14 ตุลาคม 2553

อย่ากลัวที่จะมีใจกว้างขวาง

อ่านพระธรรมลูกา 12:32-34

32“ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะว่าพระบิดาของพวกท่านชอบพระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน 33จงขายของที่ท่านมีอยู่และทำทาน จงทำถุงใส่เงินสำหรับตนซึ่งไม่รู้จักเก่า คือมีทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ซึ่งไม่รู้จักหมดสิ้น ที่ขโมยไม่ได้เข้ามาใกล้ และที่ตัวแมลงไม่ได้ทำลาย 34เพราะว่าทรัพย์สมบัติของพวกท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
(ลูกา 12:32-34)

ทำไมคนในครอบครัวของพระเจ้าในยุคนี้ดูเฉื่อยชาลงในเรื่องการที่เป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง? คำตอบคงธรรมดาสามัญ...ก็เพราะเรากลัวว่าถ้าเราใจกว้างให้ทรัพย์สิน เงินทอง อาหาร สมบัติ เวลา หรือแม้แต่กำลังของเรามันจะไม่มีเหลือพอสำหรับเราเมื่อมีความจำเป็นต้องการในอนาคต ในพระธรรมตอนนี้เราได้ยินได้ฟังถึงคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อสาวกของพระองค์ไม่ให้วิตกกังวลในสิ่งใดเลย เพราะพระบิดาทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยเมตตาในการให้

ในพระธรรมโรม 8:32 เปาโลกล่าวไว้ว่า “พระองค์ผู้ไม่ทรงหวงพระบุตรของพระองค์เอง แต่ประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทุกคน ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ประทานสิ่งสารพัดให้เราด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ?” พระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระผู้กอบกู้แห่งโลกนี้ พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์จะทรงประทานทุกสิ่งแก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์

โปรดเข้าใจอย่างถูกต้องว่า ความรอดนั้นเป็นการรอดพ้นจากอำนาจความผิดบาป และ ในเวลาเดียวกันความรอดรวมถึงความจำเป็นต้องการของเราได้รับการทรงตอบสนองจากพระเจ้าด้วย พระเจ้าจะมิทรงยินยอมให้ผู้คนในแผ่นดินของพระองค์ต้องอดอยากขาดแคลนในสิ่งที่จำเป็นในชีวิต โดยความเป็นจริงแล้ว พระเจ้าทรงให้เราเป็น “ตัวแทนของพระองค์” เป็น “ท่อสำหรับพระองค์” ที่จะนำส่งต่อพระเมตตาคุณของพระองค์ไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างเรา พระเมตตาคุณของพระเจ้าที่ทรงประทานแก่เรามิได้ทรงให้มาเพื่อให้เรา “เก็บกัก สะสม” เอาไว้ใช้สำหรับตนเอง เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น ตัวเราจะกลายเป็นผู้กีดกัน ขัดขวางทำให้คนอื่นไม่ได้รับสิ่งที่สำคัญจำเป็นในชีวิตของพวกเขา และในเวลาเดียวกันพระเมตตาคุณที่เราเก็บกักสะสมเพื่อตนเองก็จะเสียหายไหลรั่วเหมือนกับเงินที่ล่วงหล่นจากกระเป๋าที่มีรูรั่ว แต่ถ้าเราแจกจ่ายพระเมตตาคุณเหล่านั้นที่เราได้รับแก่คนที่มีความจำเป็นรอบข้าง พระพรนั้นก็จะทวีคูณเพิ่มพูนมากขึ้น ความจำเป็นต้องการในแต่ละวันของเราได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า และคนอื่นรอบข้างก็ได้รับพระเมตตาคุณของพระเจ้าผ่านทางชีวิตของเรา ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญ

พระเยซูคริสต์ไม่เคยสอนว่า คุณให้มากเท่าใดคุณก็จะได้รับมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น (พระเยซูไม่เคยสัญญาว่า ท่านจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ทรงสัญญาว่าความจำเป็นของแต่ละวันในชีวิตของท่านจะได้รับการทรงตอบสนองจากพระเจ้า)

พระองค์ตรัสว่า ประชากรในแผ่นดินของพระองค์ทุกคนมีความรับผิดชอบในการใช้สิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้ เพื่อให้พระนามของพระบิดาเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ โดยการที่เรารับผิดชอบตอบสนองความจำเป็นของคนอื่นๆ ในชีวิตของเขาเหล่านั้นด้วยพระเมตตาคุณของพระเจ้าที่เราได้รับจากพระองค์

จุดผิดพลาดคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นเมื่อเราสำคัญผิดคิดว่า สิ่งที่พระองค์ทรงประทานแก่เรานั้นเป็นทรัพย์สมบัติของเรา หรือที่เราสามารถหามาได้เอง เราจึงต้องเก็บกักรักษาไว้สุดชีวิตเพื่อตัวเราเองจะได้ใช้เมื่อมีความต้องการในชีวิต เพื่อความมั่นคง ปลอดภัยแห่งชีวิตของเรา เราจึงไม่คิดว่าทรัพย์สินสิ่งของที่ได้มาเหล่านี้มีมาเพื่อการแบ่งปัน เราจึงกลายเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินสิ่งของที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา

แต่ถ้าเรารักพระองค์มากกว่าและเหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ทรัพย์สินสิ่งของที่เรามี เราจะสำนึกตลอดเวลาว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของพระเจ้า ทรัพย์สินสิ่งของเหล่านี้ควรถูกใช้เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ และถ้าเราดำเนินบนวิถีชีวิตแบบนี้ชีวิตของเราก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับความวิตกกังวล ถ้าเราเชื่อไว้วางใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานสิ่งจำเป็นในชีวิตแก่เราในแต่ละวัน เราจึงไม่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นค่ำคืนกลางดึก หรือชีวิตโชกเปียกด้วยความเครียด และนี่จะช่วยปลดปล่อยชีวิตของเราให้เป็นไทในพระองค์ขนาดไหน และก็จะเป็นการช่วยปลดปล่อยให้ผู้คนรอบข้างเราได้เป็นไทในพระคริสต์ด้วยเช่นกัน

คริสเตียนคงต้องกลับมาพิจารณาและปรับมุมมองใหม่ในชีวิตและความเชื่อ
ขอพระเจ้าโปรดเมตตาอภัยโทษสำหรับชีวิตที่ผ่านมาของเราแต่ละคน

ที่มุ่งหาไขว่คว้าทรัพย์สิน เงินทอง สมบัติมาเพื่อกักตุน สะสม กอดแน่นดั่งหนึ่งเป็นที่พึ่งแห่งชีวิต
ที่ทำตัวเหมือนกับว่าไม่มีพระบิดาที่ทรงเมตตาคุณในชีวิตแต่ละวัน
ที่ชีวิตขาดความรับผิดชอบในการส่งต่อและแบ่งปันพระพรแห่งเมตตาคุณของพระเจ้าแก่คนรอบข้าง
ที่ชีวิตตกอยู่ในหุบเหวแห่งความวิตกกังวลว่า จะไม่มีทรัพย์สินเงินทองเพียงพอในชีวิต

ขอพระเจ้าโปรดทรงช่วยเราที่จะเชื่อฟังในการทรงนำของพระองค์
กล้าที่จะให้ตามที่พระองค์ตรัสสั่ง และ ไว้วางใจว่าพระองค์จะทรงเติมเต็มสิ่งจำเป็นในแต่ละวัน
เพื่อคนรอบข้างจะได้เห็นถึงความรัก เมตตา สัตย์ซื่อของพระเจ้าผ่านชีวิตของเราแต่ละคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น