12 พฤษภาคม 2554

พระเจ้าตรัสผ่านพระคัมภีร์ในแต่ละวัน

“พระดำรัสทุกคำของพระเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด
พระองค์ทรงเป็นโล่สำหรับบรรดาผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์”
(สุภาษิต 30:5 อมตธรรม)

ข้าพเจ้าอัศจรรย์ใจในการทรงนำของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับเรา การเรียนรู้จากพระปัญญาและความล้ำลึกของพระองค์ เราสามารถดำเนินชีวิตที่ปลอดจากปัญหามากมายที่ผู้อื่นต้องประสบเป็นประจำเพราะเขาเหล่านั้นมิได้รู้ถึงพระดำรัสของพระองค์ เราเรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ใดจากพระวจนะของพระเจ้า พระคุณของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นผู้ที่เราไว้วางใจได้สูงสุด

ดิฉันได้ค้นพบวิธีการฟังพระวจนะของพระเจ้าที่น่าอัศจรรย์ใจ ที่จะขอแบ่งปันในที่นี้

ดิฉันเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้าจากพระคัมภีร์และกระดาษเปล่าสำหรับการเขียน ข้างบนหน้ากระดาษดิฉันจะเขียนสองสามประโยคที่บอกถึงสิ่งที่ฉันคิดในห้วงความคิดของดิฉัน ดิฉันอาจจะมีคำถามเกี่ยวกับพระเจ้า หรือพระองค์ทรงมีมุมมองในบางเรื่องอย่างไร หรือมีคำถามเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียน หรืออาจจะเป็นประโยคที่กล่าวถึงสถานการณ์ที่ฉันพบในชีวิตที่มารบกวนจิตใจของฉันและฉันสามารถใช้ความรู้สติปัญญาของพระเจ้าตอบสิ่งที่พบเหล่านั้น บนกระดาษแผ่นนี้ดิฉันจะเขียนสองสามประโยคที่สรุปถึงสถานการณ์ของชีวิตปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามที่กล่าวข้างต้น

จากนั้น ดิฉันจะตั้งคำถามพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเขียนคำถามนั้นบนกระดาษด้วย

สิ่งที่ฉันเขียนอาจจะมีลักษณะดังนี้

“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รู้สึกว่า ถูกงานที่ต้องทำถาโถมจู่โจม จนรู้สึกว่ามีงานโน่นงานนี่ต้องทำมากมายเหลือเกิน และกำลังรู้สึกว่าไม่รู้จะทำงานให้เสร็จสำเร็จครบถ้วนอย่างไร พูดกันตรงๆ ข้าพระองค์รู้สึกโกรธที่ทำไมงานมันถึงมากเหลือเกินเช่นนี้ พระองค์มองเรื่องนี้อย่างไร พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ได้เรียนรู้ และ มีวิธีมองอย่างพระองค์ในขณะนี้?"

ดิฉันเลือกใช้พระคัมภีร์ที่มีรายการศัพท์สำคัญที่บอกถึงข้อพระคัมภีร์ในแต่ละคำศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ด้านท้ายของพระคัมภีร์ ดิฉันจะพลิกไปด้านหลังพระคัมภีร์ค้นหาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับคำถาม หรือ คำอธิษฐานในวันนี้ เช่น “การงาน” “การทำงาน” “โกรธ” “กังวล” “พระกำลังจากพระเจ้า” และ ฯลฯ ในแต่ละคำศัพท์เราจะพบข้อพระคัมภีร์ต่างๆที่มีคำศัพท์คำนั้น ตัวอย่างเช่น คำว่า “โกรธ” ก็จะมีรายการข้อพระคัมภีร์เช่น มาระโก 3:5; มาระโก 11:14-16; โรม 2:8; มัทธิว 23; และ ฯลฯ

ปัจจุบันนี้ทันสมัยกว่านั้น ในพระคัมภีร์ฉบับคอมพิวเตอร์ของสมาคมพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ จะมีโปรแกรมค้นหาข้อพระคัมภีร์สำหรับศัพท์สำคัญที่ใช้ในพระคัมภีร์ เพียงแต่เราคลิกเข้าไปโปรแกรมค้นหาข้อพระคัมภีร์และพิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการค้นหาลงในช่องที่กำหนด และเลือกพระคัมภีร์ฉบับที่ต้องการใช้ แล้วสั่งให้ค้นหา ท่านก็จะได้ข้อพระคัมภีร์ตารมศัพท์สำคัญที่ท่านสั่งค้นหา

จากนั้น ดิฉันก็จะอ่านตามข้อพระคัมภีร์ในรายการที่ค้นได้ทีละข้อละตอน ถ้าพระคัมภีร์ข้อไหนตอนไหนที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคำถามหรือสถานการณ์ชีวิตของดิฉัน ดิฉันก็จะเขียนเนื้อหาของข้อพระคัมภีร์นั้นลงบนกระดาษ (สำหรับดิฉัน จะเขียนเนื้อหาข้อพระคัมภีร์นั้นด้วยลายมือแม้จะเป็นการค้นหาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ตาม เพราะดิฉันจะมีโอกาสค่อยๆ อ่านอย่างละเอียด เพื่อจะได้ยินคำพูดจากพระคัมภีร์ตอนนั้นๆ) หรือดิฉันจะเขียนข้อพระคัมภีร์เท่านั้น หลังจากนั้นจะกลับมาอ่านพระคัมภีร์ตอนนั้น อาจจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับข้ออื่นๆ อีก 2, 3 หรือ 5 ข้อ ดิฉันก็จะคัดข้อทั้งหลายที่เกี่ยวข้องหรือที่ตอบคำถาม หรือ ตอบสนองต่อสถานการณ์ชีวิตที่ดิฉันประสบอยู่ เมื่อเขียนเสร็จแล้วกลับมาอ่านซ้ำอย่างเอาใจใส่อีกครั้งหนึ่ง ก็จะช่วยให้ดิฉันเห็นภาพรวม กรอบคิด หรือ ข่าวสารที่พระคัมภีร์ตอนนั้นกำลังพูดกับดิฉัน ดิฉันทูลขอพระเจ้าโปรดสอนดิฉัน และใคร่ครวญพระธรรมตอนนั้นว่า พระองค์กำลังตรัสอะไรในเรื่องนั้น หรือ ในคำถามที่ดิฉันเขียนลงในกระดาษก่อนหน้านี้

ตัวอย่างเช่น ดิฉันรู้สึกโกรธคนบางคน แล้วได้ค้นพบและอ่านในพระคัมภีร์หลายข้อหลายตอนที่เกี่ยวกับเรื่องโกรธ การยกโทษ หรือ ใจสงบสันติ ดิฉันต้องการค้นหาพระคัมภีร์ที่พูดถึงเรื่องนี้ ค้นหาข่าวสารจากพระเจ้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดิฉันอาจจะพบว่า พระคัมภีร์ได้พูดกับฉันว่า เมื่อพระเยซูคริสต์ได้ไถ่ดิฉันออกจากอำนาจของความบาปแล้ว พระองค์ไม่ได้ถือโทษในความบาปที่มีในอดีตของดิฉัน ดิฉันก็ควรจะยกโทษ ให้อภัยแก่เพื่อนคนนั้นด้วย เฉกเช่นที่พระคริสต์ยกโทษแก่ดิฉันแล้ว

บางครั้ง พระเจ้าทรงให้พระคัมภีร์ข้อใดข้อเดียวที่ตอบคำถามหรือสถานการณ์ชีวิตของเราในตอนนั้น พระองค์ทรงตรัสตรงกับเราผ่านพระคัมภีร์ข้อนั้นๆ ดิฉันก็จะค้นหาต่อไปว่า ข้อพระคัมภีร์ที่ให้ความหมายเดียวกันนี้สามารถพบได้ที่ไหนบ้าง ซึ่งพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ก็จะให้ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงในลักษณะเหมือน footnote ซึ่งบางฉบับจะอยู่กลางหน้า บางฉบับจะอยู่ด้านล่างของแต่ละหน้า แล้วดิฉันจะศึกษาข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องเหล่านั้นด้วย

บางครั้งดิฉันใช้เวลาการค้นหาและศึกษาใคร่ครวญเช่นนี้เพียง 10-15 นาทีเท่านั้น แต่บางครั้งน่าสนใจมากดิฉันใช้เวลาการศึกษาใคร่ครวญเช่นนี้ไป ครึ่งชั่วโมง บางครั้งหนึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงเวลานี้มีความสำคัญมาก ดิฉันจะทูลขอให้พระเจ้าทรงสอนดิฉัน ทูลขอให้พระองค์ทรงสอนให้ดิฉันมีมุมมองอย่างพระองค์ เพราะดิฉันต้องการมีชีวิตที่ติดตามพระองค์ อย่างไรก็ตาม ในการค้นหา ศึกษาใคร่ครวญเช่นนี้ ดิฉันมิได้ค้นหาว่ามีข้อพระคัมภีร์ข้อไหนที่ ดิฉันจะใช้ในการกระทำเพื่อพระเจ้า แต่จุดประสงค์ของดิฉันคือต้องการฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสกับดิฉันถึงวิถีทางที่พระองค์ประสงค์ เพื่อที่จะสนองตอบพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงมีในชีวิตของดิฉัน ดิฉันทูลขอพระองค์ทรงกำหนดแผนการของพระองค์ในชีวิตของดิฉัน มิใช่ทูลขอให้พระองค์ช่วยให้ดิฉันสามารถทำตามแผนการชีวิตของดิฉันที่กำหนดเอง เมื่อดิฉันได้เรียนรู้จากพระวจนะของพระเจ้าว่าพระองค์มีพระประสงค์ให้ดิฉันดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงบางประการของพระองค์ ดิฉันจะทูลขอพระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของดิฉัน ประทานพลังแก่ชีวิตของดิฉัน และมีใจปรารถนาที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ เช่น เมื่ออ่านข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “จงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:2) “ขอพระเจ้าโปรดทำงานในชีวิตของข้าพระองค์ให้ข้าพระองค์เป็นคนถ่อม สุภาพ และอดทนต่อคนอื่นๆ พระองค์ทรงทราบว่า นี่มิใช่ลักษณะนิสัยและชีวิตของดิฉันที่จะทำกับคนอื่นๆ เช่นนี้ โปรดสอนข้าพระองค์ที่จะมีชีวิตเช่นนี้ได้อย่างไร” กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดิฉันไว้วางใจในพระเจ้า พึ่งพิงในพระองค์ ทูลขอพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของดิฉันตามที่พระองค์ตรัสแก่ดิฉันในวันนี้

นี่เป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะทูลขอพระเจ้าที่จะสอนเราผ่านพระวจนะของพระองค์ โดยให้เราเข้าพบกับพระเจ้าด้วยชีวิตจิตใจที่เปิดออก ทูลขอให้พระเจ้าตรัสกับเราในเรื่องในสถานการณ์ที่ชีวิตของท่านกำลังประสบอยู่ในวันนั้น ให้เราเสนอความคิดความรู้สึกที่เป็นจริงในวันนั้นด้วยความจริงใจต่อพระองค์ จากนั้นให้เราทูลขอพระเจ้าโปรดตรัสกับเราตามมุมมองของพระองค์ บางครั้งดิฉันจะทูลขอต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ในสถานการณ์ชีวิตของข้าพระองค์ในตอนนี้ พระองค์ประสงค์ให้ข้าพระองค์รู้จักพระองค์ในแง่ไหนมุมไหนบ้าง? พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์ไว้วางใจพระองค์ในแบบไหน? พระองค์ต้องการตรัสอะไรกับข้าพระองค์?” จากนั้น ให้เวลากับพระเจ้า ในขณะที่เราคัดลอกข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง เมื่อเราพิจารณาถึงภาพรวมของข่าวสารในพระคัมภีร์ที่พระองค์ตรัสกับเรา เมื่อพระองค์สอนเรา จากนั้นให้เราขอบพระคุณพระเจ้า และทูลขอให้พระองค์โปรดสร้างสิ่งที่พระองค์ตรัสแก่เราในชีวิตของเรา

ถอดความและเรียบเรียงจากข้อเขียนของ Marilyn Adamson
เรื่อง How God Speaks to Us Through the Bible

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น