22 มกราคม 2560

ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์ “บ่มเพาะ” ในสาวก (7)

การมีชีวิตติดสนิทกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว
นำมาซึ่งพลังอำนาจของชีวิตประจำวันในชุมชนสังคม

พระคริสต์มิได้ “บ่มเพาะชีวิตสาวก” ด้วยคำเทศน์ คำสอน หลักข้อเชื่อ และ การประกอบกิจในคริสตจักรเท่านั้น   แต่พระองค์ทรงใช้แบบอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์  พร้อมกับการกระตุ้นให้สาวกได้คิด  และท้าชวนให้เขาต้องตัดสินใจให้ปฏิบัติชีวิตสาวกของพระองค์ในชีวิตประจำวัน  ในทุกบริบทสถานการณ์ชีวิต              

ข้อเขียนตอนนี้เป็นตอนที่ 7 ในบทความเรื่อง ถอดบทเรียนชีวิตที่พระคริสต์ “บ่มเพาะ” ในชีวิตสาวก

“เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อธิษ​ฐาน อย่า​เป็น​เหมือน​พวก​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด เพราะ​พวก​เขา​ชอบ​ยืน​อธิษ​ฐาน​ใน​ธรรม​ศา​ลา​และ​ตาม​มุม​ถนน​ต่าง ๆ เพื่อ​จะ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​เห็น เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​พวก​ท่าน​ว่า​พวก​เขา​ได้​รับ​บำ​เหน็จ​ของ​เขา​แล้ว    ส่วน​ท่าน​เมื่อ​อธิษ​ฐาน​จง​เข้า​ใน​ห้อง​ชั้น​ใน และ​เมื่อ​ปิด​ประตู​แล้ว จง​อธิษ​ฐาน​ต่อ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​สถิต​ใน​ที่​ลี้​ลับ และ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ใน​ที่​ลี้​ลับ​จะ​ประ​ทาน​บำ​เหน็จ​แก่​ท่าน (มัทธิว 6:5-6 มตฐ.)

พระเยซูคริสต์สอนสาวกว่า   การอธิษฐานคือการที่เราสื่อสารกับพระเจ้าแบบใจถึงใจ  ด้วยความจริงใจ   ดังนั้น การอธิษฐานจึงมิใช่ “พืธีการ” ที่ต้องทำอย่างถูกต้อง เช่น การเน้นเรื่องใช้ราชาศัพท์ที่ถูกต้อง พระเจ้าของคริสตชนไม่ได้เป็นพระราชาที่เจ้ายศเจ้าอย่าง   ที่จะต้องมีพิธีการเข้าเฝ้าที่สลับซับซ้อนและยุ่งยาก   แต่พระเจ้าเป็นเหมือนพ่อคนนั้นที่วิ่งออกไปรับลูกคนเล็กที่กลับมาอย่างซอมซ่อ   พระเจ้ามองความสำคัญและคุณค่าที่ชีวิตของคน   ไม่ใช่ที่คำพูด ท่าที การแต่งเนื้อแต่งตัว   แต่อยู่ที่การจริงใจและต้องการติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าด้วยความจริงใจ

คริสตชนในปัจจุบันนี้   อาจจำเป็นที่จะต้องกลับมาพิจารณาวิธีการอธิษฐานของเรา   เมื่อพระคริสต์อธิษฐานพระองค์อธิษฐานกับพระบิดาในที่เงียบส่วนตัว   และที่สำคัญคือ ทุกเช้าก่อนการเริ่มต้นชีวิตและพันธกิจของพระองค์   พระองค์ทรงออกไปอธิษฐานในที่เปลี่ยว   เมื่อพระองค์ต้องทำพันธกิจที่สำคัญ  พระองค์ทุ่มเทในการอธิษฐานกับพระบิดาเป็นการส่วนตัว   ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้เชื่อและผู้นำในสมัยนั้นเน้นการอธิษฐานในที่สาธารณะ  เพื่อให้คนอื่นได้เห็นถึงความร้อนรนของตนเอง  เห็นถึงการอธิษฐานเก่ง   เห็นถึงการอธิษฐานที่เพราะและลึกซึ้ง   คริสตชนต้องตระหนักชัดว่า  

การอธิษฐานมิใช่การแสดงให้คนอื่นได้เห็น   แต่เป็นการสื่อสารด้วยจริงใจกับพระเจ้า

ที่สำคัญคือ  การอธิษฐานในที่ลับที่เปลี่ยวกลับเป็นการหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คน ๆ นั้นในการทำพันธกิจได้อย่างมีพลังและเกิดผลในที่สาธารณะ  ดั่งเช่นที่เกิดกับพระคริสต์   และนี่เป็นแบบอย่างชีวิตที่พระคริสต์ใช้บ่มเพาะสาวกของพระองค์ในเรื่องการอธิษฐาน

บ่อยครั้งนักที่คริสตชนปัจจุบันเมื่ออธิษฐานไปเน้นที่เสียงดัง  หรือการออกเสียงอธิษฐานพร้อม ๆ กัน  เพื่อแสดงความร้อนรน   หวังว่าพระเจ้าจะได้ยินและทรงตอบ(ตามใจปรารถนาที่ทูลขอ)   บางคนบอกว่า การอธิษฐานดัง ๆ ร้อนรนมาก ๆ เป็นการเขย่าพระบัลลังก์ของพระเจ้า?   ทำเหมือนว่าพระเจ้ากำลังบรรทมบนพระบัลลังก์ที่พระองค์ประทับอยู่?   แล้วการอธิษฐานเป็นการปลุกให้พระองค์ตื่นมาช่วยเรา?   และไม่ควรลืมว่า พระเจ้าไม่ได้หูตึง หูหนวก บอดและใบ้   แต่พระองค์รู้ถึงชีวิตและความปรารถนาของเราก่อนที่เราจะออกเสียงดังเสียอีก   พระองค์มองลึกลงถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจของเราแต่ละคนครับ

หมายเหตุ: บทเรียนชีวิตเชิงปฏิบัติทั้ง 6 ประการผู้เขียนจะเสนอต่อจากนี้ในทุกวัน ๆ ละ 1 ประการ ตลอดสัปดาห์นี้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น