19 พฤษภาคม 2554

ความวิตกกังวล: ศัตรูตัวร้ายของความเชื่อศรัทธา

คุณรู้หรือไม่ว่าความบาปชนิดใดที่เป็นศัตรูตัวร้ายสุดต่อความเชื่อศรัทธา? ลัทธิวัตถุนิยมหรือ? ความละโมบโลภมากหรือ? ความโกรธหรือ? กามตัณหาหรือ? หรือพวกมือถือสากปากถือศีล? ไม่ใช่เลย ความบาปทั้งสิ้นเหล่านี้เป็นศัตรูต่อความเชื่ออย่างแน่นอน แต่มิใช่เป็นศัตรูตัวร้ายต่อความเชื่อ

นักล่าฆ่าความศรัทธานามกระฉ่อนในทุกชีวิตคือ ความกังวล 25“เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ(มัทธิว 6:25)”

จากการศึกษารากศัพท์ในภาษากรีกของคำว่า “วิตกกังวล” มีความหมายที่น่าสนใจ ให้เราเริ่มดูจากคำที่พระธรรมมัทธิวใช้คำว่า meriznao ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า วิตกกังวล รากศัพท์ภาษากรีกคำนี้มาจาก 2 คำด้วยกันคือคำว่า merizo หมายถึง “การแบ่งแยก” และคำว่า nous หมายถึง “ความคิด” รวมความแปลได้ว่า คนๆ นั้นเกิดความวิตกกังวล ได้รับความทุกข์จากการที่แตกแยกทางความคิด การปล่อยให้เกิดความกระสับกระส่ายไม่สงบและมีจิตใจที่ว้าวุ่นวอกแวกหรือฟุ้งซ่าน

จากเรื่องราวในพระคัมภีร์ ไม่มีพระธรรมตอนไหนที่ให้ความหมายที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมเท่ากับที่บันทึกไว้ใน 5 ข้อสุดท้ายในพระธรรมลูกาบทที่ 10 ให้เราลองพิจารณาจากพระธรรมตอนนี้

พระเยซูแวะเข้าไปในบ้านมิตรสหายที่สนิทในเมืองเบธาเนีย มารธาเพื่อนสนิทคนหนึ่งของพระองค์ที่ตื่นเต้นอย่างมากในการมาของพระเยซู แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงเมื่อมารีย์น้องสาวของมารธาชื่นชอบเหลือเกินที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามาเยี่ยมบ้านของเธอ เพราะเธอมีโอกาสนั่งใกล้พระองค์ แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนต่อพี่สาวของเธอที่กำลังว้าวุ่นวิตกกังวลอย่างมาก

ในพระธรรมลูกาได้เล่าไว้ว่า “แต่มารธายุ่งในการปรนนิบัติมาก” (ข้อ 40) และก็ไม่มีใครช่วยมารธา และนี่เป็นฟางเส้นสุดท้าย มารธาโกรธจัด ฉุนเฉียว อารมณ์ถึงจุดเดือด จนระเบิดต่อว่าพระเยซูออกมาว่า “...พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ซึ่งน้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ทำการปรนนิบัติแต่คนเดียว ขอพระองค์สั่งเขาให้มาช่วยข้าพระองค์” (ข้อ 40)

แต่พระเยซูไม่ได้ติดใจในงานยุ่งของมารธาและคำสั่งของเธอ แต่พระเยซูตอบเธออย่างสุภาพ มั่นคงว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก 42สิ่งซึ่งต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้” (10:41-42)

ความวิตกกังวล หรือ การกระวนกระวาย และ ร้อนใจนั้นเกิดขึ้นเพราะเราคิดว่าเราต้องรับผิดชอบต่อเรื่องเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่นอกความสามารถที่เราจะควบคุมได้ บทสรุปที่น่าสนใจยิ่งของพระเยซูที่ว่า “มีเพียงสองสามสิ่งที่จำเป็น แท้จริงแล้วสิ่งที่จำเป็นมีเพียง แต่สิ่งเดียว” (ตัวเอนแปลตามสำนวนของ อมตธรรม) และนี่คือตัวอย่างยอดเยี่ยมของความเชื่อศรัทธาพื้นฐาน

สิ่งที่มารีย์ต้องการมากที่สุดคือโอกาสที่จะอยู่กับพระเยซู และพระองค์ยกย่องเธอในสิ่งที่เธอเลือก ความเชื่อศรัทธาพื้นฐานธรรมดาของมารีย์นี้ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความว้าวุ่นสับสน กระวนกระวาย และร้อนใจของพี่สาว

ความวิตกกังวล และ ว้าวุ่นไม่สามารถที่จะไปได้กับความเชื่อศรัทธา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น