24 กรกฎาคม 2563

ท่านเป็น “นักพูด” หรือ “นักฟัง”?

เรามักจะยกย่องชื่นชม “คนที่พูดเก่ง” ว่าเป็น “นักพูด”  แต่น้อยครั้งนักที่จะได้ยินการชื่นชมคนที่ “ฟังอย่างใส่ใจ” ว่าเป็น “นักฟัง”

เรามีหลักสูตร “สร้างนักพูด” (รวมถึงนักเทศน์) ที่ใช้อบรมกันมากมาย แต่เราไม่ค่อยได้ยินถึงเรื่องหลักสูตร “นักฟัง”  หรือการอบรมให้เรารู้จักการฟังที่มีประสิทธิภาพ?

คริสต์ชนจำนวนมากชอบในการอธิษฐานแต่ไม่เคย “สงบปากสงบคำ” ที่จะเงียบเพื่อจะฟังพระเจ้าตอบ แล้วก็มักบ่นว่า พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของตน

นักพูดที่แท้จริงมิใช่ผู้พูดที่ “พูดเก่ง” หรือ “พูดฟังสนุก ตลก” แต่เป็นนักพูดที่ “พูดได้สาระ” พูดแล้วเสริมสร้างกำลังใจ เกิดแรงกระตุ้นหนุนใจคนฟังให้เกิดพลังที่จะก้าวเดินต่อไปในชีวิต

ตรงกันข้ามกับคนที่ “พูดมาก” “พูดอวดรู้” (คนกลุ่มนี้เมื่อใครพูดเรื่องอะไรเขาจะบอกว่า “รู้แล้ว รู้แล้ว” ไปเสียทุกเรื่อง) หรือพวกที่พูดเพื่อจะอวดคนอื่นว่าตนเองรู้ทุกเรื่อง และถ้ามีการถกเถียงกัน คนพวกนี้จะใช้เสียงตะเบ็งดังขึ้น ๆ ใช้เสียงดังข่มทับเกทับคนอื่น บางครั้งถึงกับตะโกนใส่หน้าคู่ถกเถียง

โดยภาพรวม สังคมเราในปัจจุบันนิยมชมชื่น “คนพูดเก่ง” มากกว่า “คนฟังเก่ง!

แท้ที่จริงแล้วใครที่จะเป็น “นักพูดที่ดี” จะต้องโตมาจากพื้นฐานเป็น “นักฟังที่ดี” ก่อน

เมื่อมีโอกาสที่จะเงียบและใคร่ครวญไตร่ตรองถึงพระลักษณะของพระเจ้า เราคงไม่ปฏิเสธว่า เราต้องการได้ยินเสียงตอบของพระเจ้า เมื่อเราทูลขอต่อพระองค์ เราคาดหวังให้พระองค์ตรัสกับเรา และถ้าพระเจ้าเขียนบล็อกอย่างในปัจจุบันนี้เราคงพากันเข้าไปอ่านกันมากมาย แต่เรามักมีประสบการณ์และพบว่า “พระเจ้าเงียบ ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ตรัสอะไร” และบางครั้งทำให้บางคนเกิดความสงสัยว่า หรือพระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา หรือ ไม่สนใจเรา

การเงียบของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่สนใจเรา และการใส่ใจของพระองค์ต่อชีวิตของเราก็ไม่ได้แสดงออกด้วยการพูด(มาก ๆ)  

แต่พระองค์ใส่ใจด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเราเชิงปฏิบัติ การสนพระทัยของพระองค์ไม่เหมือนอย่างที่เราคิดเราทำกัน แทนที่ความสนใจของพระองค์แสดงออกด้วยการพูด แต่พระองค์ใส่พระทัยเราด้วย “การฟัง”

[*] พระเจ้าทรงฟัง (ได้ยิน) เสียงร้องของเด็กนั้น พระเจ้าทรงฟังเสียงของเด็กน้อยลูกชายของหญิงรับใช้ภรรยาของอับราฮามที่ถูกขับไล่ออกจากบ้าน (ปฐมกาล 21:17)

[*] พระเจ้าทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญของพวกแรงงานทาสในอียิปต์ (อพยพ 2:24)

[*] และในพระธรรมสดุดีหลายตอนที่บอกว่าพระเจ้าฟังเสียงร้องของประชาอิสราเอล

พระเยซูคริสต์ก็ไม่ได้แตกต่างจากพระเจ้าพระบิดา พระองค์ฟังผู้คนเสมอ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำตามรูปแบบของพระบิดาและพระเยซูคริสต์ที่ให้ความสำคัญกับการฟัง  

มารีย์น้องสาวของมารธาได้รับการยกย่องจากพระคริสต์ที่เธอ “นั่งลงและฟัง” พระเยซูคริสต์ตรัสด้วยความเมตตาต่อมารธาว่า เธอวุ่นวายกับการทำบริการรับใช้มากเกินไป

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เป็นนักฟังที่เยี่ยมยอด ยิ่งถ้าเป็นผู้อภิบาลด้วยแล้ว ให้เราเลียนแบบขององค์พระผู้เป็นเจ้า และ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ให้เรามีเวลาฟังคนรอบข้างของเรา คนที่ได้รับความเจ็บปวดในชีวิต คนที่มีชีวิตโดดเดี่ยวว้าเหว่  ให้เราเสริมสร้างชุมชนคริสตจักรของเราให้โดดเด่นในการฟังคนอื่น

ท่านพี่น้องครับอย่าลืมคำแนะนำของยากอบที่ว่า... “...ให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด...” (ยากอบ 1:19 มตฐ.)  และเลิกนิสัยชอบพูดมาก ชอบรายงาน(เอาหน้า) เพื่อแสดงว่าตนรู้ทุกเรื่อง?

 

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น