกับฉันว่า “ทำไมได้แต่กินจนน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอย่างงี้?” ฉันตะโกนกลับไปว่า “ก็เพราะฉันไม่ต้องการให้เธอมาแตะตัวฉันนะสิ ฉันจะลดน้ำหนักเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าฉันต้องการ แต่คุณต่างหากที่มีรายได้ลดจนเกือบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว” คำต่อคำ โกรธโต้โกรธ ต่างคนต่างปฏิเสธกันและกัน ฉันกำลังทำลายสามีของฉัน ฉันตอบโต้อย่างเจ็บแสบเช่น คุณมันงี่เง่า เต่าตุ่น คุณจะทำอะไรที่มันดีกว่านี้ไม่เป็นหรือ? คำพูดที่เชือดเฉือนปลิวว่อนออกจากปากของฉัน ดิฉันรู้สึกเจ็บปวดในชีวิตและฉันก็ต้องการให้ดอนเจ็บปวดอย่างฉันบ้าง มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเขียนรายการความผิดของดอน เขามาพบ แต่ฉันไม่สนใจ

โจนาคิดเสมอว่า ในเมื่อดอนเป็นคริสเตียน เขาจะต้องไม่ทิ้งฉันไป แต่อยู่มาวันหนึ่งเมื่อถึงจุดที่ดอนอดรนทนไม่ได้ต่ออารมณ์อันฉุนเฉียวของฉัน ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2001 ดอนได้ออกไปจากบ้านที่เป็นเหมือนห้องขังที่หวดแซ่ลงในชีวิตของเขา โจนาได้ทำลายชีวิตแต่งงานของเธอพร้อมกับชายคู่ชีวิตของเธอด้วย ในที่สุดทั้งสองหย่าร้างกันในวันที่ 31 มกราคม 2003

โจนาได้อธิบายต่อไปว่า “ภายหลังการหย่าสองเดือน ดิฉันสะดุ้งตื่นขึ้นได้ยินเสียงสงบเบาๆ พูดกับฉันในทำนองที่ว่า นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องการหรือ? เธอต้องการการหย่าร้างหรือ? เธอต้องการให้ดอนไปแต่งงานกับหญิงคนใหม่หรือ? เธอต้องการให้ลูกต้องดึงไปดึงมาระหว่างสองบ้านนี้หรือ? เธอต้องการอยู่โดดเดี่ยวเช่นนี้หรือ? เธอได้เป็นภรรยาอย่างที่เราเรียกให้เธอเป็นหรือไม่?

โจนาร้องออกมาว่า “โอพระเจ้า... ฉันได้ทำอะไรลงไปนี่?

พระเจ้าเริ่มทำงานในจิตใจของโจนา ชีวิตของเธอมิได้เปลี่ยนแปลงเพราะตัวเธอเองสามารถเอาชนะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มิใช่สิบขั้นตอนที่นำความสำเร็จกลับสู่ชีวิตสมรส แต่เพราะการทำงานอันอัศจรรย์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณต้องการทราบหรือไม่ว่าได้เกิดอะไรขึ้น? คุณต้องการที่จะรู้ว่าส่วนที่ Dr. Phil ไม่ได้บอกกับผู้ชมของเขานั้นเป็นเรื่องอะไร? จีบกาแฟของคุณ แล้วอ่านต่อไปได้เลย

พระเจ้าทรงนำโจนามาถึงจุดของการกลับใจใหม่ แล้วทำให้จิตใจของเธออ่อนถ่อมลง ทรงหล่อหลอมและสร้างในส่วนลึกแห่งจิตใจของเธอขึ้นใหม่ นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ พระเจ้ามิได้พยายามที่จะเชื่อมรอยร้าว ประสานรอยแยก ปะส่วนที่ฉีกขาดในชีวิต พระองค์ทรงเริ่มจากการดึงเธอขึ้นมาแล้วสร้างเธอขึ้นใหม่ ในเวลาที่การหย่าร้างถึงจุดแตกหัก พระเจ้าทรงเริ่มพระราชกิจของพระองค์ในจิตใจของโจนา

โจนาได้อธิบายว่า “พระเจ้าทรงนำฉันมาถึงจุดของการสารภาพกลับใจใหม่ผ่านกลุ่มหนุนเสริมในกลุ่มเล็กเป็นครั้งแรก ฉันมองเห็นชัดว่า ตนเองได้ทำลายชีวิตสมรสของฉัน ฉันจะกล่าวหาตำหนิในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนงานอย่างว่าเล่นของเขา แต่ปัญหาต้นเหตุคือการที่ฉันมิได้ให้การเคารพนับถือต่อคนที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นหัวหน้าในครอบครัวของดิฉัน ฉันเป็นต้นเหตุโดยแท้และดอนไม่สามารถทนรับกับสภาพการณ์นั้นต่อไป ฉันไม่ยอมรับดอนด้วยคำพูด ท่าทีที่แสดงออก และการที่ไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวของฉัน

จะอยู่ในสภาพใดก็ตามพระเจ้าสามารถที่จะกอบกู้ชีวิตสมรสได้ โจนามุ่งมั่นตั้งใจว่า เธอจะยอมให้พระเจ้าเข้ามากอบกู้ชีวิตของเธอ

จิตใจของโจนาโหยหาอยากจะกลับคืนดีกับดอน แต่เป้าหมายสูงสุดในขณะนี้ของเธอคือ เธอต้องการที่จะเป็นสตรีที่พระเจ้าประสงค์ให้เธอเป็น เธอใช้เวลาในการศึกษาพระวจนะและอธิษฐาน ดูแลเอาใจใส่การแต่งตัวและบุคลิกของเธอ และที่น่าสนใจอย่างมากคือ น้ำหนักตัวของเธอได้ลดลง เธอเองไม่เชื่อสายตาของตนเองกับตัวเลขที่เห็นที่เครื่องชั่งน้ำหนัก

“ฉันเริ่มเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าที่บอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ฉันไม่ใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของดอน ดิฉันไม่ได้เป็นผู้นำของครอบครัว พระเจ้าทรงเรียกฉันให้เคารพนับถือดอนในฐานะผู้นำครอบครัว ทรงเรียกให้ฉันเคารพนับถือพระเจ้าในฐานะที่ฉันบุตรคนหนึ่งของพระองค์ และให้ฉันรักพระองค์ด้วยทั้งหมดของชีวิต วันหนึ่งเมื่อดอนมารับบุตรชายทั้งสอง ฉันได้เล่าถึงเรื่องที่ฉันได้เรียนรู้

“ฉันบอกดอนว่า ฉันรู้ว่าเราหย่ากันแล้ว แต่ฉันมุ่งมั่นตั้งใจว่าฉันจะยอมอยู่ภายใต้เขา ซึ่งฉันไม่ได้เป็นเช่นนั้นในเวลาที่ผ่านมา”

“ดีนะ” เขากุมมือของฉัน “แต่เธอก็ต้องรู้ว่า ฉันก็ต้องดำเนินชีวิตของฉันต่อไป”

ฉันตอบเขาว่า “ใช่แล้ว คุณสามารถที่จะดำเนินชีวิตของคุณต่อไป แต่ฉันจะมีชีวิตที่นี่”

โจนาให้กำลังใจกับดอน และให้สิ่งเป็น “พร” แก่ดอน

“สิ่งที่เป็น “พร” กับดอนคือ พระพร กระตุ้น แบ่งปัน และ สัมผัส” เธออธิบายต่อไปว่า “ฉันเริ่มสัมผัสเขาเมื่อเขามาแวะเยือนที่บ้าน ฉันตบหลังเขาเบาๆ และโอบเขา เมื่อฉันรู้ว่าเขาจะมาที่บ้าน ฉันจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดีและทำผมให้น่าดู ฉันชมเขาว่า ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่เขาเอาใจใส่ลูกทั้งสอง แล้วแบ่งปันให้เขาฟังว่าพระเจ้าได้สอนฉันในเรื่องอะไรบ้าง มีบางคนบอกกับดอนว่า ฉันกำลังคิดอุบาย ดังนั้น ดอนไม่ควรสนใจฉัน แต่นั่นมิใช่กลอุบายใดๆ ทั้งสิ้น พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของฉันใหม่ และฉันก็ตั้งใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างเราทั้งสอง ฉันจะไม่กลับไปเป็นผู้หญิงที่มีจิตในขมขื่นต่อไปอย่างที่เป็นในอดีต

ชาลอนกล่าวว่า “เธอไม่อยากจะบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่โจนาอธิษฐานเผื่อดอน” โจนากล่าวว่า “ฉันไม่เคยอธิษฐานเผื่อเขามาก่อนเลย แต่ทุกวันนี้ฉันอธิษฐานเผื่อเขาตลอดเวลา”

โจนาน้ำหนักตัวลดลง 100 ปอนด์ เธอมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มสวยงาม ฉันเองยังแปลกใจในตัวเธอ เพราะนี่มันมากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและบุคลิกภาพของเธอ พระคริสต์ที่เติบโตในชีวิตของเธอได้ฉายแสงออกมาบนใบหน้าของเธอ

ดอนงุนงงถึงการเปลี่ยนแปลงของโจนา เขาถามเธอว่า “ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันเป็นคนดีเยี่ยม อะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้”

โจนาอธิบายแก่ดอนว่า “เพราะเดี๋ยวนี้ฉันมองเธอผ่านสายตาของพระเจ้า ฉันมองเห็นว่าเธอเป็นดีเยี่ยม”
ดอนตกหลุมรักโจนาอีกครั้งหนึ่ง นี่มิใช่กลอุบาย แต่มันเป็นการอัศจรรย์ พระเจ้าให้โอกาสแก่เขาทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง เขาแต่งงานใหม่ในวันที่ 24 สิงหาคม 2003 “โอ...ฉันรักพระองค์ พระเจ้าแห่งโอกาสครั้งที่สอง”

ท่านผู้อ่านที่รัก โจนาอนุญาตให้ดิฉันเผยแพร่เรื่องราวของเธอด้วยความยินดี เพราะเธอคิดว่า เธอต้องการทำทุกอย่างเพื่อจะช่วยเพื่อนหญิงของเธอไม่ทำสิ่งผิดพลาดอย่างเธอ เธอร้องไห้แล้วร้องไห้อีกเมื่อเล่าถึงเรื่องราวของตนเอง...เพื่อไม่ให้ท่านต้องตกลงในความทุกข์ยากอย่างเธอที่ผ่านมา โจนาอธิบายในเรื่องนี้ว่า “พระเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันตกลงไปในสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้ายทุกข์ยาก ฉันอธิษฐานทูลขอว่า อย่าให้คนอื่นต้องตกลงในสถานการณ์เช่นนั้นแล้วค่อยมารู้ตัวภายหลัง ว่าตนได้ทำอะไรกับชายข้างกายของเธอ”

และนี่คือสิ่งที่ Dr. Phil พิธีกรชื่อดังในรายการไม่ได้บอกแก่ผู้ชมในวันนั้น

เก็บความและเรียบเรียงจาก God Can Resurrect Your Marriage from the Ashes
เขียนโดย Sharon Jaynes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น