16 เมษายน 2555

บารนาบัส...ลูกแห่งการให้กำลังใจ

16 เมษายน 2012

การที่คนหนึ่งคนใดที่ชีวิตผิดพลาดไปแล้ว และเมื่อรู้สึกสำนึกต้องการกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่มิใช่เรื่องง่ายที่ผู้คนที่รู้อดีตของเขาจะยอมและเชื่อวางใจการกลับเนื้อกลับตัวของคนๆ นั้นทันที บางครั้งคนประเภทนี้ถ้าในทางการเมืองอาจจะถูกเรียกว่า “แปรพรรค” หรือ “แปรพักตร์” นั่นหมายความว่าเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจ ที่ไม่น่าไว้วางใจเพราะกลัวว่าจะถูกคนๆ นั้นโกหกหลอกลวงหรือหักหลังในที่สุดอย่างที่เคยเป็นมาแล้ว

เซาโลเป็นผู้ได้รับการหล่อหลอมความเชื่อศรัทธามาอย่างมั่นคง ยืนหยัดในความเชื่อของยิว ร่ำเรียนทางด้านศาสนศาสตร์กับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ยิ่งกว่านั้นเป็นคนที่แสดงออกถึงจุดยืนความเชื่อและอุดมการณ์ในการปกป้องศาสนายิวที่ตนเชื่อถืออย่างแข็งขันและ “แข็งกร้าว”

แต่เมื่อความเชื่อในลัทธิใหม่ ที่เชื่อว่าเยซูชาวนาซาเร็ธเป็นพระเมสสิยาห์แพร่ขยายอย่างกับโรคร้ายระบาดรวดเร็วในชุมชนคนยิว ย่อมเป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อพวกยิวอย่างยิ่ง ดีที่มีชายคนหนึ่งชื่อเซาโลที่อาสาออกกวาดล้างทำลายพวกที่ฝังหัวในลัทธิใหม่เยซูชาวนาซาเร็ธอย่างคลั่งไคล้ เขาได้รับอำนาจจากมหาปุโรหิตในการกระทำการนี้ และมุ่งหน้าสูจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือเมืองดามัสกัส เพื่อสกัดกั้นและทำลายล้างขบวนการนี้มิให้แพร่หลายเติบโต เพราะดามัสกัสคือศูนย์กลางการค้าพาณิชย์ เป็นจุดเชื่อมคาราวานการค้าที่ไปยังซีเรียตอนเหนือ เมโสโปเตเมีย อานาโตเลีย เปอร์เซีย และอาระเบีย ถ้าลัทธิใหม่เยซูแห่งนาซาเร็ธสามารถตั้งตัวได้ที่ดามัสกัส ศาสนา “ทางนั้น” ก็จะแผ่ขยายอย่างรวดเร็วไปยังเมืองสำคัญเหล่านี้

แต่จู่ๆ วันหนึ่งกลับมีข่าวแพร่สะพัดว่า เซาโลคนนี้แปรพักตร์กลับไปเป็นพวกลัทธิเยซูแห่งนาซาเร็ธ ยิ่งกว่านั้นกลับยืนยันกับผู้คนทั้งหลายว่า เยซูคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ พูดกับเขาบนเส้นทางไปเมืองดามัสกัส และใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาอธิบายเชื่อมโยงคำสอนในศาสนายิวว่า เยซูชาวนาซาเร็ธคนนี้คือผู้ที่ผู้เผยพระวจนะได้ทำนายไว้ว่า เป็นพระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยให้รอดของยิว ด้วยเหตุนี้มีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้นที่ต้องทำคือกำจัดคนนี้อย่างที่เคยจัดการกับเยซูชาวนาซาเร็ธมาแล้ว ดังนั้น พวกยิวและฟาริสีและสมาชิกสภาซันเฮดรินจึงให้ผู้นำยิวที่ดามัสกัสทำทุกหนทางที่จะหยุดชีวิตของเซาโลตัวอันตรายคนนี้ให้ได้ ด้วยการปิดล้อมและตั้งจุดตรวจสกัดทุกประตูเมืองดามัสกัส

พวกสานุศิษย์ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ในดามัสกัสได้หาทางช่วยให้เซาโลหนีออกจากดามัสกัส โดยให้เซาโลนั่งในเข่งแล้วผูกเชือกหย่อนลงไปข้างกำแพงเมืองเพื่อให้เซาโลหนีออกจากเมืองดามัสกัส หนีสำเร็จ เซาโลเดินทางต่อไปกรุงเยรูซาเล็ม หวังว่าจะได้เข้าไปร่วมในชุมชนสาวกพระเยซูคริสต์ แต่เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นไปตามคาด พวกสาวกกลับไม่กล้าต้อนรับเซาโลผู้กล้าหาญคนนี้ เพราะกลัวว่า นี่เป็นแผนลวงของเซาโลเพื่อทำให้ตายใจแล้วสามารถเข้าไปในที่ซ่อนตัวของพวกสาวก หลังจากนั้นก็จะทำลายกลุ่มสาวกพระคริสต์ที่เป็นแกนนำเหล่านี้ให้สิ้นซาก ถ้าเราเป็นเซาโลที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้เราจะทำอย่างไร เมื่อเราต้อง “หนีเสือปะจระเข้” พระเจ้าจะสนใจไหม?

หมอลูกาได้บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ในพระธรรมกิจการ 9:23-28 ไว้ว่า...

23หลังจากนั้นอีกหลายวัน พวกยิวก็ปรึกษากันว่าจะฆ่าเซาโล

24แต่แผนการของพวกเขารู้ไปถึงหูของเซาโล พวกเขาคอยเฝ้าที่ประตูเมืองทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อดักฆ่าเซาโล (ดู 2โครินธ์ 11:32)

25แต่พวกสาวกเอาเซาโลนั่งลงในกระบุงใบใหญ่ตอนกลางคืนแล้วหย่อนท่านลงจากกำแพงเมือง (ดู โยชูวา 2:15; 1ซามูเอล 19:12)

26เมื่อเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านพยายามจะเข้าร่วมกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก (ดู กิจการ 22:17) (ฉบับมาตรฐาน)

ในภาวะวิกฤติชีวิตของเปาโลผู้กลับใจใหม่ และตั้งใจยืนหยัดเพื่อพระคริสต์ กลับมาพบกับการไม่ยอมรับและการไว้วางใจจากกลุ่มสาวกของพระเยซูองค์ ในเวลานั้นเอง พระเจ้าทรงเตรียมคนกลางประสานให้เกิดความไว้วางใจและการยอมรับกันและกันในชุมชนของผู้เชื่อของพระเยซูคริสต์ ชายคนที่ชื่อโยเซฟ เป็นคนที่เติบโตในเผ่าเลวี ที่มาจากเกาะไซปรัส ซึ่งสาวกเรียกเขาในชื่อ “บารนาบัส” คนๆ นี้เป็นผู้ยืนเคียงข้างคนที่เล็กน้อยและถูกกระทำจากคนอื่นและสังคม เช่น

บารนาบัสเป็นคนแรกๆ ที่พระธรรมกิจการเอ่ยถึงว่าเป็นคนที่ขายที่ดินของตนเพื่อนำเงินมาใช้สำหรับคนที่มีความต้องการในชุมชนผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ “โยเซฟคนเลวีจากเกาะไซปรัส ซึ่งอัครทูตเรียกว่า บารนาบัส (แปลว่าลูกแห่งการให้กำลังใจ) ได้ขายที่ดินของเขาและนำเงินมาวางแทบเท้าของอัครทูต” (กิจการ 4:36-37 อมตธรรม)

และเมื่อเซาโลกลับใจใหม่ มาที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อที่จะมาอยู่ร่วมในชุมชนสาวกพระเยซูคริสต์ แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะความไม่เชื่อใจของบรรดาสาวกของพระเยซูคริสต์ในกรุงเยรูซาเล็ม บารนาบัส ได้กลายเป็นคนกลางรับประก้นว่าเซาโลกลับใจจริงๆ เขาเผชิญหน้ากับพระเยซูคริสต์บนเส้นทางไปดามัสกัส ยิ่งกว่านั้น เซาโลยังได้เป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์จนพวกยิวที่ดามัสกัสแสวงหาทางฆ่าเซาโล ด้วยการที่บารนาบัสยืนยันเคียงข้างเซาโลเช่นนี้เอง ทำให้ชุมชนสาวกของพระเยซูคริสต์เกิดความแน่ใจและไว้วางใจเซาโล จนเขาสามารถเข้านอกออกในในชุมชนสาวกของพะเยซูคริสต์ในกรุงเยรูซาเล็มได้

27แต่บารนาบัสพาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเซาโลเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ตรัสกับท่านระหว่างทางอย่างไร และท่านประกาศออกพระนามพระเยซูด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัสอย่างไร (ดู กิจการ 11:25)

28แล้วเซาโลจึงได้เข้านอกออกในอยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม (ฉบับมาตรฐาน)

คริสตจักรไทยในปัจจุบันนี้ต้องการคนอย่างบารนาบัส เป็นคนที่มีน้ำใจ ยิ่งกว่านั้นเป็นคนที่เสริมสร้างกำลังใจแก่ผู้คนที่ตกอยู่ในวิกฤติ การให้กำลังใจของบารนาบัสมิใช่พูดให้เกิดกำลังใจเท่านั้น แต่กำลังใจที่บารนาบัสเสริมเพิ่มพลังแก่ผู้คนนั้นมาจากจิตใจที่เมตตาและถ่อมสุภาพ จิตใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าตัวมิได้ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ หรือ รู้ตัว เพราะการถ่อมใจเมตตานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของคนๆ นั้น และเป็นทัศนคติในชีวิตและเป็นมุมมองชีวิตที่ตนมีต่อคนรอบข้าง “คนอื่นมาก่อนตนเอง”

นอกจากนั้น คริสตจักรไทยยังต้องการคนอย่างบารนาบัสในฐานะเป็นคนกลางที่เสริมสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน และที่สำคัญคือการเสริมสร้างความเข้าใจและไว้วางใจกันและกันในการทำงานรับใช้พระเจ้า ให้เกิดการทำงานรับใช้พระเจ้าที่หนุนเสริมซึ่งกันและกัน ครั้งเมื่อเปาโลปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับมาระโกเพราะเปาโลเห็นว่ามาระโกเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบในการรับใช้พระเจ้า บารนาบัสยอมที่จะต้องแยกทีมทำงานกับเปาโลเพื่อที่จะมีโอกาสทำงานเคียงข้างร่วมกับมาระโกเพื่อเสริมสร้างชีวิตมาระโกในการรับใช้พระเจ้า ในที่สุดชีวิตการรับใช้ของมาระโกได้พัฒนาเปลี่ยนแปลง จนเปาโลยอมกลับมาร่วมงานกับมาระโกอีกครั้งหนึ่ง

บารนาบัส ลูกแห่งการเสริมสร้างกำลังใจ เป็นคุณลักษณะคริสเตียน ที่ไม่โดดเด่นแต่เปี่ยมด้วยพลังในการเสริมหนุนกำลังใจกำลังชีวิตของผู้คน เป็นคุณลักษณะชีวิตคริสเตียนที่ได้รับอิทธิพลจากภายในชีวิตและทัศนคติในชีวิตของคนๆ นั้น เป็นคนที่ไม่ต้องการมีชื่อเสียงเด่นดังแต่จิตใจเปี่ยมด้วยเมตตากรุณาในการค้ำจุน หนุนช่วย ยืนหยัดเคียงข้างผู้คนที่กำลังประสบวิกฤติในชีวิตเพื่อมีส่วนในการประคับประคองชีวิตให้สามารถทะลุผ่านพ้นวิกฤติชีวิตดังกล่าว แล้วยังเต็มใจเสริมสร้างให้คนๆ นั้นมีชีวิตที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตในสังคมชุมชนอย่างสร้างสรรค์

ประเด็นสำหรับใคร่ครวญและอภิปรายในกลุ่ม

1. ในชีวิตที่ผ่านมาท่านเคยมีประสบการณ์ชีวิตกับคนที่มีลักษณะเช่น “บารนาบัส” หรือไม่? คนๆ นั้นเป็นใคร สร้างผลกระทบต่อชีวิตของท่านหรือไม่อย่างไร?

2. ท่านเคยมีโอกาสเป็น “บารนาบัส” ในชีวิตแก่ใครบ้าง? มีผลเช่นไรในชีวิตของท่าน?

3. วันนี้โปรดไวต่อการทรงเรียกของพระเจ้า ที่จะให้ท่านเป็นเหมือนบารนาบัสแก่ใครบางคนที่พระองค์ทรงชักนำมาหาท่าน

ใคร่ครวญภาวนา

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงดูแลเอาใจใส่ในทุกช่วงตอนชีวิตข้าพระองค์ ทั้งในเวลาที่ข้าพระองค์วิงวอนทูลขอต่อพระองค์ ในเวลาที่ข้าพระองค์มิได้คิดถึงพระองค์ ในเวลาที่ชีวิตหนีเสือปะจระเข้ และในเวลาที่ชีวิตเป็นปรปักษ์กับพระประสงค์ของพระองค์ ขอบพระคุณพระองค์ที่ยังทรงห่วงใยติดตามใกล้ชิดเอาใจใส่ อยู่เคียงข้างชีวิตข้าพระองค์เสมอ และทรงพร้อมเสมอที่จะสร้างข้าพระองค์ขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์

ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระคุณเมตตาของพระองค์ที่มีอย่างพูนล้นในชีวิตของข้าพระองค์ ด้วยพระหัตถ์อันชูช่วย ด้วยผู้คนที่พระองค์ทรงใช้ให้เอาใจใส่หนุนเสริมชีวิตในยามทุกข์ยากลำบาก เมื่อชีวิตจนมุมพระองค์ทรงเปิดทางชีวิตใหม่แก่ข้าพระองค์ ในพระองค์ข้าพระองค์พบแล้วว่า ไม่สิ้นคิด หรือ หมดทางเลือกในชีวิต แต่ประทานโอกาสใหม่ในชีวิตเสมอ ข้าพระองค์จึงไว้วางใจในพระองค์อย่างไม่มีข้อแม้

ในวันนี้ โปรดเปิดตาของข้าพระองค์ให้มองเห็นถึงพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตข้าพระองค์ โปรดเปิดใจของข้าพระองค์ที่จะน้อมรับพระประสงค์ของพระองค์ โปรดประทานกำลังแก่มือของข้าพระองค์ที่จะกระทำตามที่พระองค์ต้องประสงค์ และในวันนี้โปรดประทานเส้นทางชีวิตที่เท้าของข้าพระองค์จะเดินไปตามที่พระองค์ทรงนำไม่ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ขอเพียงทราบว่า นี่คือการทรงเรียกนี่คือพระประสงค์ ข้าพระองค์จะขอเดินไปตามทางนั้นของพระองค์ อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น