12 ตุลาคม 2553

พระเยซูมองข้าม...

พระเยซูมองข้าม “ชื่อเสียง” และ “เกียรติยศ” ของคุณ
พระองค์มองข้าม “ชื่อเสีย” และ “การทรยศ” ของคุณด้วย

อ่านพระธรรมลูกา 19:1-10

8ส่วนศักเคียสนั้นยืนขึ้นทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนยากจนครึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์โกงอะไรของใครมา ก็ยอมคืนให้เขาสี่เท่า” 9พระเยซูตรัสกับเขาว่า “วันนี้ความรอดมาถึงบ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย (ลูกา 19:8-9, TBS02b)

ผมยังจำได้ในตอนที่ผมเป็นอนุชนและสอนรวีวารศึกษาที่คริสตจักร ผมเคยสอนเพลงที่มีประโยคแรกว่า “ศักคายชายร่างเตี้ย เก็บเบี้ยภาษี” ในยุคนี้คงต้องเปลี่ยนใหม่ว่า “ศักเคียสชายร่างเตี้ย เก็บเบี้ยภาษี” ประโยคนี้เคยผ่านหูผ่านตาและยังอยู่ในความทรงจำของท่านหรือไม่? ผมเชื่อว่าท่านต้องรู้เรื่องและจำเรื่องราวของชายเตี้ยคนนี้ได้อย่างแน่นอน!

ตามเนื้อเพลงบอกชัดเจนว่า ศักเคียสมีรูปร่างเด่นชัดคือเตี้ย มีอาชีพการงานที่ประชาชนคนยิวไม่อยากคบค้าสัมพันธ์ด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้วคนเก็บภาษีในเวลานั้นมักจะเอารัดเอาเปรียบประชาชน ขูดรีดเงินภาษีจากประชาชนเพื่อส่งให้กับรัฐบาลโรมันแล้วยังเก็บเกินเก็บเลยเพื่อตนเองมากด้วย จึงเป็นคนที่ประชาชนยิวจงเกลียดจงชัง และถูกตีตราว่าเป็นคนทรยศต่อชาติ และ เป็นคนบาปในศาสนาของตนเอง

แต่ศักเคียสก็รู้อยู่เต็มอกว่า มิใช่พวกตนที่เก็บภาษีเท่านั้นที่ยอมคบคิดทำงานกับพวกรัฐบาลโรมัน พวกสภาซันเฮ็ดริน และ พวกฟาริสี ก็สยบยอมพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโรมันด้วย เพื่อพวกตนจะได้ดำรงอยู่ในอำนาจทางศาสนาปกครองคนยิวในสมัยนั้น พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงพระบัญญัติ 10 ประการห้าข้อแรก เพราะทั้งห้าข้อนี้เป็นเรื่องของอำนาจ สิทธิ์ขาดของพระเจ้าที่ปกครองเหนือชุมชนคนยิว อันขัดกับอำนาจสูงสุดของจักรพรรดิโรมันในสมัยนั้น เพราะทั้ง 5 ข้อนี้เป็นเรื่องของอำนาจการเมือง และระบบสังคมตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่พวกมีอำนาจโรมันไม่ต้องการให้มีขึ้นในสังคมยิว หรือพูดได้ว่า นักการเมืองในคาบศาสนายิวยอมประนีประนอมกับอำนาจของโรมันเพื่อผลกระโยชน์แห่งตน แต่พระเยซูคริสต์กลับทรงประกาศรื้อฟื้นพระบัญญัติสิบประการ 5 ข้อแรก และเชื่อมโยงกับการประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และพระองค์ทรงประกาศยืนยันว่า พระองค์มิได้มาเพื่อทำลายและลดความสำคัญของพระบัญญัติ แต่ทรงมาเพื่อทำให้พระบัญญัติของพระเจ้าในสังคมยิวสมบูรณ์

แล้วทำไมประชาชนถึงจงเกลียดจงชังพวกเก็บภาษี แต่กลับยกย่องให้การเคารพต่อพวกฟาริสีที่ชั่วเหมือนตนเอง และพวกคนเก็บภาษีคงพูดกันถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของพระเยซูต่อพวกฟาริสีว่า “เป็นคนหน้าซื่อใจคด” พระองค์คบค้าสัมพันธ์กับประชาชนคนยากคนจน คนต่ำต้อย และพวกที่สังคมตราหน้าว่าบาปหนา ทำให้ศักเคียสอยากเห็นพระเยซู เขาต้องการเห็นพระเยซูเท่านั้น

เมื่อรู้ว่าพระเยซูจะผ่านมาทางนี้ เขารีบวิ่งรุดหน้าไต่ขึ้นบนต้นไม้เพื่อจะเอาชนะความเตี้ยแต่กำเนิดของตน ต้องการมองให้เห็นว่า พระเยซูคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นคนแบบไหน ทำไมประชาชนชื่นชอบ ทำไมกล้าที่จะท้าทายอำนาจของพวกผู้นำศาสนายิว ทำไมสอนไม่เหมือนคนอื่น อยากรู้เหลือเกินว่าพระเยซูคนนี้สังกัดพรรคใต้ดินพรรคไหนกันแน่!

ศักเคียสถึงกับตะลึง มิเพียงแต่ได้เห็นพระเยซูเดินผ่านมาเท่านั้น แต่พระองค์หยุด และทักทายตนเอง ยิ่งกว่านั้นจะไปบ้านของตนเอง ผู้คนในฝูงชนต่างเบียดเสียดยัดเยียดเพื่อจะได้สัมผัสพระเยซู จะได้ใกล้ชิดพระองค์ แต่นี่พระเยซูบอกให้ตนเองลงมาจากต้นไม้ แล้วนำพระองค์ไปบ้านของตน โอกาสที่ไม่คาดฝันกลับเป็นจริง ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ว่าพระเยซูคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำอะไรแผลงๆ เสี่ยงต่อการถูกตำหนิติเตียนของประชาชนและผู้นำศาสนายิว แต่ศักเคียสก็ดีใจคว้าโอกาสพิเศษนี้ไว้ไม่ให้หลุดมือ พาพระองค์และพรรคพวกไปบ้านของตน ท่ามกลางเสียงบ่นตำหนิพระเยซูและสาวกที่คบคนชั่วไปกินดื่มในบ้านของคนบาป เกิดคำถามขึ้นในจิตใจว่า หรือพระเยซูจะชวนคนบาปเก็บภาษีคนนี้เข้าเป็นสมาชิกพรรคของพระองค์?

เราไม่รู้ว่า พระเยซูและสาวกทำอะไรกันในบ้านของศักเคียส เราไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องอะไรบ้างเมื่อรับประทานอาหารด้วยกันในบ้าน แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งยืนยันว่า ความคิดความเชื่อและเป้าหมายชีวิตของศักเคียสนั้นเปลี่ยนไป เขาประกาศชัดว่า ทรัพย์สินเงินทองครึ่งหนึ่งเขาจะให้กับคนยากคนจน และถ้าเขาโกงของใครมาจะขอชดใช้คืน 4 เท่า

นี่มิใช่ความใจดีของศักเคียส แต่ที่เขาประกาศที่จะทำทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนายิวในส่วนที่เกี่ยวกับสังคมและระบบสังคม(ที่พวกฟาริสีและผู้นำศาสนายิวไม่ยอมพูดถึง) ด้วยผลที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราสามารถแกะรอยย้อนกลับไปได้ว่า สิ่งที่พูดคุยกันในวันนั้นหนีไม่พ้นพระบัญญัติ(ต้องห้ามในสมัยโรมัน) ที่เกี่ยวกับสังคมและระบบสังคมตามความเชื่อศรัทธาของยิว ที่ผู้นำศาสนาในสมัยนั้นหลีกเลี่ยง และ “ซุกซ่อน” และไม่พูดถึง แต่ปรากฏการณ์เกิดขึ้นในสังคมยิวตอนนั้น สิ่งที่พวกฟาริสีและปุโรหิต “กดทับ ซุกซ่อน” “หลีกเลี่ยง”ที่จะพูดถึงที่จะสอนประชาชนเพื่อรักษาฐานอำนาจและประโยชน์แห่งตน กลับปรากฏเป็นรูปธรรมผ่านการสนทนาระหว่างพระเยซูกับคนบาปหนาในสายตาของพวกผู้นำศาสนายิว

และนี่ก็คงเป็นปรากฏการณ์หนึ่ง หรือ อีกหลักฐานชิ้นหนึ่ง ที่พวกฟาริสีและผู้นำศาสนายิวจะนำไปฟ้องพวกผู้ปกครองโรมันว่า พระเยซูคนนี้กับพรรคพวกเป็นภัยต่อชาติ เป็นศัตรูตัวฉกรรจ์ต่ออาณาจักรโรมัน ขณะนี้กำลังสมคบกับคนเก็บภาษีบางคน

วันนี้ พระเยซูคริสต์เดินผ่านมาบนเส้นทางชีวิตของท่าน ท่านต้องการที่จะเห็นพระองค์เท่านั้น หรือท่านจะตอบรับและเชิญพระองค์เข้าไปในบ้านของท่าน? ท่านอาจจะคิดในใจว่า ไม่อยากให้พระองค์ต้องมาแปดเปื้อนเพราะ “ชื่อเสีย” หรือ “ความบาปผิด” ของท่าน แต่ที่แน่ชัดคือ พระเยซูเข้ามาในชีวิตของผู้คนมิใช่เพราะคนนั้นมี “ชื่อเสียง” หรือ “เกียรติยศ” ในสังคม หรือคนนั้นมี “ชื่อเสีย” หรือ “การทรยศ” ในชีวิต แต่พระองค์ต้องการมีเวลากับท่าน ในชีวิตของท่าน ส่วนหลังจากนั้นชีวิตของท่านจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายมหาศาลตามพระประสงค์ของพระองค์นั้น เป็นเรื่องแน่นอนธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้น
เราท่านพร้อมที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่มากมายเช่นนั้นในชีวิตของเราหรือไม่?

แต่น่าเสียดายว่า คริสเตียนหลายต่อหลายคนต้องการมองเห็นพระเยซูเท่านั้น แต่ไม่ต้องการมีเวลากับพระองค์เพราะเดี๋ยวชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงมากเกินไป ที่แย่กว่านั้นคือเปลี่ยนไปในทางที่ตนไม่ต้องการ หรือ ที่ตนไม่ได้คาดหวัง! แต่กลับเปลี่ยนไปตามใจของพระเจ้า?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น