17 มกราคม 2560

ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์ “บ่มเพาะ” ในสาวก (2)

ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินของพระเจ้าวัดกันที่ “ความนอบน้อมถ่อมตน”
 
พระคริสต์มิได้ “บ่มเพาะชีวิตสาวก” ด้วยคำเทศน์ คำสอน หลักข้อเชื่อ และ การประกอบกิจในคริสตจักรเท่านั้น   แต่พระองค์ทรงใช้แบบอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์  พร้อมกับการกระตุ้นให้สาวกได้คิด  และท้าชวนให้เขาต้องตัดสินใจให้ปฏิบัติชีวิตสาวกของพระองค์ในชีวิตประจำวัน  ในทุกบริบทสถานการณ์ชีวิต

ข้อเขียนตอนนี้เป็นตอนที่ 2 ในบทความเรื่อง ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์ “บ่มเพาะ” ในชีวิตสาวก

พระเยซูคริสต์​ตรัสสอนใน มัทธิว 18:3-4 ​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ถ้า​พวก​ท่าน​ไม่​กลับใจ​และ​เป็น​เหมือน​เด็ก​เล็ก ๆ ก็จะ​เข้า​ใน​แผ่น​ดิน​สวรรค์​ไม่​ได้​เลย (มตฐ.  เทียบ มธ. 19:14; 1คร. 14:20; 1ปต. 2:2;)   เพราะ​ฉะนั้น ถ้า​ใคร​ถ่อม​จิต​ใจ​ลง​เหมือน​เด็ก​เล็ก ๆ คน​นี้ คน​นั้น​จะ​เป็น​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​แผ่น​ดิน​สวรรค์  (มตฐ. เทียบ 1ปต. 5:6;)  

การที่เรามีเวลาอยู่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระคริสต์   พระองค์จะเรียกเราแต่ละคนให้ออกมาจากความอหังการ  ความหยิ่ง ความยโส ทะนงตน  และวิถีชีวิตต่าง ๆ ที่สวนทางการดำเนินชีวิตตามเส้นทางแห่งแผ่นดินของพระเจ้า   สาวกหลายต่อหลายคนมักหลงใหลในชื่อเสียง  ตำแหน่ง  ฐานะ และ การมีอำนาจ   อย่างเช่นสาวกในสมัยของพระเยซูคริสต์พวกเขาคิดว่าเมื่อพระคริสต์สถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว   รัฐบาลของพระองค์  กองกำลังของพระองค์  กองกำลังกลุ่มกบฏต่าง ๆ   พรรคพวกของพระองค์จะต่อสู้และกำจัดจักรวรรดิโรมันให้หมดอำนาจ   แล้วพวกของพระองค์ก็จะเถลิงขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแทน  

แต่พระคริสต์เตือนและท้าทายพวกเขาว่า “แผ่นดินของพระเจ้า” มิใช่การผลัดเปลี่ยนอำนาจเหมือนอย่างต้นไม้ผลัดเปลี่ยนใบ   การปกครองของพระเจ้ามิได้เป็นเหมือนกษัตริย์ หรือ ราชบัลลังก์ในโลกนี้   อำนาจไม่ได้มาจากการใช้เงิน   ไม่ได้มาจากการมีตำแหน่ง   ไม่ได้มาจากการมีฐานะสูงในสังคม  ไม่ได้มาจากการแย่งชิง  ทำร้ายทำลาย  แต่อำนาจที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมโลกคือ “ความอ่อนน้อมถ่อมตน”   และต้อง “พึ่งพาและไว้วางใจในพระเจ้า”   เฉกเช่น เด็กเล็กวางใจในพ่อแม่ หรือ ผู้ดูแลตน 

ในทุกวันนี้  คริสตชนวัด “ความยิ่งใหญ่” ในชีวิตกันที่ไหน   ฐานะ  ตำแหน่ง  เงินทอง  ความมั่งคั่ง  พรรคพวก  ลูกศิษย์ลูกหา   ผลงาน ผู้คนยกย่องเชิดชู ชนะในการแข่งขัน  แย่งชิงด้านต่าง ๆ  และ ฯลฯ   ถ้าเราสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปหมดสิ้นเราจะยังมีความสำคัญและคุณค่าอยู่หรือไม่?   ความสำคัญและคุณค่าของเราวัดกันที่ไหน?

การที่เราคริสตชนมองว่า ชีวิตประจำวันที่นอบน้อมถ่อมตนเป็นตัวชี้วัดถึง การที่เรามีชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้านั้น   การที่เรานอบน้อมถ่อมตนได้เพราะเราสำนึกว่า  ชีวิตของเราพึ่งพิงในพระคุณของพระเจ้า   มิได้พึ่งพาความเข้มแข็งเก่งกาจของเราเอง   และ

ที่สำคัญคือ การที่เราจะมีชีวิตที่นอบน้อมถ่อมตนเพราะเราได้รับการทรงสร้างใหม่จากพระคริสต์  ให้มีชีวิตจิตวิญญาณ หรือ รากฐานชีวิตที่มีความรักเมตตา และ การให้ชีวิตแก่ผู้อื่นดั่งพระคริสต์   เป็นความรักเมตตาที่ไร้เงื่อนไข   คริสตชนมิได้นอบน้อมถ่อมตนเพื่อจะได้ผลสำเร็จตามความปรารถนาที่ซ่อนเร้นในใจ (อย่างนักการเมือง)  แต่มีเป้าหมายเพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าในสวรรค์สำเร็จเป็นจริงบนแผ่นดินโลกนี้

ดังคำอธิษฐานที่พระคริสต์สอนให้เราที่เป็นสาวกของพระองค์อธิษฐานเช่นนั้น  และมอบกายถวายชีวิตร่วมสานต่อพระเจตนารมณ์ตามคำอธิษฐานที่ทรงสอน   ด้วยการดำเนินชีวิตประจำวันที่นอบน้อมถ่อมตน ดังที่พระคริสต์ได้ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างแก่เราแล้ว
 
หมายเหตุ: บทเรียนชีวิตเชิงปฏิบัติทั้ง 6 ประการผู้เขียนจะเสนอต่อจากนี้ในทุกวัน ๆ ละ 1 ประการ ตลอดสัปดาห์นี้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น