14 กันยายน 2554

ความจริง 5 ประการ ในการจัดการปัญหาสำหรับผู้นำ

เมื่อ ดร. จอห์น ซี. แมกซ์แวลล์ กล่าวถึงเรื่องปัญหา ท่านได้ยกเอาการ์ตูนขำขัน "พีนัท" มาให้ดูและเล่าสู่กันฟัง ในการ์ตูนนั้น ชาลี บราวน์ ตกอยู่ภายใต้เมฆฝนแห่งลางร้าย ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าในบริเวณอื่นทั้งหมดดูสดใส สว่างไสว ฟ้าสีคราม สวยงามยิ่ง แต่น่าสงสารชาลี บราวน์ ที่ต้องอยู่ใต้เมฆฝนที่ดำมืด และเขาต้องเปียกโชกเพราะสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาไม่หยุด ในขณะที่เพื่อนๆ และคนอื่นรอบข้างเขากลับกำลังชื่นชมและมีความสุขกับความงดงามสดชื่นในวันนั้น ส่วนชาลี บราวน์ กลับหน้าตาบูดบึ้ง ตึงตัง หน้าดำคร่ำเครียดอย่างมองเห็นชัด

การที่จะยั้บยั้งไม่ให้เมฆฝนดำทมึนไม่ให้มาอยู่เหนือ ชาลี บราวน์ ดูเป็นเรื่องเหนือความสามารถที่เขาจะจัดการได้ ชาลี บราวน์มีจิตใจที่ห่อเหี่ยว ทำให้เขาเกิดอาการวิตกกังวลและสับสนในตนเอง แล้วเอาปัญหาที่พบไปผสมปนเปกับปัญหาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาในเหตุการณ์นี้ แล้วเกิดอาการหงุดหงิดหัวเสียราวกับว่าปัญหาที่ดังกล่าวทั้งหมดเป็นปัญหาตัวจริงในเวลานั้น

บางครั้งชีวิตของเราอาจจะเป็นเหมือนกับ ชาลี บราวน์ ที่ไม่รู้จะไปตอบโต้อย่างไรกับสายฝนที่กระหน่ำเทลงบนตัวเรา หลายคนที่ต้องตกอยู่ใต้เงามืดมัวเศร้าหมองที่เกิดจาก "เมฆฝน" ชีวิต เมื่อชีวิตต้องพลิกผันถูกต่อต้านอย่างหนัก เราล่าถอยเข้าไปสู่ทัศนะที่กัดกร่อน โยนกลองกล่าวโทษสถานการณ์และผู้คนแวดล้อม ถ้าเราทำเช่นนั้นจริง นอกจากที่เรามิได้เผชิญจัดการกับปัญหาของเราเองแล้ว แต่มันจะเสริมเพิ่มความหนักใจและสถานการณ์ชีวิตที่หนักอึ้งเลวร้ายยิ่งขึ้่น

ดร. จอห์น แมกซ์แวลล์ ได้เสนอข้อคิด 5 ประการในการเผชิญหน้าและจัดการกับปัญหาของผู้นำ

1. ไม่หลบเลี่ยงปัญหา

สำหรับผู้นำที่มีแรงบันดาลใจแล้ว ปัญหาคือสิ่งที่มาด้วยกันกับการเป็นผู้นำ เส้นทางสู่ความสำเร็จมิได้เป็นเส้นทางที่ราบเรียบเสมอไป บ่อยครั้งเส้นทางนั้นมักเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือ พังจนต้องปิดซ่อมอยู่ร่ำไป หรือไม่ก็เป็นหนทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม และมีเครื่องกีดขวางมากมาย ในทุกทางโค้งบนเส้นทางของชีวิต ผู้นำจะต้องมุ่งมองไปให้ทะลุอุปสรรคและกำแพงปัญหาที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า เพื่อที่จะสามารถมองเห็นอนาคตที่สร้างสรรค์ ผู้นำที่หลบเลี่ยงปัญหาก็จำกัดการเติบโตแข็งแรงในความเป็นผู้นำของตนเอง เขาจะจบลงด้วยปัญญาที่ตื้นเขินและประสบการณ์ที่อ่อนด้อย แต่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะจดจ้องเอาจริงกับปัญหาจนรู้เท่าทันปัญหา สาเหตุของปัญหา และสามารถใช้อุปสรรคปัญหาเป็นอุปกรณ์เครื่องมือและโอกาสในการเสริมเพิ่มสมรรถนะของตนเอง

2. ตัวปัญหาเองไม่สำคัญเท่า ทัศนคติที่มีต่อปัญหา

การที่จะตัดสินว่าสำเร็จหรือล้มเหลวมิได้มองกันที่ตัวปัญหา แต่มองกันที่คนๆ นั้นมองปัญหาอย่างไร หรือมีทัศนะต่อปัญหานั้นๆ อย่างไรมากกว่า ขึ้นอยู่กับทัศนะในการมองปัญหามากกว่าตัวปัญหาที่เผชิญหน้า

เรามองปัญหา มิใช่มองว่าปัญหานั้นรุนแรงซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน แต่ที่สำคัญกว่าคือการที่คนๆ นั้นมีมุมมองต่อปัญหาอย่างไร ทัศนคติในการมองปัญหาคือตัวตัดสิน หรือเป็นเส้นแบ่งระหว่างบทบาทของผู้นำและผู้ตาม เพราะคนส่วนใหญ่จะมุ่งมองไปที่ตัวอุปสรรค มีเพียงไม่กี่คนที่มุ่งมองที่เป้าหมาย และคนกลุ่มหลังนี้คือกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จ และประวัติศาสตร์จดจำคนกลุ่มนี้ แต่ผู้คนจะลืมเลือนคนกลุ่มแรก ผู้นำย่อมมองปัญหาจากจุดที่เขาได้เปรียบเหนือปัญหานั้น

มุมมองที่ผิดพลาด........................................
มุมมองที่ถูกต้อง
ปัญหาเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้.............................ปัญหาเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้
ปัญหานั้นมันจะอยู่เช่นนั้นไปตลอดกาล..........ปัญหาจะผ่านพ้นไป
ปัญหาไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา.........................ปัญหาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ
ปัญหาสร้างความขมขื่นแก่เราในชีวิต..............ปัญหาทำให้เรากล้าแกร่งแข็งแรงขึ้น
ปัญหาควบคุมชีวิตของเรา...............................ปัญหาท้าทายเราให้ก้าวไปข้างหน้า
ปัญหาเป็นตัวทำให้เราต้องหยุดชะงัก.............ปัญหาช่วยทำให้เราก้าวแผ่กว้างไกลออกไป

3. ความแตกต่างระหว่างการมุ่งเน้นขยายตัวปัญหา กับ การแก้ไขจัดการปัญหา

มีคนที่สามารถแยกแยะ วิเคราะห์ตัวปัญหาได้ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่วิเคราะห์ปัญหาได้จะสามารถแก้ปัญหานั้น ท่านไม่ควรบ่นวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์ต่อว่ารุนแรงต่อปัญหาที่ท่านพบจนกว่า...

1) ท่านจะสามารถให้แนวทาง หรือ ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหานั้น
2) และเต็มใจที่จะลงมือแก้ปัญหาดังกล่าว

4. สมรรถนะของคนมีความสำคัญยิ่งกว่า ขนาดของปัญหา

ท่านสามารถบอกถึงความลุ่มลึกของสติปัญญาของคนๆ หนึ่งได้จากการที่เขาสามารถยืนหยัดต้านทานฝ่ายตรงกันข้ามที่พยายามกระทำให้เขาเกิดความท้อแท้ได้มากน้อยแค่ไหน ผู้นำในระดับสูงต้องเป็นคนที่สามารถปล้ำสู้กับปัญหาที่ดูเหมือนเกินความสามารถด้วยความสุขุมเข้าใจ

5. ปัญหา การตอบสนองอย่างเหมาะสม เป็นเส้นทางความก้าวหน้าของผู้นำ

เรามิสามารถค้นพบผู้นำในที่ปลอดโปร่งโล่งแจ้งสะดวกสบาย แต่เราสามารถค้นพบผู้นำได้จากสภาวะฝ่าฟันในความมืด ภายใต้สถานการณ์ที่ร้อนแรงและกดดัน ผู้นำได้รับความยอมรับนับถือในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ภายหลังจากการที่เขาได้ “แลกหมัดและปล้ำสู้” กับปัญหานั้น และปัญหาที่เขาเข้าผจญนั้นเองที่หล่อหลอมให้เขาแกร่งกล้าขึ้น ความจริงก็คือว่า ความมุ่งมั่นกล้าหาญจะไม่ปรากฎจนกว่าคนมองเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านแว่นตาของความทุกข์ยากลำบากและเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายปลายทางที่อยู่ข้างหน้า


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น