13 กรกฎาคม 2563

การทำอาชีพการงานเป็นการนำ “พระพร” ไปถึงคนอื่น!

พระเจ้าประทานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ให้เป็น “วันแห่งพระพร” ที่ให้เราแต่ละคนเข้าไปในสังคมชุมชนเพื่อนำ “พระพรของพระเจ้า” ไปยังชีวิตของคนต่าง ๆ รอบข้างเรา ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวัน และ การประกอบอาชีพของเรา

สำหรับคริสตชน งานอาชีพของแต่ละคนเป็นการทรงเรียกของพระเจ้าที่มีต่อคน ๆ นั้น ที่เราแต่ละคนจะต้องตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระองค์ ด้วยจิตใจแห่งการภาวนาอธิษฐาน ทูลขอให้การดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพการงานในแต่ละวันของเราให้เป็นไปตามพระประสงค์แห่งการทรงเรียกของพระองค์อย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้น การอธิษฐานที่เกิดเป็นพระพร จึงมิใช่การอธิษฐานด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เป็นการอธิษฐานด้วยปฏิบัติการในชีวิตประจำวัน

น้อยนักที่คริสตชนจะคิดที่ว่า “การทำงานเป็นการอธิษฐาน” “การทำอาชีพเป็นการนำพระพรไปถึงคนอื่น” ส่วนมากเราจะมองว่าการทำงานนั้นเป็นอาชีพ เป็นสิ่งที่เราใช้เวลา ความรู้ความสามารถในการทำเพื่อเราจะได้รับรายได้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องต่าง ๆ  

แต่ในความเป็นจริง คริสตชนทำงานอาชีพในแต่ละวันนั้นเป็นโอกาสที่เราจะทำงานเพื่อตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าให้รับใช้คนอื่นและเพื่อประโยชน์สำหรับคนอื่น เป็นการกระทำเพื่อ “ให้สิ่งดี ๆ ในชีวิต” เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นในพระนามของพระคริสต์

ดังนั้น การทำงานในแต่ละวันของแต่ละคนเป็นการรับใช้คนต่าง ๆ ตามการทรงเรียกของพระเจ้า ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการทำงานในคริสตจักร ในสถาบันหรือหน่วยงานคริสตชน แต่อาจจะเป็นคนงานรับจ้าง กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร แพทย์ พยาบาล ครู อาจารย์ ผู้บริหาร นักดนตรี ช่างเทคนิค เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ข้าราชการ  พ่อค้าแม่ค้า แม่ที่เลี้ยงทารก และ ฯลฯ  คริสตชนเชื่อว่า พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนรับใช้พระองค์ผ่านอาชีพและการงานที่เราทำ เพื่อรับใช้และกระทำสิ่งดีดีมีประโยชน์แก่ผู้อื่นในพระนามของพระเยซูคริสต์  

ดังนั้น การออกแรง ทุ่มเท ใช้สติปัญญา และ ทักษะความสามารถของเราจึงเป็นคำอธิษฐานเชิงปฏิบัติการของเราในแต่ละวัน แต่ละหน้าที่การงานที่จะเป็นพระพรแก่คนอื่นรอบข้าง และแก่คนที่รับบริการหรือใช้ประโยชน์จากงานที่เราทำ

สำหรับคริสตชนแล้ว ในหน้าที่การงานที่เราทำแต่ละวัน เราสามารถที่จะตั้งใจทำเพื่อสำแดงพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ กล่าวคือ ความรักเมตตาที่เสียสละเยี่ยงพระคริสต์แก่ผู้คนที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทุกคน

ขอตั้งข้อสังเกตว่า แม้ในบริบทที่ไม่เอื้อ หรือ มีการต่อต้านการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งกีดกันการนำพระพรของพระเจ้าเข้าถึงผู้คนรอบข้าง และ ไม่สามารถขัดขวางการนำความรักเมตตาและเสียสละแบบพระคริสต์ที่สำแดงผ่านการทำงานอาชีพในประจำวันของเราไปถึงผู้คนวงกว้าง 

ในการทำงานอาชีพของเราแต่ละวัน เราสามารถเลือกที่จะทำงานนั้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ “น่าเบื่อหน่าย” หรือ เราจะทำงานนั้นด้วยจิตอธิษฐานในพระนามของพระคริสต์ เพื่อเป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผ่านการทำงานนั้น  เพื่อให้เกิดสิ่งดีมีประโยชน์แก่คนรอบข้างและผู้รับบริการ 

ดังที่พระคริสต์ตรัสถึงชีวิตที่เรานำพระพรไปยังคนรอบข้างนั้นควรมีลักษณะเช่นไร“

[25] ...“ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ปกครองของคนต่างชาติเป็นเจ้าเหนือเขาและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ใช้อำนาจเหนือพวกเขา [26] แต่สำหรับพวกท่านไม่เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ใครอยากเป็นใหญ่ในพวกท่านต้องรับใช้พวกท่าน” (มัทธิว 20:25-26 อมธ.) ขอตั้งข้อสังเกตว่า ในสายพระเนตรของพระเยซูคริสต์ ผู้ที่กระทำเช่นนี้คือ “ผู้เป็นใหญ่” ในพวกท่าน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น