09 มกราคม 2554

ที่ว่างในชีวิต

คริสต์ศาสนศาสตร์ภาคประชาชน: ว่าด้วยเรื่องรางหญ้า ตอน 3

16เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
(ยอห์น 3:16 IBS)
6ขณะเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะคลอดบุตร
7นางจึงคลอดบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า
เพราะว่าไม่มีที่ว่างในโรงแรมสำหรับพวกเขา
(ลูกา 2:6-7, TBS02b)

ช่วงเวลาที่เราอยู่ในเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา รายการแต่ละวันของเราดูเต็มเอียด และรายการจ่ายของเราทำให้กระเป๋า “แฟบ” ลง ชีวิตของเราในช่วงนั้นถูกรุมล้อมด้วยสิ่งที่เรารู้สึกว่าสำคัญๆ ทั้งสิ้น เมื่อชีวิตของเราต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ต่างๆ เราพยายามที่จะจัดการตามความสามารถของเราเอง เกิดคำถามตนเองว่า แล้วชีวิตของเราในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมานี้มี “ที่ว่าง” สำหรับพระคริสต์หรือเปล่าเนี่ย!

เมื่อสงบลงใคร่ครวญถึงชีวิตของตนเอง เราคงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ชีวิตของเราไม่มีที่ที่สำหรับพระคริสต์ในแต่ละวัน ทั้งๆ ที่เราก็ยังทำตัวให้คนอื่นเห็นว่าพระคริสต์สถิตในชีวิตของเรา เราบอกคนอื่นว่าเราเป็นคริสเตียน เราพูดกับคนอื่นว่าเราวางใจและพึ่งพิงในพระองค์

แต่เวลาที่เราต้องพบกับวิกฤติชีวิตเราก็มักพยายามจัดการด้วยความคิดความสามารถของเราเอง เราหลายคนไม่เข้าใจกับชีวิตที่ถูกการทดลอง ชีวิตที่ต้องตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก เพราะเมื่อเรามองไปในสังคม คนที่ไม่สนใจเรื่องพระเจ้าหลายต่อหลายคนกลับมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองกว่าชีวิตของพวกเรา บ่อยครั้งชีวิตของเราถูกดึงเข้าไปในมุมมืด ความตึงเครียดด้านเศรษฐกิจการเงินทำให้ชีวิตของเราตกอยู่ในความวิตกกังวล แทนที่เราจะหันกลับมาหาพระเจ้า แต่เรากลับพึ่งพิงในสิ่งเราเห็นและเราเข้าใจ เราลงมือจัดการชีวิตของเราเอง

ในวิกฤติชีวิตที่เราพบ เมื่อเราไม่สามารถจะจัดการชีวิตด้วยตนเองได้ เราร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า มุมมืดมิดในชีวิตของเรากลับมีแสงสาดส่องเข้ามา แสงสว่างขององค์พระคริสต์ฉายทาบลงบนความเจ็บปวดทุกข์ยากในชีวิตของเรา เป็นเหมือนยาจากเบื้องบนที่ทาทาบลงบนบาดแผลแล้วช่วยสมานเยียวรักษาบาดแผลชีวิตนั้นของเรา ทำให้ได้รับประสบการณ์ “รางหญ้า” ที่เปิดรับให้องค์พระคริสต์ประทับอยู่ รางหญ้าที่มีกลิ่นฟางแห้งคละเคล้ากับกลิ่นของสัตว์และน้ำลายสัตว์ กลับถูกกลบและขับไล่ด้วยกลิ่นของพระเยซูคริสต์

ไม่น่าเชื่อเลยว่า ชีวิตที่ยอมรับเอาพระคริสต์เข้าอยู่ในชีวิตของตน ชีวิตที่แสนจะธรรมดาสามัญทุกข์ยากลำบากกลับได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระคริสต์เป็นชีวิตที่มีคุณค่า ความหมาย ท่ามกลางความธรรมดาของชีวิตในโลกนี้

พระคริสต์เข้ามาในชีวิตของเราแต่ละคนด้วยหลากหลายหนทางด้วยกัน ด้วยการเกิดอย่างธรรมดาสามัญของพระคริสต์ได้สำแดงให้เห็นถึงคุณค่า ความหมาย และความเข้าใจที่มากกว่าธรรมดา พระคริสต์สามารถเกิดในห้องหรูอาคารใหญ่ หรือ ในรั้วในวัง แต่พระคริสต์เลือกที่จะเกิดในรางหญ้าและคอกสัตว์ ที่อาจจะมีกลิ่นแรงคลุ้งด้วยกลิ่นคอกสัตว์ แล้วข่าวการบังเกิดของพระองค์กลับแจ้งให้คนเลี้ยงแกะรู้เป็นพวกแรก แทนที่จะแจ้งให้กษัตริย์ นักการเมือง นักวิชาการ หรือคนยิ่งใหญ่ในสังคมในประเทศ พระเจ้าทรงสำแดงการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางสภาพการณ์ สถานการณ์ที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุด

วันนี้พระคริสต์ยังพร้อมเสมอที่จะพบปะกับเราท่ามกลางชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดาในชีวิตประจำวันของเรา แต่นี่อาจจะทำให้บางคนรู้สึกว่า พระคุณของพระเจ้าที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งเช่นนี้จะเกิดขึ้นในสภาพการณ์และสถานการณ์ที่เรียบง่ายธรรมดาเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อพระเจ้าทรงกระทำสิ่งสำคัญในความเรียบง่าย เราบางคนกลับรับไม่ได้ เช่นนั้นหรือเปล่า?

ครั้งหนึ่งในวันคริสต์มาส สมาชิกในครอบครัวต่างเตรียมตัวไปร่วมฉลองคริสต์มาสที่คริสตจักร ยกเว้นคุณพ่อของครอบครัวนี้ เพราะคุณพ่อเป็นคนที่จริงจังและจริงใจ เขาไม่สามารถที่จะทำตัวหลอกตนเองในความคิดของตนและคนรอบข้าง โดยเฉพาะการที่จะเชื่อว่าพระเจ้าเข้ามาในโลกนี้ในสภาพทารกที่เกิดและนอนในรางหญ้า เขาไม่ต้องการที่จะหลอกตนเองและหลอกคนอื่น เขาไม่ต้องการเป็นคนหน้าซื่อใจคด ทำทีไปร่วมนมัสการพระผู้ช่วยให้รอด และเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเรื่องพระคริสต์บังเกิดและบรรทมในรางหญ้าว่าเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจอยู่บ้านดีกว่า

เขาก่อเตาไฟให้ความร้อนจากไฟขับไล่ความหนาวยะเยือก ความหนาวเหน็บเจ็บปวดให้ออกไปจากห้องที่เขาอยู่ ในค่ำคืนนั้น แล้วเขาก็เริ่มเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน เพื่อรอครอบครัวของเขากลับจากโบสถ์ จะได้ฉลองให้สนุกสนานกันในคืนนั้น

ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงอะไรที่มาเคาะที่หน้าต่างของเขา เมื่อเขาเดินไปดูก็พบนกตัวหนึ่งคงต้องการที่จะบินเข้ามาในห้องของเขาเพื่อรับไออุ่น เขาจึงเปิดหน้าต่างนั้น เพื่อให้นกบินเข้ามาในห้อง แต่นกไม่ยอมบินเข้าในห้องของเขา เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ผลที่ได้ก็อย่างเดิม

เขาคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้านกกลัวไม่กล้าที่จะบินเข้าในห้องของเขา นกน่าจะบินเข้าไปในโรงนาของเขา เผื่อนกจะสามารถซุกตัวอยู่ในกองฟางเพื่อเกิดความอุ่น เขาสวมเสื้อกันหนาวแล้วออกไปเปิดประตูโรงนา แต่นกก็ไม่ยอมบินเข้า... หมดปัญญา!

คุณพ่อผู้มีใจเมตตาคนนี้นั่งลงคิดตั้งนาน เขาคิดได้ว่า “ถ้าฉันเกิดเป็นนกได้ แค่เพียงนาทีเดียว ฉันก็จะสามารถนำนกตัวนี้รอดพ้นจากความหนาวเหน็บเจ็บปวดนี้เข้าสู่ห้องที่อบอุ่นได้” ในเวลานั้นเอง เขาได้ยินเสียงระฆังดังจากคริสตจักร เขาเกิดความเข้าใจได้ว่า ทำไมพระเจ้าจะต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำไมพระองค์ต้องมาเกิดเป็นคนอย่างเราท่าน ทั้งนี้ก็เพื่อนำเราไปสู่ที่ปลอดภัยนิรันดร์ สู่ชีวิตที่อบอุ่นในพระองค์

หัวใจสำคัญของวันคริสต์มาสคือ “อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่ด้วยกับเรา” พระองค์อยู่ด้วยกับเรา ด้วยการเข้ามามีชีวิตในจุดต่ำที่สุดในชีวิตประจำวันของเรา พระเจ้าสถิตอยู่ในข้าพเจ้า อยู่ในท่าน พระองค์สถิตท่ามกลางเราทุกคน วันคริสต์มาสมิใช่วันสำคัญวันหนึ่งในปฏิทินของเรา แต่คริสต์มาสเป็นการเฉลิมฉลองถึงการสถิตอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละวัน

พระองค์อยู่กับเราในชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและธรรมดา พระองค์สถิตอยู่กับเราในทุกสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่ว่าเราจะไปยังแห่งหนตำบลใด ไม่ว่าเราจะทำอะไร พระคริสต์สถิตในรอยยิ้มที่เราส่งยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก พระคริสต์สถิตกับเราในความอดทนที่เรายอมทนต่อผู้อื่นด้วยความรักของพระคริสต์ พระคริสต์สถิตกับการที่เราให้ของขวัญที่จำเป็นที่สุดแก่คนบางคน พระคริสต์สถิตในการเฉลิมฉลองด้วยความปีติเบิกบานใจอย่างเงียบๆ ในชีวิตของเรา พระคริสต์สถิตกับคนทั้งหลายที่เห็นแสงไฟกระพริบงามตาและตระหนักชัดว่า พระองค์เป็นแสงสว่างที่งามเลิศในความมืดมิดชีวิตของตน พระคริสต์สถิตกับทั้งผู้ให้และผู้รับของขวัญที่สวยงามและช่วยให้เราระลึกถึงพระคริสต์ที่เป็นของขวัญที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกชีวิต พระคริสต์สถิตในทุกการเลี้ยงอาหารที่บอกถึงความจริงว่า พระคริสต์ทรงเป็นอาหารแห่งชีวิตของเราแต่ละคน พระคริสต์สถิตกับทั้งผู้ส่งและผู้รับบัตรอวยพร, ทั้งผู้โทรและผู้รับโทรศัพท์, ทั้งผู้ส่งข้อความและผู้รับข้อความ และทั้งผู้ไปเยี่ยมและผู้รับการเยี่ยม ที่จะย้ำเตือนให้สำนึกเสมอว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในเราทุกคน

...เพียงแต่ เราจะมีรางหญ้าในชีวิตของเราที่จะรองรับพระองค์
รางหญ้าที่เรียบง่าย ธรรมดา ในชีวิตประจำวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น