18 มกราคม 2554

เมื่อต้องรอคอยในยามที่ชีวิตวิกฤติ

43และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล” เขาก็ลุกขึ้นมองและตอบว่า “ไม่มีอะไรเลย” และท่านบอกว่า “จงไปดูอีกเจ็ดครั้ง” 44และอยู่มาเมื่อถึงครั้งที่เจ็ดเขาบอกว่า “ดูเถิด มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล ...”(1พงศ์กษัตริย์ 18:43-44)

สตรีคริสเตียนที่ติดตามพระคริสต์อย่างอุทิศตนคนหนึ่ง ชีวิตของเธอถูกดึงระหว่างความเชื่อกับสถานการณ์ทุกข์ยากลำบาก เกิดการต่อสู้กันในตัวเธอระหว่างความเชื่อศรัทธาในพระเจ้ากับความรู้สึกสิ้นหวังในสถานการณ์ที่เธอกำลังถูกทดลอง เธออธิษฐานแต่ตอนนี้เกิดความไม่แน่ใจว่าพระเจ้าฟังคำอธิษฐานของเธอต่อไปหรือไม่ ในแต่ละวันเธอพยายามมุ่งมองหาแสงสว่าง แต่เธอไม่เห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อีกข้างหนึ่ง” เลย

ท่านเคยประสบกับสถานการณ์อย่างเช่นสตรีคริสเตียนคนนี้หรือไม่? หรือคนที่ท่านรักหรือใกล้ชิดท่านเคยพบเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้หรือไม่? ตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์นั้นอยู่หรือเปล่า? ทางของพระเจ้าและเวลาของพระองค์นั้นล้ำลึกอย่างไม่ต้องสงสัย บางครั้ง บนเส้นทางของพระเจ้านั้นดูวุ่นวายสับสน แต่พระเจ้าทรงดีต่อทุกคน เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา ทรงจัดเตรียมกำลังและความหวังสำหรับเราเมื่อเราทูลขอต่อพระองค์... แต่การที่เราจะต้องรอคอยนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากแต่เป็นวินัยด้านชีวิตจิตวิญญาณ

เราพบครั้งแล้วครั้งเล่าในพระคัมภีร์ที่ชี้ชัดถึงภาพที่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อผู้ที่ทูลขอและรอคอยพระองค์ ภาพของพระเจ้าที่ทรงสัตย์ซื่อในเรื่องราวของเอลียาห์เป็นเรื่องที่ติดตาตรึงใจผู้อ่านอย่างยิ่ง (ตอนนี้ให้ท่านอ่านพระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ บทที่ 17 และ 18) เอลียาห์เป็นผู้เผยพระวจนะที่น่าทึ่งและยอดนิยมของชาวอิสราเอล พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตและผ่านชีวิตของเอลียาห์เปี่ยมด้วยพลังอำนาจและน่าอัศจรรย์ เฉกเช่นที่พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตและผ่านชีวิตของสตรีคริสเตียนท่านนั้น และในชีวิตของเราแต่ละคนด้วย

เป็นเวลาหลายปีที่อาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล และเยเซเบลพระมเหสีได้ประพฤติชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า พระองค์นมัสการรูปเคารพ นมัสการพระบาอัลแทนที่จะนมัสการพระเยโฮวาห์พระเจ้าที่เที่ยงแท้ด้วยความสัตย์ซื่อ ซึ่งเป็นการกระทำให้พระเจ้าพิโรธ พระเจ้าทรงเรียกเอลียาห์ และเอลียาห์ได้ทูลกษัตริย์อาหับว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งข้าพระบาทปฏิบัติทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ นอกจากตามคำของข้าพระบาท” (1พงศ์กษัตริย์ 17:1) อาหับโกรธเป็นเดือดเป็นแค้น พระองค์ต้องการให้เอลียาห์ตายๆ ไปเสีย แต่พระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการชีวิตของเอลียาห์ พระองค์ทรงนำและปกป้องเอลียาห์และจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นต้องมีในชีวิตของเอลียาห์ในช่วงเวลาแห่งความแห้งแล้ง

ในปีที่สามแห่งความแห้งแล้งนั้น พระเจ้าให้เอลียาห์กลับไปเฝ้ากษัตริย์อาหับ และท้าให้ประลองพิสูจน์ว่าพระเจ้าของใครคือพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ภูเขาคารเมล เป็นเหมือนมวยโลกคู่เอก เป็นการต่อสู้ระหว่างพระบาอัลกับบรรดาพระผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จของเขาในมุมหนึ่ง พบกับพระเจ้าพระเยโฮวาห์กับเอลียาห์อีกมุมหนึ่ง การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น ยกที่หนึ่ง พวกของพระบาอัลทำพิธีสัตวบูชาแก่พระของพวกเขาร้องเรียกพระเจ้าของเขาตั้งแต่เช้ายันบ่ายเพื่อขอไฟจากฟ้า แต่พระบาอัลกลับเงียบเชียบ ไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะพระบาอัลมิใช่พระเจ้าที่เที่ยงแท้

เอลียาห์รู้และมั่นใจว่า ท่านรับใช้พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ทรงพระชนม์อยู่ และพระเจ้าที่ทรงกระทำพระราชกิจ เอลียาห์ขึ้นไป “บนเวที” ด้วยความมั่นใจ ท่านซ่อมแซมแท่นบูชาของพระเจ้า เตรียมเครื่องถวายบูชา แล้วได้ทูลขอต่อพระเจ้าโปรดสำแดงความเป็นพระเจ้าโดยการส่งไฟลงจากฟ้ามายังเครื่องบูชา พระเจ้าทรงส่งไฟลงมายังแท่นเครื่องบูชา พระบาอัลถูกน๊อกล้มคว่ำอย่างไม่เป็นท่า

เมื่อการประลองจบสิ้นลง พระเจ้าให้เอลียาห์ไปบอกกษัตริย์อาหับว่า 41...“ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” (1พงศ์กษัตริย์ 18:41) กษัตริย์อาหับกลับวัง ส่วนเอลียาห์กลับไปบนเขาคาราเมล เพื่อไปดูฝนอันอัศจรรย์จากพระเจ้า

เอลียาห์บอกคนใช้ของตนว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล”

คนใช้ของท่านตอบว่า “ไม่มีอะไรเลย” เอลียาห์สั่งให้คนใช้ไปดูถึงเจ็ดครั้ง

ในครั้งที่เจ็ดคนใช้ของเอลียาห์บอกว่า “ดูเถิด มีเมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” (1พงศ์กษัตริย์ 18:43-44)

สิ่งที่สะดุดตาของผมเมื่อศึกษาในพระธรรมตอนนี้คือ เอลียาห์ไม่ได้รับคำตอบการอัศจรรย์จากพระเจ้าทันที พระเจ้าเปิดท้องฟ้าแล้วเทฝนและให้พายุตกกระหน่ำลงมันทันทีไม่ได้หรือ? ได้แน่ แต่พระองค์ไม่ทำเช่นนั้น เอลียาห์ต้องรอคอย คนใช้ของท่านต้องลุกขึ้นไปดูครั้งแล้วครั้งเล่าถึงเจ็ดครั้ง

มิใช่มีแต่ท่านและผมที่ต้องรอคอย ขนาดเอลียาห์ก็ต้องรอ ท่านที่รัก...พระประสงค์ของพระเจ้าก็คือพระประสงค์ของพระเจ้า พระประสงค์ของพระองค์ไม่ต้องโอนอ่อนผ่อนตามความประสงค์ของมนุษย์ แต่เรามนุษย์จะต้องโอนอ่อนผ่อนตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะเรายอมเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์นั้นเองเราจึงพบกับพระกำลังของพระเจ้าและสันติสุขในพระองค์ แม้ในเวลาที่เรารอคอยก็ตาม

45และอยู่มาอีกครู่หนึ่ง ท้องฟ้าก็มืดไปด้วยเมฆและลม และมีฝนหนัก... (1พงศ์กษัตริย์ 18:45)

อีกครั้งหนึ่ง ที่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ ให้เราใคร่ครวญดูว่า พระเจ้าทรงใช้เอลียาห์ในงานที่ใหญ่โต เอลียาห์พูดในนามของพระเจ้า ท่านเป็นทหารแนวหน้าของพระเจ้า ท่านได้ช่วยเด็กที่ตายแล้วได้กลับมีชีวิตเพื่อเป็นพระพรแก่แม่ของเด็กที่เป็นหม้าย และเอลียาห์นำในการอัศจรรย์ของพระเจ้าให้ไฟตกลงมาจากฟ้า... ได้เผาไหม้เครื่องบูชา และทำให้จิตใจของอิสราเอลหันกลับมาหาพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงทำผ่านเอลียาห์ แต่เมื่อเอลียาห์เผชิญหน้ากับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน พระเจ้ายังให้เอลียาห์รอคอย รอคอยเวลาของพระองค์ รอคอยการกระทำพระราชกิจของพระองค์

เมื่อท่านตกอยู่ในสภาพชีวิตที่ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจและรู้สึกว่าดูเหมือนพระเจ้าไม่ได้ยินคำร้องทูลของท่าน ท่านถูกบังคับให้รอคอยพระเจ้า เมื่อท่านพบว่าชีวิตของท่านถูกดึงระหว่างความเชื่อศรัทธากับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ ในชีวิต เมื่อท่านพบว่า ในเวลานั้น “ท่านไม่มีอะไรเลย” ไม่มีสิ่งที่จะบ่งบอกถึงการอัศจรรย์ของพระเจ้าที่น่าจะเกิด ในเวลาเช่นนั้น โปรดระลึกว่า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ ทรงฤทธานุภาพ และพระองค์ทรงเป็นคำตอบ ท่านเคยพบกับพระองค์ครั้งเมื่อชีวิตตกอยู่ท่ามกลางความยากลำบากในอดีต และท่านจะพบพระองค์ท่ามกลางการทดลองในอนาคต ถึงแม้ว่าสถานการณ์ชีวิตในขณะนี้จะสุ่มเสี่ยงและท้าทายเพียงใด ท่านจงมั่นใจเถิดว่า พระองค์ทรงเฝ้ามองอยู่ ทรงฟังคำร้องทูลของท่าน และพระองค์ทรงฤทธิ์สามารถช่วยท่านได้ “4จงแสวงหาพระเจ้า และพระกำลังของพระองค์ แสวงพระพักตร์ของพระองค์เรื่อยไป” (สดุดี 105:4)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น