พระเจ้ามีประสงค์ที่จะเปลี่ยนความนึกคิดของท่านมากกว่าเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมชีวิตของท่าน
เรามักต้องการให้พระเจ้าขจัดปัญหา ความเจ็บปวด
ความโศกเศร้า ความเจ็บป่วย ที่เกิดขึ้นกับเราออกไปเสีย แต่พระเจ้าประสงค์ที่จะทำการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างความนึกคิดในชีวิตของเราก่อน
เพราะชีวิตของท่านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อความนึกคิดของท่านได้รับการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าก่อน เมื่อความคิดของท่านเปลี่ยน ชีวิต พฤติกรรม
ท่าที และ การดำเนินชีวิตในมิติต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย
เรียกว่า พระเจ้าต้องการเปลี่ยนแปลงที่ต้นเหตุ มิใช่เปลี่ยนแปลงที่สถานการณ์แวดล้อม และผลพวงจากความนึกคิด อันเป็นปลายเหตุ
ทำไมการที่เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับความนึกคิดในตัวเราเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง? มีเหตุผล 3 ประการคือ
ประการแรก เพราะความคิดเป็นตัวควบคุมชีวิตของเรา
สุภาษิต 4:23 บอกเราว่า “จงระวังให้ดี
ท่านคิดอย่างไร ความคิดนั้นจะเป็นตัวกำหนดหล่อหลอมชีวิตของท่าน”
(สมช.) ความคิดของท่านมีพลังมีอานุภาพ
และ
มีความสามารถอย่างสูงในการหล่อหลอมชีวิตของท่านให้เป็นชีวิตที่ดีหรือเลวก็ได้ ตัวอย่างเช่น
ท่านยอมรับความคิดบางเรื่องที่มีคนบอกท่านว่า “เมื่อชีวิตของท่านเติบโตขึ้น
ชีวิตของท่านไม่มีคุณค่าอะไร
ท่านเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญอะไร”
ถึงแม้มันเป็นความคิดที่ผิด
แต่ถ้าท่านรับเอาความคิดนั้นเป็นความคิดของท่าน ความคิดนี้ก็จะหล่อหลอม และ ตอกย้ำว่าชีวิตของท่านเป็นอย่างความคิดดังกล่าว
ประการที่สอง ความคิดคือพื้นที่สมรภูมิ ที่มารใช้เป็นพื้นที่ทำสงครามจิตวิญญาณ
การถูกทดลองทั้งสิ้นเกี่ยวข้องพัวพันกับความคิดของคนเราทั้งนั้น เปาโลกล่าวในโรม 7:22-23 ว่า
“ในส่วนลึกข้าพเจ้าชื่นชมในพระประสงค์ของพระเจ้า
แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ฝังลึกในธรรมชาติฝ่ายต่ำของข้าพเจ้า
ที่กำลังทำสงครามต่อสู้กับความคิดของข้าพเจ้า และมันชนะในสงครามครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าต้องตกเป็นทาสของความบาปที่ยังฝังอยู่ในชีวิตของข้าพเจ้า
ในความคิดข้าพเจ้าต้องการที่จะเป็นคนรับใช้ที่พระเจ้าต้องการ แต่ชีวิตของข้าพเจ้ากลับตกเป็นทาสของความบาป”
(สมช.)
เหตุผลหนึ่งที่ความนึกคิดของเราอ่อนล้าหมดแรงก็เพราะในสมองของเราทำสงครามต่อสู้กันทั้งวันและคืน
และที่ชีวิตของเราอ่อนเพลียอ่อนกำลังก็เพราะมันต่อสู้กันอย่างเข้มข้น ทั้งนี้เพราะ
สนามความคิดของเราเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
และซาตานต้องการพื้นที่สมบัติอันสำคัญชิ้นนี้ของเราให้อยู่ใต้อำนาจบัญชาการของมัน
ถ้ามารสามารถเข้ายึด และ
บงการพื้นที่ความนึกคิดของมนุษย์
มนุษย์ก็ตกอยู่ใต้อำนาจชั่วของมัน
มารจึงสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของมนุษย์ให้เป็นไปตามที่มันต้องการ และในที่สุดมารก็ใช้มนุษย์ให้เปลี่ยนสังคมโลกทั้งสิ้นให้เป็นไปตามที่มันต้องการ
ประการที่สาม เพราะความนึกคิดคือหัวใจที่นำไปสู่ศานติสุข
ความนึกคิดที่ไม่มีการควบคุมจัดการนำไปสู่ความตึงเครียด
ส่วนความนึกคิดที่มีการควบคุมจัดการนำไปสู่ความสงบ เยือกเย็น และ
สันติ
ความนึกคิดที่ไม่มีการควบคุมจัดการนำไปสู่ความขัดแย้งสับสน
แต่ความนึกคิดที่มีการควบคุมจัดการนำไปสู่ความมั่นคง สงบนิ่ง ความนึกคิดที่ไม่มีการควบคุมและจัดการนำไปสู่ความเครียดกังวล เมื่อเราไม่พยายามที่จะควบคุมความนึกคิดของเรา
และ นำการนึกคิดของเราเอง
เราจะประสบกับความเครียดมหาศาลในชีวิต
แต่ความคิดที่มีการควบคุมและนำการนึกคิด
จะนำเราไปสู่ความเข้มแข็ง มั่นคง และความสงบ แจ่มใส และ เยือกเย็น
ในความเป็นจริงด้วยกำลังของเราเองก็ไม่สามารถที่จะฉุดกระชากลากยื้อกับอำนาจแห่งความบาปชั่วที่กำลังสู้กันในพื้นที่สนามความนึกคิดของเราได้ แต่ด้วยการทรงชี้นำจากพระวจนะของพระเจ้า แบบอย่างชีวิตของพระคริสต์ในการผจญกับอำนาจแห่งความบาปชั่ว
และ พระกำลังจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวันของเรา
จึงช่วยให้เราสามารถที่จะต่อกรกับอำนาจบาปชั่วได้
“การยอมปล่อยให้ความบาปชั่วมาควบคุมชีวิตของท่านนำไปซึ่งความตาย
แต่การยอมให้พระวิญญาณเข้าควบคุมความนึกคิดของท่านนำไปสู่ชีวิตและศานติสุข”
(โรม 8:6 สมช.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com; 081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น