ถ้าท่านต้องการจะพบกับคุณค่าความสำคัญในชีวิต ท่านต้องทำพันธกิจรับใช้คนอื่น พันธกิจในที่นี้หมายถึงการที่เราทำดีแก่ผู้อื่นตามพระประสงค์และในพระนามของพระเยซูคริสต์
คุณค่าความสำคัญในชีวิตไม่ได้มาเพราะเรามีตำแหน่ง
หรือ ชาติกำเนิด หรือ ฐานะทางสังคม
เศรษฐกิจ
และเราก็ไม่ได้มีคุณค่าเพราะเรามีรถที่ทันสมัยที่สุด แพงที่สุด
สวยที่สุด หรือ เพราะของใช้แบรนด์เนมยี่ห้อดัง
ๆ ที่คุณถือคุณใช้
การที่เรามีคุณค่าความสำคัญมิใช่เพราะเราได้รับเงินเดือน หรือ รายได้มาก ๆ หรือมีรายได้มากกว่าคนอื่น ๆ คุณค่าความสำคัญมิได้มาจากรสนิยม หรือ
ประสิทธิภาพทางเพศ
คุณค่าความสำคัญมาจากการที่เรามีชีวิตประจำวันที่รับใช้ผู้คน
คุณค่าความสำคัญเกิดขึ้นได้เมื่อเราเริ่มคิดถึงคนอื่นแทนที่จะคิดถึงแต่ตนเอง
คุณค่าความสำคัญในชีวิตของเรามีได้เพราะเราให้ชีวิตเพื่อคนอื่นจะได้ชีวิตใหม่
โอกาสใหม่
คุณค่าและความหมายในชีวิตไม่สามารถเกิดจากการที่เราคิดเห็นแต่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แล้วสั่งสมสิ่งที่ได้จากการเห็นแก่ตัวไว้มาก ๆ
เพื่อจะมีมากกว่าคนอื่น
เราไม่สามารถที่จะเห็นแก่ตัว
และ มีชีวิตที่มีคุณค่าความหมายในเวลาเดียวกัน
ความเชื่อความศรัทธาและการดำเนินชีวิตของคริสตชน
บนรากฐานพระวจนะ ได้กล่าวไว้ว่า “ตามที่แต่ละคนได้รับของประทาน
ก็ให้ใช้ของประทานนั้นปรนนิบัติกันและกัน...” (1เปโตร 4:10 มตฐ.)
ศักยภาพ ความสามารถ และ ของประทานต่าง ๆ ที่พระเจ้าประทานให้ท่าน
มิใช่ให้ท่านมาเพื่อใช้เป็นประโยชน์เพื่อตนเองเท่านั้น
แต่เพื่อประโยชน์สุขสำหรับคนรอบข้างในชีวิตของท่าน พระเจ้าจะทรงปรับเปลี่ยนเสริมสร้างชีวิตของท่านให้เป็นชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย และท่านจะพบคุณค่าและความหมายในชีวิตด้วยการที่ท่านใช้ศักยภาพ
ความสามารถ และ ของประทานต่าง ๆ ที่พระเจ้าให้ท่านในชีวิตเพื่อรับใช้บริการคนอื่น
ปัญญาจารย์ 4:9-12 กล่าวไว้ว่า “สองคนดีกว่าคนเดียว
เพราะว่าเขาทั้งสองจะช่วยทำให้สำเร็จได้มากยิ่งขึ้น เพราะว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้นได้ แต่จะเป็นการเลวร้ายยิ่ง
ถ้าคนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง จะไม่มีใครพยุงเขาให้ลุกขึ้นได้?
อนึ่ง
ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น แต่ถ้านอนคนเดียวจะอบอุ่นได้อย่างไร? ศัตรูอาจสามารถเอาชนะคน ๆ เดียวได้ แต่ถ้าสองคนร่วมกันป้องกันต่อต้านศัตรู เขาทั้งสองก็สามารถปกป้องตนเองได้
เชือกสามเกลียวที่เกี่ยวพันฟั่นเข้าด้วยกันย่อมขาดยาก
(ปัญญาจารย์ 4:9-12 สมช.)
การรับใช้ของคริสตชน
มิใช่ให้รับใช้ด้วยตัวคนเดียว
แต่ให้เราร่วมกันรับใช้ผู้คนตามพระประสงค์ของพระคริสต์
ในพระนามของพระองค์
และยังหมายถึงการที่เราจะรับใช้ในครอบครัว ในที่ทำงาน
ในชุมชน/สังคม ในกลุ่มเพื่อน มิใช่การรับใช้ในคริสตจักรเท่านั้น
คริสตชนรับใช้
บริการ และให้ชีวิตแก่ผู้อื่นได้ต่อเมื่อชีวิตที่เขามีอยู่เป็นชีวิตของพระคริสต์
และขับเคลื่อนชีวิตประจำวันเคียงข้างไปกับพระองค์ และ
ด้วยกำลังหนุนเสริมจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com; 081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น