04 เมษายน 2555

พระกิตติคุณบนกางเขน(1) การยกโทษ

4 เมษายน 2012

อ่านพระกิตติคุณลูกา 23:32-38

มีคนสองคนที่เป็นผู้ร้าย ซึ่งเขาพาไปประหารพร้อมกับพระองค์(พระเยซูคริสต์) เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่นั่นบนกางเขนพร้อมกับผู้ร้ายสองคนนั้น ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง

พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”

แล้วพวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน ประชาชนก็ยืนมองดูอยู่

พวกผู้นำก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วยว่า
“เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ถ้าหากเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้าที่ทรงเลือกไว้ ก็ให้เขาช่วยตัวเองด้วยซิ”

พวกทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย และเข้ามาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์ แล้วกล่าวว่า
“ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์ของยิวก็จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด”

เหนือพระองค์มีคำจารึกไว้ด้วยว่า “คนนี้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว” (ฉบับมาตรฐาน)

คำกล่าวแรกของพระเยซูคริสต์บนกางเขนคือ “...ขอทรงยกโทษพวกเขา...” ซึ่งสอดคล้องกับความหมายของการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระเยซูคริสต์ ที่เป็นการทรงช่วยกู้และปลดปล่อยมนุษย์ให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่ครอบงำจำจองชีวิตของมนุษย์ไว้ ทั้งการทรงยกโทษ และ การยอมตายเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดนั้น มาจากหัวใจแห่งพระเมตตากรุณาของพระคริสต์ เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์และโลกนี้ เป็นทั้งคำตรัสจากพระทัยเมตตา และการกระทำด้วยชีวิตของพระองค์

“การยกโทษ” จากพระคริสต์เป็นหัวใจสำคัญยิ่งของพระกิตติคุณ เพราะเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชีวิตมนุษย์และสังคมโลกนี้ ที่ว่าเป็นพระคุณของพระเจ้า เพราะการที่พระเยซูคริสต์ทรงยกโทษนั้น มิใช่ขึ้นอยู่กับมนุษย์พวกนั้นกระทำผิดด้วยไม่รู้ตัว หรือกระทำผิดด้วยความตั้งใจ มิได้ขึ้นกับการที่คนพวกนั้นสำนึกผิด หรือเป็นผู้ที่น่าสงสาร แต่หัวใจของพระกิตติคุณคือ พระคริสต์ทรงเป็นผู้เริ่มต้นการยกโทษจากจิตใจที่เมตตากรุณาต่อมนุษย์ เป็นพระคุณที่น่าอัศจรรย์ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาที่มีมาใหม่ในทุกเช้าแห่งชีวิตของเรา

“การยกโทษ” เป็นหัวใจของพระกิตติคุณมิเพียงเพราะเป็นคำตรัสบนกางเขนเท่านั้น แต่พระเยซูคริสต์ทั้งสอน และกระทำการยกโทษตลอดเวลาที่พระองค์กระทำพระราชกิจของพระเจ้าในโลกนี้

  • ในคำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์ทรงสอน การยกโทษเป็นหัวใจเรื่องหนึ่งในคำอธิษฐานนั้น และเป็นเรื่องที่เราต้องเชื่อฟังและทำตามด้วย “ขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่กระทำผิดต่อข้าพระองค์” (มัทธิว 6:12 ฉบับมาตรฐาน) “เพราะว่าถ้าพวกท่านให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านไม่ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านเหมือนกัน” (ข้อ 14-15)

  • คำสอนของพระเยซูคริสต์ให้น้ำหนักความสำคัญกับการยกโทษที่แตกต่างจากมุมมองของศาสนายิว พระองค์บอกเปโตรว่า ให้ยกโทษแก่คนที่ทำผิดต่อเราอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด พระองค์สอนว่า ให้ยกโทษแก่ผู้ที่ทำผิดต่อเรา เจ็ดสิบครั้งคูณเจ็ด (มัทธิว 18:22) จากนั้น พระองค์ทรงเล่าคำอุปมาเรื่องทาสที่ไม่ยอมให้อภัย (มัทธิว 18:23-35) เจ้าองค์หนึ่งต้องการคิดบัญชีกับบรรดาทาสของตน คนหนึ่งเป็นหนี้มากจนไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ทัน ขอผัดผ่อนจากเจ้านาย “เจ้าองค์นั้นสงสาร จึงทรงปล่อยตัวเขาและทรงยกหนี้” (ข้อ 27 ฉบับมาตรฐาน) แต่ทาสคนนี้กลับไปกดขี่ข่มขู่บีบคอเพื่อทาสที่เป็นหนี้เขา เพื่อนทาสนำเรื่องร้ายไปเรียนเจ้านาย เจ้าองค์นั้นจึงเรียกทาสคนนั้นมาตรัสว่า “ไอ้ข้าชั่วช้า เรายกหนี้ให้เอ็งทั้งหมด ก็เพราะเอ็งอ้อนวอนข้า เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราเมตตาเอ็งไม่ใช่หรือ?” ...”พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำต่อพวกท่านอย่างนั้น ถ้าพวกท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจของพวกท่าน” (ข้อ 32-33, 35) การยกโทษเป็นเรื่องที่มาจากจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา เป็นพระคุณที่เปี่ยมล้นจากพระทัยที่เมตตากรุณาของพระเจ้า แต่ในปัจจุบันคริสตจักร สถาบันคริสเตียน และสังคมโลกกำลังตกในภาวะวิกฤติการยกโทษ

  • การยกโทษเป็นการให้โอกาสใหม่ที่สำคัญยิ่งแก่คนที่กระทำผิดต่อพระบัญญัติและน้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะเป็นโอกาสที่เขาได้รับพระคุณของพระเจ้าให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยจิตใจที่สัตย์ซื่อและจงรักภักดีต่อพระองค์ อย่างเช่น หญิงที่ถูกจับได้ในการล่วงประเวณี (ยอห์น 8:1-11) ที่เธอควรถูกหินขว้างให้ตายตามกฎบัญญัติ แต่เพราะเป็นพระเมตตาและพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ปกป้องพวกเขาจากจิตสำนึกแห่งการลงโทษตามพระบัญญัติของพวกผู้นำศาสนายิว เธอจึงไม่ถูกหินขว้างให้ตาย แต่กลับได้รับโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยมุมมองชีวิตใหม่ที่พระคริสต์เมตตาเธอว่า พระองค์ยกโทษในการกระทำชั่วของเธอ ทรงเปิดโอกาสใหม่แก่เธอ แต่ทรงเตือนว่า อย่ากลับไปมีชีวิตใต้อำนาจชั่วเช่นนั้นอีก(ข้อ 11)

  • ในพระกิตติคุณลูกา 15:11-31 อุปมาเรื่องบุตรผู้ล้างผลาญ(บุตรน้อย) ท่าทีของผู้เป็นพ่อที่อภัยความผิดแก่บุตรของตนนั้น มิใช่เพราะเขากลับมาหาพ่อแล้วคิดหาคำสารภาพความผิดที่ไพเราะ และแสดงถึงความเสียใจและกลับใจอย่างแท้จริง แต่ที่พ่อยกโทษแก่บุตรคนเล็กเพราะ เป็นพระทัยเมตตาของพระองค์ที่เปิดโอกาสให้บุตรคนเล็กได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง บุตรคนเล็กตายไปแล้วแต่กลับมีชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่สูญหายไปแล้วแต่กลับให้พบใหม่ (ข้อ 20, 24, และ 32)

  • ในการทรงรักษาคนเจ็บป่วยและคนที่ถูกวิญญาณชั่วครอบงำควบคุมและทำร้าย ส่วนหนึ่งในการเยียวยารักษาของพระเยซูคริสต์คือ บาปโทษของคนๆ นั้นได้รับการยกแล้ว(มาระโก 2:5) ในการเยียวยารักษาของพระคริสต์มี 3 มิติด้วยกันคือ การรักษาทางร่างกาย การรักษาทางจิตใจและจิตวิญญาณ และ การรักษาความสัมพันธ์ทางสังคม หรือมองอีกมุมหนึ่ง การเจ็บป่วยทางร่างกายมีผลกระทบต่อ ความแข็งแรงทางจิตวิญญาณ หรือ สภาพสัมพันธภาพระหว่างคนๆ นั้นกับพระเจ้า และความสัมพันธ์ของคนๆ นั้นกับสังคมรอบข้าง เช่น คนโรคเรื้อนที่ถูกกีดกันออกจากสังคม หญิงที่โลหิตตกกลายเป็นคนไม่สะอาด และถ้าคนอื่นสัมผัสหญิงคนนั้นก็จะไม่สะอาดด้วย การยกโทษในการทรงรักษาของพระเยซูคริสต์ยังผลให้เกิดการคืนดีระหว่างคนๆ นั้นกับพระเจ้า คนๆ นั้นกับครอบครัว คนๆ นั้นได้โอกาสใหม่กลับเข้าเป็นคนหนึ่งในสังคมชุมชนของตน และคนๆ นั้นได้รับคุณค่าและความหมายใหม่ในชีวิตของเขา

  • เปโตร โกหกผู้คนที่อยู่นอกบ้านของคายาฟาสว่า เขาไม่รู้จักคนที่ชื่อเยซูที่ถูกจับและกำลังถูกไต่สวนโดยสภาผู้นำศาสนายิวในบ้านของมหาปุโรหิต แต่ในใจลึกๆ ของเปโตรเองก็เจ็บปวดเพราะเขากำลังปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ว่าเขาเป็นสาวกคนหนึ่งที่ร่วมในกระบวนการพระราชกิจของพระองค์ แน่นอนเปโตรเสียใจ(ลูกา 22:54-62) เมื่อเปโตรได้รับพระเมตตายกโทษจากพระคริสต์ เขาได้รับโอกาสใหม่และชีวิตใหม่ เปโตร กลับกลายเป็นผู้ประกาศพระกิตติคุณของพระคริสต์โดยไม่เกรงกลัวความตายแต่กลับได้รับประสบการณ์การปกป้องจากพระเจ้า เมื่อเขาได้รับพระเมตตายกโทษจากพระคริสต์ พระองค์มอบหลายภาระงานใหญ่แห่งแผ่นดินของพระเจ้าคือ "เลี้ยงดูเอาใจใส่ลูกแกะของพระองค์" (ยอห์น 21:15-19)

หัวใจความสำคัญของการยกโทษของพระเยซูคริสต์ได้สำแดงออกจากพระคุณอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระเจ้าที่ทำให้ชีวิต คำสอน และการกระทำพระราชกิจของพระคริสต์ ตลอดจนการสิ้นพระชนม์บนกางเขนเป็นสะพานที่เปิดทางใหม่ โอกาสใหม่แก่มนุษย์ที่จะมีสัมพันธภาพใหม่กันอีกครั้งหนึ่ง ความสำคัญมิใช่ที่คำสอน หรือ กางเขน แต่ที่สำคัญที่สุดคือพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์ต่างหาก ที่ทำให้ทุกสิ่งข้างต้นมีคุณค่าและความหมายสำหรับชีวิตใหม่ของมนุษย์ (ดังนั้น เราจึงมิควรที่จะเน้นและให้ความสำคัญแก่ "กางเขน" มากกว่าพระคุณเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อเราผู้เป็นมนุษย์)

เมื่อเราอ่านในพระธรรมตอนนี้ที่ว่า “พระบิดา ขอทรงยกโทษพวกเขา” นั่นหมายความว่าในแต่ละวันเราได้รับพระทัยเมตตาของพระคริสต์ที่ทูลขอพระบิดาให้ยกโทษแก่เราแต่ละคนด้วย ทำให้เราได้รับโอกาสที่มีความสัมพันธ์ที่คืนดีกับพระเจ้า และนำสู่การคืนดีซึ่งกันและกันในโลกนี้ด้วย พระองค์ทรงปลดปล่อยเราให้หลุดรอดออกจากการควบคุมของอำนาจแห่งความบาปชั่วรูปแบบต่างๆ ทำให้เราเป็นไทในพระคริสต์ มีโอกาสที่รับใช้พระเจ้าด้วยการเชื่อฟังและทำตามพระประสงค์ของพระองค์

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญและอภิปรายกลุ่ม

1. ท่านเชื่ออย่างจริงใจหรือไม่ว่า วันนี้พระเจ้าได้ “ยกโทษ” แก่ท่านแล้ว?
2. ในชีวิตปัจจุบันนี้มีอะไรที่เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงการที่ท่านได้รับการ “ยกโทษ” จากพระเจ้าแล้ว?
3. จากประสบการณ์ชีวิตของท่าน การได้รับการ “ยกโทษ” จากพระเจ้ามีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของท่านอย่างไรบ้าง? และท่านคิดเห็นเช่นไรในเรื่องนี้?
4. สำหรับท่านที่ต้องการมีประสบการณ์ หรือ ต้องการรับการ “ยกโทษ” จากพระเจ้า ทำไมท่านถึงต้องการ “การยกโทษ” จากพระเจ้า? และ ทำอย่างไรท่านจะได้รับ “การยกโทษ” จากพระองค์?

ไตร่ตรองภาวนา

ข้าแต่พระเจ้า เป็นการง่ายที่จะพูดถึงการทรงยกโทษของพระองค์ หรือทูลขอ และขอบพระคุณในการทรงยกโทษของพระองค์ แต่ในส่วนลึกของจิตใจที่บ่อยครั้งเกิดคำถามภายในว่า ข้าพระองค์เชื่อในการยกโทษจากพระเจ้าจริงๆ หรือไม่? เกิดความไม่มั่นใจว่าข้าพระองค์ได้รับการทรงชำระ หรือ ปลดปล่อยออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วแล้วหรือยัง? หรือเชื่อว่าได้รับการทรงชำระ หรือ การยกโทษในบางส่วนเท่านั้น? แล้วทุกวันนี้ที่ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตประจำวัน ทำไมบ่อยครั้งที่อำนาจแห่งความบาปชั่วยังมีอำนาจเหนือชีวิตของข้าพระองค์อยู่? และบ่อยครั้งที่ข้าพระองค์พยายามที่จะทำให้พระองค์พอใจในตัวข้าพระองค์เพื่อจะได้รับการยกโทษจากพระองค์?

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้ว่าความเชื่อของข้าพระองค์ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ ข้าพระองค์ก็ยังไว้วางใจและมั่นใจว่าพระองค์จะทรงเมตตาเสริมสร้างชีวิตจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นใหม่ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้มีประสบการณ์และได้รับการทรงสัมผัสกับความรักเมตตาของพระองค์ เพื่อจะมั่นใจในการทรงเมตตาอภัยบาปโทษทั้งสิ้นของข้าพระองค์

ในวันนี้ ขอให้ข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตด้วยพลังแห่งพระคุณเมตตาของพระองค์ ข้าพระองค์ขอเปิดชีวิตจิตใจแด่พระองค์ เพื่อรับพลังจากพระองค์ในการที่จะเลือกเดินบนเส้นทางชีวิตที่หลุดรอดจากการครอบงำของอำนาจแห่งความผิดบาป แต่ดำเนินไปภายใต้การปกป้องคุ้มครองและการทรงนำโดยพระคุณเมตตาของพระองค์ อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น