27 เมษายน 2012
อ่าน เอเสเคียล บทที่ 17:1-24
เอเสเคียลบทที่ 17 พระดำรัสของพระเจ้าได้ใช้ต้นสีดาร์เป็นภาพลักษณ์ในการกล่าวตำหนิ และ
การให้พระสัญญาที่เป็นความหวังและกำลังใจ
ใน 2-3 ข้อแรกของบทนี้ได้กล่าวถึง
“พญาอินทรี” ที่ได้นำเมล็ดสีดาร์มาปลูกในดินอุดมริมน้ำ และเมล็ดนั้นได้งอกและเติบโต แต่ต่อมาได้มีอินทรีตัวใหญ่อีกตัวหนึ่งมา ต้นไม้ที่เจริญงอกงามเหล่านั้นหันเหตนเองและถอนรากจากดินอุดมที่มีน้ำอุดมไปพัวพันและยอมอยู่ภายใต้อินทรีตัวใหญ่ที่มาภายหลัง ผลที่เกิดขึ้นคือพญาอินทรีตัวแรกได้ถอนรากถอนโคนต้นไม้งามเหล่านั้นจนต้องเหี่ยวเฉา และถูกถอนทิ้งออกจากดินอุดมริมนั้น (17:1-10)
ในตอนต่อไปของพระธรรมบทนี้ได้อธิบายความหมายภาพพจน์ที่เปรียบเทียบนี้ ถึงพฤติกรรมชาวกรุงเยรูซาเล็มและกษัตริย์ของพวกเขา พญาอินทรีตัวแรกหมายถึงมหาอำนาจบาบิโลน ส่วนตัวที่สองหมายถึงอียิปต์
ในตอนแรกนั้นพวกยิวตกอยู่ภายใต้การปกครองของบาบิโลน
แต่พยายามหาทางที่จะปลดแอกตนเองจากบาบิโลนจึงไปขอพึ่งพิงกองกำลังจากอียิปต์ เอเสเคียลได้เปิดเผยพระวจนะจากพระเจ้าว่า เมื่อยิวทำเช่นนี้ผลที่พวกเขาจะได้รับคือ บาบิโลนจะกลับมาปราบปรามยิวให้สิ้นซาก
และทำให้คนยิวต้องกระจัดกระจายไปอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก(ในสมัยนั้น) (17:11-21)
อย่างไรก็ตาม
ในตอนท้ายของพระธรรมบทนี้จบลงด้วยความหวังอย่างน่าประหลาดใจ โดยยังใช้ภาพพจน์ของต้นสีดาร์ พระยาเวห์ตรัสว่า
“เราเองจะเอาจากปลายยอดสูงของต้นสีดาร์มาปักไว้
เราจะหักหน่ออ่อนจากยอดของมันมา
และ
เราเองจะปลูกมันไว้บนภูเขาที่สูงเด่น
เราจะปลูกมันไว้บนภูเขาของอิสราเอล
แล้วมันจะแตกกิ่งและเกิดผล และกลายเป็นสีดาร์ที่งามสง่า
แล้วนกทุกชนิดจะมาอาศัยอยู่ใต้มัน นกทุกอย่างจะมาทำรังที่ร่มเงาของกิ่งมัน
(เอเสเคียล
17:22-23 ฉบับมาตรฐาน)
ในเวลานั้น
พระเจ้าจะ “ทรงปลูกประชากรของพระองค์” ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ต้นไม้ใหม่เหล่านั้นจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
ถึงแม้จะเคยเป็นต้นไม้ที่ตกอับแห้งเฉามาก่อนก็ตาม
นอกจากนั้นแล้วพระเจ้ายังทรงทำให้เป็นต้นไม้ใหญ่ที่เป็นที่พึ่งพิงพักอาศัยของนกทุกชนิดภายใต้ร่วมเงาของมัน
เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงสอนถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
พระองค์ก็ได้เปรียบเทียบแผ่นดินของพระเจ้าเป็นเหมือน “เมล็ดมัสตาร์ด”
เมล็ดหนึ่งที่เพาะลงในดิน ในตอนเริ่มแรกนั้นมีขนาดเมล็ดเล็กมาก
กล่าวได้ว่ามีขนาดเล็กกว่าเมล็ดพืชผักทั้งปวง
แต่เมื่อมันงอกและเติบโตขึ้นกลับปรากฏว่ามีขนาดต้นใหญ่กว่าพืชผักทั้งปวง แตกกิ่งก้านใหญ่พอที่นกในอากาศจะมาทำรังอาศัยอยู่ใต้ร่วมของมันได้
(มาระโก 4:30-32)
แผ่นดินของพระเจ้าที่พระเยซูคริสต์ทรงประกาศและสถาปนาขึ้นได้ทำให้พระวจนะที่เผยโดยเอเสเคียลสำเร็จเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม
จากสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่ผู้คนมองไม่เห็นคุณค่าความสำคัญใดๆ เลย
กลับกลายเป็นสิ่งใหญ่ที่มีคุณค่าพึ่งพิงของผู้อื่นได้ เฉกเช่นเมล็ดมัสตาร์ดที่งอก และ เติบโตขึ้น
ในวันนี้ให้เรามีชีวิตที่สำแดงถึง
“แผ่นดินของพระเจ้า” ที่เติบโต
คือในงานที่เราทำวันนี้ได้สำแดงถึงการที่เรามีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ด้วยการกระทำของเรา ความรับผิดชอบของเรา
ความจริงใจที่เรามีต่อผู้คนรอบข้างด้วยความรักเมตตาอย่างเช่นพระคริสต์ ยิ่งกว่านั้น
เมื่อเรามีชีวิตในชุมชนของผู้เชื่อศรัทธาในแผ่นดินของพระเจ้า เราได้พบกับความปลอดภัย ที่พึ่งพิง
ที่พักอาศัย ดั่งเช่น
นกที่พบที่ทำรังใต้รมเงาของต้นมัสตาร์ด
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญและอภิปรายกลุ่ม
- ท่านร่วมในการพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
- ในที่ทำงาน
- ในโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย
- ในครอบครัว
- เมื่ออยู่กับกลุ่มเพื่อนฝูง คนสนิท และ
- เมื่ออยู่ในชุมชนคริสตจักร
ใคร่ครวญภาวนา
โอ...องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระผู้ทรงเพาะ
“เมล็ดมัสตาร์ด” แห่งแผ่นดินของพระเจ้า
พระองค์ผู้ทรงเพาะชีวิตที่เล็กน้อยที่สุด ที่ดูไม่มีค่าราคาอะไรเลย
แต่กลับกลายเติบใหญ่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนพึ่งพิง
และ อาศัยอยู่ด้วยความปลอดภัย
และแผ่นดินของพระองค์ยังเติบโตและเป็นคุณต่อผู้คนอย่างไม่หยุดยั้ง
ในวันนี้...
ขอโปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระองค์ในโลกนี้
โปรดปรับแต่งและสร้างข้าพระองค์ให้เป็นเครื่องมือที่มีส่วนนำแผ่นดินของพระเจ้าไปยังที่ใหม่ๆ
เพื่อข้าพระองค์จะมีโอกาสรับใช้พระองค์
เป็นช่องทางนำสัจจะ
พระคุณ และความรักของพระองค์ไปถึงผู้คนทั้งหลาย
อาเมน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น