27 กุมภาพันธ์ 2554

เอกภาพ... ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

12เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก
จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน
13จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน
และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน
14แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์
15และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย...
(โคโลสี 3:12-15)

12เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์

ในพระธรรมโคโลสี 3:1-17 อัครทูตเปาโลได้ชี้ถึงการดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้า เมื่ออ่านพระธรรมตอนนี้ทำให้เราระลึกว่า ในฐานะคริสเตียนเราเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือก พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงมอบหมายให้เรารับผิดชอบงานที่พระองค์มอบให้เราทำในที่ทำงาน พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นเหมือน “แผนที่เส้นทาง” สำหรับเราที่จะทำงานเข้าขากับเพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน เพราะว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นคนที่พระเจ้าทรงให้เราทำงานร่วมกัน เพื่อเราจะเติบโตขึ้นในชีวิตการงานที่เราทำ

15และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน
พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย
เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู
16จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์
จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น
จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า
17และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม
จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และ ขอบพระคุณพระบิดาเจ้า... (โคโลสี 3:15-17)

เอกภาพ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นเรื่องสำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศในที่ทำงาน ประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งคือการยอมยกโทษเพื่อนร่วมงานด้วยความจริงใจและด้วยใจกรุณา พร้อมกันนั้น เราจะต้องเอาชนะความกลัวที่ฝังแน่ในตัวของเรา และความรู้สึกที่ไม่มั่นคงปลอดภัย จงมุ่งมั่นตั้งใจและอุทิศตัวของเราที่จะดำเนินไปบนเส้นทางของพระเจ้า ให้โน้มชีวิตของเราไปยังพระเจ้าเพื่อที่จะขจัดอุปสรรคทั้งหลายที่อยู่นอกเหนือความสามารถการควบคุมของเรา รวมทั้งความไม่สมบูรณ์และความสับสนในตัวเราเอง ในตัวคนอื่นๆ และในองค์กร เพื่อที่เราจะสามารถมุ่งมั่นก้าวไปไม่ว่าจะมีความยากลำบากเพียงใด และ ไม่ว่าหนทางที่จะก้าวเดินไปนั้นจะยาวไกลแค่ไหน

เมื่อพระเจ้าทรงมอบหมายให้เรายอมรับเอาระบบใหม่ และ ฝ่าฟันให้งานที่ทำก้าวไปข้างหน้า ซึ่งเป็นการท้าทาย ที่ต้องการความอดทนและมานะบากบั่น บ่อยครั้ง ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเหมือนพระเจ้ากำลังทำงานในตัวของเรา แต่ถ้าเราอุทิศตัวเรายืนหยัดทำงานตามที่พระเจ้าทรงมอบหมาย เพื่อที่จะก้าวมุ่งไปสู่พระประสงค์ของพระองค์ เราจะเป็นพยานของพระเจ้าด้วยการฝ่าฟันไปสู่การเสริมสร้างทางใหม่ให้ไปถึงเอกภาพ ในการนี้รวมถึงการปรับเปลี่ยนจิตใจ มุมมอง และ ทัศนคติในชีวิตของผู้คน กระตุ้น หนุนเสริมผู้คนที่ไม่เต็มใจร่วมงาน ให้ตัดสินใจเลือกด้วยความเต็มใจ

ดังนั้น เอกภาพจึงเป็นกระบวนการ โดยกระบวนการนี้ พระเจ้าทรงหลอมเรา เพื่อนร่วมงานของเรา หัวหน้าของเรา องค์กรของเราด้วย “ความร้อน” ของความกดดัน การที่พระเจ้าให้เราอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะว่า พระองค์พยายามที่จะสอนเรา ชำระเรา เพื่อที่จะให้เราสามารถมีความรับผิดชอบในตำแหน่งงานที่พระองค์ทรงมอบหมายนั้น

อยู่ที่ว่าเราเต็มใจที่จะอยู่ท่ามกลางความกดดันนี้หรือไม่?

เราพร้อมที่จะเปิดใจรับการสอนและการหลอมจากพระองค์หรือไม่? หรือเราไม่สามารถอดรนแล้วก็ทนไม่ได้ในภาวะของการทรงเสริมสร้างเรา เพราะการเห็นแก่ตัวของเรา? ให้เราสังเกตข้อที่ 15 ที่ว่า
“จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย”

ให้ความรักที่มาจากพระคริสต์ครอบครองความสัมพันธ์ของเรา เรามักมองคนอื่นด้วยสายตาที่ตัดสิน ด้วยความขมขื่น และมักเกิดความขัดแย้ง ทะเลาะถกเถียงไม่พอใจกัน สิ่งเหล่านี้ นำไปถึงซึ่งสภาพที่ไร้เอกภาพ ไม่สามารถประสานสัมพันธ์กัน ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นความแตกร้าว ฉีกขาด สูญเสียพลังร่วม ในสภาพเช่นนี้เองที่เอื้ออำนวยให้ศัตรูมีกำลังมากขึ้นในการทำลายแผนการของพระเจ้า

เส้นทางของเอกภาพคือเส้นทางที่ปูด้วยการยอมกลับใจใหม่ การยอมยกโทษ การยอมที่จะร่วมไม้ร่วมมือกัน และการมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินไปบนเส้นทางของพระเจ้าผ่านสถานการณ์แวดล้อมสภาพต่างๆด้วยการทรงนำของพระองค์ ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้นในสภาพใดก็ตาม

ถ้าท่านกำลังอยู่ในที่ทำงานที่มีสภาพวุ่นวายสับสน ขอท่านทูลถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเปิดเผยให้รู้ว่าพระเจ้าทรงมอบหมายให้ท่านทำและมีชีวิตเช่นไรในสถานการณ์นั้น ทูลขอให้พระองค์ทรงเปิดเผยให้ท่านเห็นถึงจุดสำคัญและกระบวนการที่ควรขับเคลื่อน ทูลถามพระองค์ว่าท่านควรอธิษฐานเช่นไร และพระองค์มีพระประสงค์ให้ท่านได้เรียนรู้อะไร ทูลขอพระองค์ช่วยท่านให้ได้รับประสบการณ์ตามที่พระองค์ประสงค์ เพื่อว่าท่านจะไม่ต้องเดินวนเวียนเหมือนหนูติดจั่น วนซ้ำแล้วซ้ำอีก

เพื่อท่านจะเดินไปบนเส้นทางนั้นด้วยความถ่อมใจและความสำนึก สรรเสริญพระเจ้าท่ามกลางสถานการณ์เหล่านั้น ยอมตนที่จะเดินไปบนเส้นทางที่พระเจ้าทรงนำ เข้าสู่สถานการณ์ที่พระเจ้าทรงนำด้วยจิตใจที่สงบสันติ จากนั้น ท่านจงนับพระคุณของพระเจ้าที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น