การใช้ความรุนแรง มิใช่วิธีการของพระเจ้าในการตอบโต้ความบาปชั่ว
พระคริสต์มิได้
“บ่มเพาะชีวิตสาวก” ด้วยคำเทศน์ คำสอน หลักข้อเชื่อ และ
การประกอบกิจในคริสตจักรเท่านั้น แต่พระองค์ทรงใช้แบบอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์ พร้อมกับการกระตุ้นให้สาวกได้คิด
และท้าชวนให้เขาต้องตัดสินใจให้ปฏิบัติชีวิตสาวกของพระองค์ในชีวิตประจำวัน ในทุกบริบทสถานการณ์ชีวิต
ข้อเขียนตอนนี้เป็นตอนที่
3 ในบทคิดข้อเขียนเรื่อง ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์
“บ่มเพาะ” ในชีวิตสาวก
พระเยซูคริสต์แสดงเจตนาชัดเจนว่า พระองค์มิได้มาในโลกนี้เพื่อจะใช้อำนาจ กำลัง ในการต่อสู้กับอำนาจชั่ว เพื่อที่จะเอาชนะอำนาจชั่ว
พระราชกิจของพระองค์ไม่ใช่เรื่องการทำเพื่อที่จะ “ชนะ” แต่เป้าหมายชัดเจนของพระองค์คือ พระองค์มาเพื่อกอบกู้ชีวิตมนุษย์ออกจากอำนาจบาปชั่ว เพื่อจะได้มีชีวิตใหม่
และการที่จะช่วยให้มนุษย์ได้รับชีวิตใหม่ก็ด้วยการที่พระองค์ยอมเสียสละชีวิต ยอมให้ชีวิตแก่คนทั้งหลาย
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชีวิตใหม่
เมื่อกองกำลังทหารพระวิหารมาล้อมจับพระเยซูคริสต์ พวกสาวกของพระองค์เห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้พวกข้าพระองค์เอาดาบสู้ไหม? (ลูกา 22:49 มตฐ.) ซีโมนเปโตรมีดาบจึงชักออกฟันทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตถูกหูข้างขวาขาด
ทาสคนนั้นชื่อมัลคัส (ข้อ 50 เทียบ มธ. 26:51; มก. 14:47; ลก. 22:50;) พระเยซูตรัสกับเปโตรว่า
“จงเอาดาบใส่ฝักเสีย...” (เทียบ มธ. 20:22; มธ. 26:39;) และ พระเยซูเตือนสติสาวกของพระองค์ว่า “...เราจะไม่ดื่มถ้วย
ที่พระบิดาประทานแก่เราหรือ?” (ยอห์น 18:11 มตฐ.) “แล้วพระองค์ทรงแตะต้องใบหูของคนนั้นและทรงรักษาเขา”
(ลูกา 22:51 มตฐ.) ท่ามกลางความรุนแรงพระเยซูคริสต์กลับตอบโต้ด้วยการรักษาชีวิต คริสตชนปัจจุบันจำเป็นจะต้องกลับมาทบทวนถึงวิธีการตอบโต้ความรุนแรงแห่งความบาปชั่ว
เรากำลังตอบโต้ด้วยการเอาอาวุธใส่มือคนอีกพวกหนึ่งเพื่อทำลายล้าง(ในนามของการป้องกันตนเอง)อยู่หรือเปล่า?
ความรุนแรงแห่งอำนาจบาปชั่วมันมีเป้าหมายชัดเจนคือการทำลายล้างชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ ความรุนแรงที่ว่านี้มิได้มีอยู่ในรูปแบบการสงครามต่อสู้ห้ำหั่นกันเท่านั้น แต่แฝงเข้ามาในรูปแบบของกฏเกณฑ์ ข้อปฏิบัติทางศาสนา และการที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์มุ่งทำร้าย
ทำลายคนอื่น ไม่ว่าในครอบครัว ในที่ทำงาน
ในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน หรือ ในชุมชนด้วย
ตัวอย่างเช่น
พวกผู้นำศาสนายิวในเวลานั้นคอยเฝ้าดูว่า พระองค์จะรักษาโรคให้คนนั้นในวันสะบาโตหรือไม่
เพื่อจะหาเหตุฟ้องพระองค์ พระองค์ตรัสกับคนมือลีบว่า
“มาข้างหน้าเถอะ”
แล้วพระองค์ตรัสกับคนทั้งหลายว่า
“ในวันสะบาโตควรจะทำการดีหรือทำการร้าย
ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?” คนทั้งหลายก็นิ่งอยู่
(มาระโก 3:2-4 มตฐ.)
แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า
“เราจะถามพวกท่านว่าในวันสะบาโตนั้นควรจะทำการดีหรือการร้าย
ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?” (ลูกา 6:10 มตฐ.)
วิธีการต่อสู้กับอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่พระคริสต์บ่มเพาะให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของสาวกคือ การใช้ความรักเมตตา การให้ชีวิตเพื่อที่จะกอบกู้ชีวิตที่ตกอยู่ใต้การครอบงำของอำนาจบาปชั่วได้รอดพ้นออกมาสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ เพื่อเขาคนนั้นจะมีชีวิตในพระคริสต์ ชีวิตที่รับใช้พระคริสต์คือ
การดำเนินชีวิตที่ให้ชีวิตเพื่อคนอื่นจะได้ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ต่อไป
วันนี้...ในฐานะสาวกพระคริสต์ ท่านจะจัดการรับมืออย่างไรกับสถานการณ์เลวร้าย
รุนแรง หรือแม้แต่สถานการณ์อันไม่พึงพอใจของท่าน
ท่านพร้อมที่จะตอบโต้รับมือสถานการณ์ และ คนเหล่านั้น ด้วยความรักเมตตาแบบพระคริสต์
และ การให้ชีวิตเฉกเช่นพระองค์หรือไม่?
หมายเหตุ: บทเรียนชีวิตเชิงปฏิบัติทั้ง 6 ประการผู้เขียนจะเสนอต่อจากนี้ในทุกวันๆละ 1 ประการ ตลอดสัปดาห์นี้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น