“รักคนที่เขารักเราดีกว่า...” นี่เป็นเสียงเพลงโบร่ำโบราณจากวิทยุที่คนแก่อย่างผมได้ยินจนคุ้นชินจดจำ
แต่ในฐานะคริสตชน พระคริสต์บอกเราว่า “ให้รักศัตรูของท่าน” มันช่างแตกต่างราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
ในชีวิตของแต่ละคน ย่อมต้องประสบพบเจอกับคนที่มีอารมณ์ร้าย ร้อน
รุนแรง และพฤติกรรมหยาบกระด้าง เต็มด้วยเล่ห์ เหลี่ยม และหลอกลวง มีความโหดร้าย
คดในข้องอในกระดูกซ่อนสุมในจิตใจ
ในที่นี้ขอเรียกรวม ๆ ว่า “คนที่ไม่น่านับถือ”
การที่ต้องเผชิญกับคนที่ไม่น่านับถือที่ว่านี้หรือไม่คงไม่ใช่ประเด็นปัญหาของเรา
แต่คำถามของเราคือ แล้วเราจะรับมือ ตอบสนองกับคนแบบนี้ ที่มักสร้างแต่ความรู้สึก “เครียด” ในความสัมพันธ์ของเราในฐานะคริสตชนอย่างไรต่างหาก เป็นเรื่องที่เราจะต้องใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์
แล้วเราจะยอมรับนับถือคนที่ “ไม่น่านับถือ”
ที่กล่าวข้างต้นนี้อย่างไรดี?
โดยปกติทั่วไปแล้วเรามักบอกว่า ถ้าจำเป็นต้องติดต่อสัมพันธ์กับคนแบบนี้ ก็ให้ติดต่อเท่าที่จำเป็น และเป็นไปได้แล้วให้อยู่ห่าง ๆ จากคนแบบนี้
ใช่ไหม?
ขอลองมองให้ชัดลงไปอีกนิดหนึ่งว่า คนแบบนี้ในชีวิตจริงของเรามีใครบ้าง?
คนในครอบครัว? เพื่อนฝูง? คนรู้จักมักคุ้น? คู่ชีวิต?
ลูกหลาน? เจ้านาย? หรือ
ลูกน้อง?
“จงให้เกียรติทุกคน
จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ” นี่เป็นคำสอนใน 1เปโตร 2:17
ฟังดูมันทำได้ง่าย ๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่จะทำให้เป็นรูปธรรมจริง ๆ ในชีวิตประจำวันจะทำได้อย่างไรเป็นคำถามที่ไม่อยากถามครับ
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ “การให้เกียรติ” แก่คนแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราหมดทางเลือกต้องอดทนหรือยอมอยู่ภายใต้พฤติกรรมความหยาบ
คด เห็นแก่ตัวของคน ๆ นั้น “การให้เกียรติ” มิได้หมายความว่าเราจะไม่เผชิญหน้า
หรือ ประจันหน้าจัดการกับปัญหาที่อยู่ข้างหน้านั้น “การให้เกียรติ” ไม่ใช่การที่ปล่อยตัวเองให้ไหลตามกระแสในเวลานั้น
แล้วเราจะ “ให้เกียรติ” คนที่ “ไม่น่านับถือ”
อย่างไรล่ะ?
- สำแดงความรักเมตตาแบบพระคริสต์แก่คนนั้น แม้เขาไม่สมควรจะได้รับก็ตาม (1ยอห์น 4:19)
- เราสามารถ “ให้เกียรติ” คนแบบนี้โดยไม่ต้องเห็นด้วยกับพฤติกรรมของเขา (2โครินธ์ 6:14)
- ติดต่อสัมพันธ์ และ อยู่กับเขาอย่าง “สันติ” แม้เขาจะไม่แสวงหาสันติก็ตาม (โรม 12:18)
- วางขอบเขตที่เหมาะสมในความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ เพื่อมิให้เขาทำร้ายเราได้ (สดุดี 104:9)
- การสัมพันธ์กับคนแบบนี้ต้องพึ่งการแสวงหาวิถีทางที่พระเจ้าทรงนำ (ฮีบรู 12:2)
“การให้เกียรติ” คนที่ “ไม่น่านับถือ”
ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นพันธกิจชีวิตที่พระเจ้าทรงเรียกให้เรากระทำด้วยจิตวิญญาณและพลังความรักเมตตาที่เสียสละของพระคริสต์ ที่ทรงทำเป็นตัวอย่างแล้วบนกางเขน
ไม่มีใครคนใดในพวกเราที่เป็นคนดีพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะไม่
“ให้เกียรติ” แก่คน “ที่ไม่น่านับถือ” เหล่านั้น
เราพึงตระหนักว่า “...พวกท่านได้รับการไถ่ออกจากการดำเนินชีวิตที่ไร้สาระ
ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกท่าน
ไม่ใช่ไถ่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์
ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุด” (1เปโตร 1:18-19 มตฐ.)
การเรียนรู้ และ
ฝึกวินัยชีวิตในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะสามารถจัดการด้วยตนเองได้
แต่เป็นเรื่องหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ในชีวิตประจำวันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ
“คนที่ไม่น่านับถือ” ด้วยพระเมตตาของพระเจ้าที่เสริมสร้างเราให้มีพลังชีวิตที่รัก
เมตตา และเสียสละเยี่ยงพระคริสต์บนกางเขน
การเสริมสร้างนี้เป็นการเสริมสร้างตามแผนการของพระองค์ที่ทรงมีในชีวิตของเราแต่ละคน และพระราชกิจนี้ใช้เวลาครับ
ใช่ครับ... การที่ต้องทำงานกับ
“คนที่ไม่น่านับถือ” พวกนี้วันแล้ววันเล่าเป็นโอกาสที่พระเจ้าจะเสริมสร้างเราแต่ละคนให้เป็นคนรับใช้ของพระองค์ที่พระองค์จะใช้เราได้อย่างเกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์ครับ
และก็เป็นวิถีทางหนึ่งที่พระองค์จะทรงสำแดงความรักเมตตาและปลดปล่อย
“คนที่ไม่น่านับถือ” คนนั้นจากบ่วงแร้วของความบาปชั่ว... โอ้โฮ...งานใหญ่และทรงคุณค่านะครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น