การมีชีวิตติดสนิทกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว
นำมาซึ่งพลังอำนาจของชีวิตประจำวันในชุมชนสังคม
พระคริสต์มิได้
“บ่มเพาะชีวิตสาวก” ด้วยคำเทศน์ คำสอน หลักข้อเชื่อ และ
การประกอบกิจในคริสตจักรเท่านั้น แต่พระองค์ทรงใช้แบบอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์ พร้อมกับการกระตุ้นให้สาวกได้คิด
และท้าชวนให้เขาต้องตัดสินใจให้ปฏิบัติชีวิตสาวกของพระองค์ในชีวิตประจำวัน ในทุกบริบทสถานการณ์ชีวิต
ข้อเขียนตอนนี้เป็นตอนที่ 7 ในบทความเรื่อง ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์ “บ่มเพาะ” ในชีวิตสาวก
“เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน
อย่าเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด
เพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนต่าง ๆ
เพื่อจะให้คนทั้งปวงเห็น
เราบอกความจริงกับพวกท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน
และเมื่อปิดประตูแล้ว
จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตในที่ลี้ลับ
และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน
(มัทธิว 6:5-6 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์สอนสาวกว่า
การอธิษฐานคือการที่เราสื่อสารกับพระเจ้าแบบใจถึงใจ ด้วยความจริงใจ ดังนั้น การอธิษฐานจึงมิใช่ “พืธีการ” ที่ต้องทำอย่างถูกต้อง
เช่น การเน้นเรื่องใช้ราชาศัพท์ที่ถูกต้อง พระเจ้าของคริสตชนไม่ได้เป็นพระราชาที่เจ้ายศเจ้าอย่าง ที่จะต้องมีพิธีการเข้าเฝ้าที่สลับซับซ้อนและยุ่งยาก
แต่พระเจ้าเป็นเหมือนพ่อคนนั้นที่วิ่งออกไปรับลูกคนเล็กที่กลับมาอย่างซอมซ่อ พระเจ้ามองความสำคัญและคุณค่าที่ชีวิตของคน ไม่ใช่ที่คำพูด ท่าที การแต่งเนื้อแต่งตัว
แต่อยู่ที่การจริงใจและต้องการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าด้วยความจริงใจ
คริสตชนในปัจจุบันนี้ อาจจำเป็นที่จะต้องกลับมาพิจารณาวิธีการอธิษฐานของเรา
เมื่อพระคริสต์อธิษฐานพระองค์อธิษฐานกับพระบิดาในที่เงียบส่วนตัว และที่สำคัญคือ
ทุกเช้าก่อนการเริ่มต้นชีวิตและพันธกิจของพระองค์ พระองค์ทรงออกไปอธิษฐานในที่เปลี่ยว เมื่อพระองค์ต้องทำพันธกิจที่สำคัญ พระองค์ทุ่มเทในการอธิษฐานกับพระบิดาเป็นการส่วนตัว
ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้เชื่อและผู้นำในสมัยนั้นเน้นการอธิษฐานในที่สาธารณะ เพื่อให้คนอื่นได้เห็นถึงความร้อนรนของตนเอง เห็นถึงการอธิษฐานเก่ง เห็นถึงการอธิษฐานที่เพราะและลึกซึ้ง คริสตชนต้องตระหนักชัดว่า
การอธิษฐานมิใช่การแสดงให้คนอื่นได้เห็น แต่เป็นการสื่อสารด้วยจริงใจกับพระเจ้า
ที่สำคัญคือ
การอธิษฐานในที่ลับที่เปลี่ยวกลับเป็นการหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คน ๆ นั้นในการทำพันธกิจได้อย่างมีพลังและเกิดผลในที่สาธารณะ
ดั่งเช่นที่เกิดกับพระคริสต์
และนี่เป็นแบบอย่างชีวิตที่พระคริสต์ใช้บ่มเพาะสาวกของพระองค์ในเรื่องการอธิษฐาน
บ่อยครั้งนักที่คริสตชนปัจจุบันเมื่ออธิษฐานไปเน้นที่เสียงดัง หรือการออกเสียงอธิษฐานพร้อม ๆ กัน เพื่อแสดงความร้อนรน หวังว่าพระเจ้าจะได้ยินและทรงตอบ(ตามใจปรารถนาที่ทูลขอ)
บางคนบอกว่า การอธิษฐานดัง ๆ ร้อนรนมาก ๆ
เป็นการเขย่าพระบัลลังก์ของพระเจ้า?
ทำเหมือนว่าพระเจ้ากำลังบรรทมบนพระบัลลังก์ที่พระองค์ประทับอยู่?
แล้วการอธิษฐานเป็นการปลุกให้พระองค์ตื่นมาช่วยเรา? และไม่ควรลืมว่า พระเจ้าไม่ได้หูตึง หูหนวก
บอดและใบ้
แต่พระองค์รู้ถึงชีวิตและความปรารถนาของเราก่อนที่เราจะออกเสียงดังเสียอีก
พระองค์มองลึกลงถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจของเราแต่ละคนครับ
หมายเหตุ:
บทเรียนชีวิตเชิงปฏิบัติทั้ง 6
ประการผู้เขียนจะเสนอต่อจากนี้ในทุกวัน ๆ ละ 1 ประการ ตลอดสัปดาห์นี้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น