ผู้คนส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าใจว่า ซานตาครอส หรือ เซนต์ นิโคลัสในประวัติศาสตร์
เป็นผู้เฒ่าหนวดเครายาว พุงโต ใจดีและรักเด็ก
จะใช้ล้อเลื่อนเป็นพาหนะในการไปแจกของขวัญแก่เด็กดีทั้งหญิงและชาย
แต่บุรุษคนนี้มีชีวิตที่น่าสนใจและมีค่ามากกว่าตามตำนานที่เล่าขานเท่านั้น เขาเป็นคนของพระเจ้าอย่างแท้จริงเลยครับ
เซนต์ นิโคลัส เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่มั่งคั่งร่ำรวย ใน พาทารา (Patara) ประมาณปี
ค.ศ. 270
พ่อแม่ได้สิ้นชีวิตเมื่อเขาอายุยังหนุ่มแน่น และได้ทิ้งกองมรดกมากมายไว้ให้เขา แต่นิโคลัสเป็นคนหนุ่มที่ถ่อมเขาได้แจกจ่ายแบ่งปันทรัพย์สินที่มีแก่คนยากคนจนเป็นการลับ
ในที่สุด นิโคลัส
ได้ละทิ้งทรัพย์สมบัติของเขาเพื่อตอบการทรงเรียกของพระเจ้าให้รับใช้ในพันธกิจของพระองค์ ไม่นานนักเขาได้รับเลือกให้เป็นบิชอปแห่งมายรา
(Myra)
พระเจ้าทรงมอบหมายให้เขานำคริสตจักรฟันฝ่าช่วงเวลาที่แสนยากเข็ญ เป็นช่วงเวลาที่คริสตจักรถูกข่มเหงอย่างเลวร้ายสุด
ๆ ในประวัติศาสตร์
ในช่วงปี ค.ศ. 303 ซึ่งอยู่ในช่วงการปกครองของจักรพรรดิ ไดโอเคลเทียน
(Diocletians) ได้มีคำสั่งให้พวกคริสตชนทำการถวายเครื่องบูชาให้กับเทพเจ้าในต่างศาสนา แต่นิโคลัส และ คริสตชนอีกหลายพันคนกลับประกาศต้านว่า
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นเจ้านายในชีวิตของพวกเขา ดังนั้น
คริสตชน “หัวดื้อ” กลุ่มนี้จึงถูกจับเข้าคุก
แล้วพวกเขาถูกทำทารุณกรรมอย่างโหดร้าย
ถูกทรมานด้วยวิธีต่าง ๆ ถูกโบยตีจนหมดสติ บ้างก็ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตาม
การทำร้ายทำลายอย่างรุนแรงเหี้ยมโหดไม่สามารถที่จะหยุดยั้งความเชื่อของคริสตชนได้ ตรงกันข้าม ความเชื่อของคริสตชนกลับแผ่แพร่ขยายกว้างออกไป คริสตชนพวกนี้ถูกจำจองในคุกอยู่หลายปี
จนกระทั่งได้รับการปล่อยให้อิสระโดยพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิ คอนสแตนติน จักรพรรดิองค์ใหม่ เซนต์ นิโคลัสได้รับการต้อนรับกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้บิชอปของพวกเขาถูกโบยตี ทำทารุณกรรม
แต่ก็ไม่ได้ทำให้
นิโคลัสต้องเสียชีวิตหรือพิกลพิการ
ด้วยการอธิษฐาน และ คำพยานของทหารถึงความสัตย์ซื่ออดทนของคริสตชน และ ข่าวของ
เซนต์ นิโคลัส ที่ต้องถูกทรมาน ทำให้อีกหลายคนได้รับความรอดในพระเยซูคริสต์
ผู้คนปัจจุบันนี้ยังระลึกถึงเรื่องราวคนของพระเจ้าท่านนี้ เสื้อคลุมบิชอปสีแดงของเขา คำสั่งสอนของเขาที่มีต่อเด็ก ๆ ให้เป็นคนที่ดำเนินชีวิตที่ดี และการที่เขาให้สิ่งของอาหารและเงินทองแก่คนที่ตกอยู่ในความจำเป็นต้องการอย่างเป็นการลับ และ
ถ้า เซนต์
นิโคลัสมีชีวิตในสมัยนี้ แทนที่จะมุ่งทำให้ผู้คนที่เขาช่วยเหลือสนใจและให้ความสำคัญในตัวเขา
แต่เขาจะกลับทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อนำจิตใจของผู้คนมุ่งไปสัมผัสกับความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้เป็นเจ้านายของเขา เขาจะทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความถ่อมใจ
รักเมตตา และให้ชีวิตของตนแก่ผู้คน(ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น)
เราท่านน่าจะทำอย่างเซนต์ นิโคลัส หรือไม่หนอ?
11อย่าอ่อนระอา
จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ
จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า
12จงชื่นชมยินดีในความหวัง
จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน
13จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสน
จงอุตส่าห์ต้อนรับแขกแปลกหน้า (โรม 12:11-13)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น