27 มกราคม 2554

เราบ่มเพาะอะไร

เราบ่มเพาะอะไร
ในการ “บ่มเพาะฟูมฟักจิตวิญญาณ” (Spiritual Formation)

เมื่อเราพูดถึงการบ่มเพาะ ฟูมฟัก ชีวิตจิตวิญญาณ เรากำลังหมายถึงการบ่มเพาะฟูมฟักอะไรกันแน่? แท้ที่จริงแล้วเรากำลังพูดถึงการการบ่มเพาะฟูมฟักใหม่ในชีวิตจิตวิญญาณของคน ถ้าเช่นนั้นเราต้องย้อนกลับไปพิจารณาว่าเราได้ถูกสร้างขึ้นมาแต่เริ่มแรกอย่างไรบ้าง?

เมื่อพระเจ้าทรงตัดสินใจที่สร้างมนุษย์ 26...พระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา...” (ปฐมกาล 1:26) พระองค์สร้างอาดัมและเอวาตามพระลักษณะของพระองค์ มนุษย์ที่ถูกสร้างมานั้นมีรักความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า และมนุษย์มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ และมีสัมพันธภาพกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเขา มนุษย์สามารถที่จะคิดและเป็นผู้ที่สร้างสรรค์ได้ และยังมีความสามารถดูแลเอาใจใส่และครอบครองโลกใบนี้ตามที่พระผู้ทรงสร้างมอบหมาย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์ทำความผิดบาป ลักษณะและคุณภาพชีวิตดังกล่าวข้างต้นได้สูญเสียไป และมนุษย์ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในสภาพที่ “พระฉายาของพระเจ้ายังเสียหาย” และเสื่อมถอยอันเนื่องจากความบาป

มีทางเดียวที่ลักษณะพระฉายาที่มนุษย์ได้จากพระเจ้าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม พระเจ้าจะต้องทรงสร้างเราใหม่อีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างเราขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระองค์ (โรม 8:29) 29เพราะว่า... พระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก” ในเมื่อพระคริสต์ก็คือพระเจ้า ดังนั้นการที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมีลักษณะฉายาเหมือนพระคริสต์ก็หมายความได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ตามพระฉายาของพระเจ้าตามที่มนุษย์ได้รับการทรงสร้างตั้งแต่ครั้งเริ่มแรก

ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงเรื่องการบ่มเพาะฟูมฟักชีวิตจิตวิญญาณ นั่นหมายถึงการที่เราได้รับการบ่มเพาะให้มีลักษณะฉายาของพระคริสต์ภายในชีวิตของเรา เปาโลได้บอกเราว่าลักษณะชีวิตที่ว่านี้เป็นเหมือนรายการเดียวกันกับรายการผลของพระวิญญาณที่ทำงานในชีวิตของเรา ให้มีลักษณะของ 22ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย (กาลาเทีย 5:22)

การที่เรามีส่วนร่วมในพระลักษณะของพระคริสต์ไม่ได้หมายความว่าเราหมดลักษณะของความเป็นตัวตนของตนเอง พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ที่จะลบล้างทำลายลักษณะเฉพาะที่พระเจ้าทรงสร้างในตัวตนของเรา แต่พระองค์ประสงค์ให้ลักษณะเฉพาะในตัวตนของแต่ละคนมุ่งไปสู่เป้าหมายของพระคริสต์ด้วยการขับเคลื่อนโดยพลังกระตุ้นดลใจจากพระองค์ พระธรรมโรม 12:2 ได้บอกเรา “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” (อมตธรรม)

การมีชีวิตตามแบบชีวิตของพระคริสต์เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง ในพระธรรม 2โครินธ์ 3:18 ได้กล่าวไว้ว่า “เราทั้งหลาย...ต่างสะท้อนพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ ด้วยรัศมีที่เพิ่มพูนขึ้นทุกที รัศมีซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ” (อมตธรรม)

ในที่สุด มิเพียงแต่ความนึกคิดและจิตใจของเราที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระลักษณะของพระคริสต์เท่านั้น แต่ร่างกายของเราก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงด้วย ซึ่งร่างกายของเราในปัจจุบันนั้นเป็นเพียงร่างกายที่มีความจำกัดทั้งความสามารถ ความคงทน และช่วงเวลา และความปรารถนาต้องการของร่างกายมักนำเราเข้าสู่การทดลอง แต่ท่านยอห์นได้กล่าวไว้ว่า “เพื่อนที่รัก บัดนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า ภายหน้าเราจะเป็นอย่างไรเรายังไม่รู้ แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏเราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น” (1ยอห์น 3:2) สมรรถนะภายนอกของเราจะสอดคล้องกับความปรารถนาภายในของเรา และพระลักษณะของพระคริสต์ในตัวเราจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์

การบ่มเพาะชีวิตจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากจิตจำนงค์เสรีในแต่ละตัวคน ที่ตัดสินใจให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตความนึกคิด จิตใจความปรารถนา จนมีพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การดำเนินชีวิตประจำวันของเราให้เป็นไปตามพระลักษณะของพระคริสต์

การบ่มเพาะชีวิตจิตวิญญาณเริ่มต้นที่เราแต่ละคน และ ชุมชนคริสเตียนจะต้องช่วยกันเสริมสร้างความตระหนักชัดว่า เราจะไม่ยอมมีชีวิตจิตใจที่ไหลไปตามกระแสแห่งสังคมโลกปัจจุบันนี้ แต่เพื่อที่จะนำการเปลี่ยนแปลงสังคมและชุมชนในปัจจุบันไปสู่แผ่นดินของพระเจ้า คริสเตียนและชุมชนคริสเตียนจะต้องรับการเปลี่ยนแปลงให้มีชีวิตที่เป็นไปตามพระลักษณะของพระคริสต์ เพื่อคริสเตียนเหล่านี้จะรวมตัวเป็นชุมชนคริสเตียน ชุมชนคริสตจักรที่เป็นตัวแทนของพระพระคริสต์ในการเปลี่ยนแปลงคนในสังคมปัจจุบัน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างระบบสังคมให้มีคุณภาพชีวิตชุมชนตามอย่างแผ่นดินของพระเจ้า

เราสามารถบ่มเพาะฟูมฟักชีวิตจิตวิญญาณแบบพระคริสต์ในชีวิตของเรา ชีวิตของเพื่อนรอบข้าง และชีวิตสังคมที่เราอยู่ร่วมกันตั้งแต่วันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น