23 กันยายน 2554

กำลังใจที่ขาดหายไป(ในองค์กรของเรา?)

ผู้นำที่เลวต้องการผลงานมากมายจากคนทำงานของตน แต่ไม่เคยสนใจที่จะชื่นชมในสิ่งดีๆ ที่คนของตนได้ทำ แต่ผู้นำที่มีประสิทธิภาพตระหนักชัดว่า ผู้คนจะได้รับการกระตุ้นหนุนเสริมด้วยการเสริมสร้างความมั่นใจในคุณค่าของงานที่เขาได้กระทำ และกำลังใจที่ได้รับนี้จะเป็นรางวัลที่มีคุณค่ากว่าเงินทอง ผู้นำจำนวนมากได้ทำผิดพลาดที่มองข้ามเพิกเฉยในการสนใจและให้การสนับสนุนด้านอารมณ์ความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างสูงในการทำงาน และนี่คือแหล่งพลังที่สร้างสรรค์ผลงานและรายได้กลับมาให้องค์กรและบริษัท เพราะคนทำงานต้องการท่าทีการหนุนเสริมเพิ่มพลังจากผู้นำ

ผู้นำส่วนมากมักคิดและคาดหวังว่าลูกน้องของตนจะต้องทำให้มีผลงานที่ดีอยู่แล้ว แต่คุณลองคิดดูซิว่าถ้าเป็นคุณ มีคนให้คุณทำงานที่ยากลำบากดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จด้วยซ้ำ และก็ไม่ได้ให้กำลังใจแก่คุณในการทำงาน คุณจะทำงานนั้นให้เขาหรือไม่? การที่ผู้นำสามารถบ่งบอกถึงสิ่งดีที่เขากระทำนั้น คนทำงานเกิดความภาคภูมิใจเพราะเขารู้ว่าเจ้านายใส่ใจในสิ่งที่เขาทำ ยิ่งถ้าผู้นำชื่นชมในผลงานที่เขากระทำ เขายิ่งภูมิใจมากขึ้นเพราะเขารู้สึกมีคุณค่า และงานที่เขาทำเสริมสร้างคุณค่าแก่เขา

ผู้คนต่างต้องการความมั่นใจ และ การชื่นชมจากผู้นำของตน เฉกเช่นเด็กๆ ต้องการการยืนยันให้ความมั่นใจและการชื่นชมจากพ่อแม่ ความต้องการดังกล่าวมิได้หดหายไปตามกาลเวลาหรืออายุขัยที่เพิ่มมากขึ้น เราต้องการสิ่งนี้แม้เมื่ออายุมากแล้ว หรือเมื่อแก่แล้วด้วยเช่นกัน

การชื่นชมและการยืนยันถึงสิ่งดีๆ ที่ลูกน้องได้ทำนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบด้วยกัน เมื่อผู้นำรู้ว่ามีลูกน้องคนหนึ่งทำสิ่งดีๆ ให้ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานในห้องทำงานของตน เดินไปหาเขา ชื่นชมและขอบคุณในสิ่งดีๆ ที่เขาได้กระทำ หรืออาจจะตบไหล่เบาๆ แสดงถึงความพึงพอใจและชื่นชม และกล่าวให้กำลังใจแก่เขาที่จะทำดีต่อไป หรืออาจจะขอคำแนะนำจากลูกน้องคนนั้นว่าทำอย่างไรถึงทำได้ดีเช่นนี้ หรือบางครั้งอาจจะเขียนเป็นโน้ตเล็กๆ ขอบคุณในสิ่งดีที่เขาได้กระทำ และแสดงความชื่นชมในความตั้งใจของเขา หรืออาจจะชื่นชมเขาในที่สาธารณะ เช่นเมื่อมีการประชุมก็ได้

เรามักมองข้ามพลังแห่งการสัมผัสเป็นการส่วนบุคคลด้วยความรักเมตตา สำหรับหลายต่อหลายคนที่ได้รับคำพูดที่ยืนยันถึงสิ่งดีที่ตนกระทำและคำชื่นชมจากผู้นำเป็น “ภาษารัก” ที่คนทำงานกระหายหา เป็นถ้อยคำที่ให้กำลังใจ เป็นเชื้อเพลิงหรือพลังที่ทำให้เกิดการทุ่มเทมุมานะแม้งานจะหนักยากแค่ไหนก็ตาม สัมผัสความรู้สึกและจิตใจของเพื่อนร่วมงานด้วยการชื่นชม และยืนยันถึงสิ่งดีที่เขาได้ทำด้วยเมตตาจิตอย่างจริงใจ แล้วเขาจะยอมตามผู้นำไปในทุกที่ที่ผู้นำไป

ผู้นำต้องเรียนรู้เท่าทันถึงความต้องการรับการชื่นชมและการยืนยันในสิ่งดีที่คนทำงานแต่ละคนได้กระทำ คนทำงานแต่ละคนย่อมต้องการการชื่นชมและการยืนยันสิ่งที่เขาทำดี ด้วยวิธีการแตกต่าง และมากน้อย ที่ไม่เหมือนกัน ผู้นำต้องใส่ใจและเรียนรู้เท่าทันในเรื่องนี้ของผู้ร่วมงานแต่ละคน และให้กำลังใจในผลงานดีๆ ที่เขาได้ทำ

คนทำงานประเภทแรก เป็นคนทำงานกลุ่มที่กระหายหาการชื่นชม การใส่ใจ การยืนยันในสิ่งที่เขาทำดีจากผู้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนทำงานใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภทนี้ที่ต้องการการใส่ใจและความสนใจอย่างมากจากผู้นำเพื่อเขาจะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง ดี ถูกใจเจ้านาย, คนทำงานประเภทที่สอง พวกนี้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการการใส่ใจสักเท่าใด แต่บางครั้งเห็นว่ากำลังมีปัญหาในการทำงาน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาติดมาจากบ้าน? มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลูก ใครจะไปรู้ได้? ผู้นำที่ดีต้องเรียนรู้ที่จะอ่านอาการที่แสดงออกของลูกน้อง เพื่อจะให้การใส่ใจอย่างเหมาะสมสอดคล้อง, คนทำงานประเภทปกติ ที่มาจากครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมมั่นคง คนงานกลุ่มนี้ไม่ต้องการการใส่ใจเป็นพิเศษ แต่สำหรับคนที่มีจากครอบครัวที่ไม่มั่นคง ย่อมต้องการการเอาใจใส่ใกล้ชิดจากผู้นำมากกว่า, คนทำงานประเภทที่เชื่อมั่นในตนเอง คนทำงานกลุ่มนี้จะทำดีที่สุดอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าผู้นำเข้าไปชื่นชม และยืนยันถึงสิ่งที่เขาทำดี เขาอาจจะเกิดสงสัยว่า วันนี้เจ้านายจะมาไม้ไหนกันแน่นี่? จะย้ายงานเราอีกหรือเปล่า? เขาต้องการอะไรจากฉัน? ฯลฯ ดังนั้น ผู้นำต้องรู้เท่าทันและสามารถแยกแยะได้ว่าคนทำงานแต่ละคนเป็นคนประเภทใด เพื่อจะชื่นชม ให้กำลังใจอย่างเหมาะสมถูกต้อง

เปาโลได้กล่าวถึงเรื่องนี้ใน 1เธสะโลนิกา 5:14 ว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราขอให้ท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน ให้กำลังใจผู้ที่ขลาดอาย(ขาดความกล้าหาญ, ฉบับมาตรฐาน) ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ อดทนกับทุกคน” เลือกกระทำในสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคนแต่ละประเภท และในข้อที่ 15 ถือว่าเป็นหัวใจของผู้นำก็ว่าได้ “จงสอดส่องดูแลอย่าให้ใครทำชั่วตอบแทนชั่ว แต่จงพากเพียรทำดีต่อกัน และดีต่อคนอื่นๆ ทุกคนเสมอ” (อมตธรรม) มีคำกล่าวว่า “ถ้าเรารู้ว่าการชื่นชมสรรเสริญควรมีแก่เขา ขณะนี้คือเวลาที่เราจะชื่นชมยกย่องเขา เพราะเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาอ่านคำจารึกบนศิลาหน้าหลุมฝังศพ”

ผู้นำจำเป็นต้องแสดงให้ผู้ตามของตนสัมผัสได้ถึงการเอาใจใส่ห่วงใยของผู้นำที่มีต่อคนทำงาน และถ้าท่านเป็นผู้นำแบบที่บอกหรือสื่อสารให้คนทำงานรู้ว่าเขาทำงานได้ดีอย่างไรแค่ไหนแล้ว เพื่อนร่วมงานคนนั้นจะติดตามผู้นำไปทุกที่ที่ผู้นำไป ทั้งสิ้นนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่ผู้นำใส่ใจการทำงานของเพื่อนร่วมงาน และมองหาสิ่งดีที่เขากระทำ ชื่นชมให้กำลังใจ เสริมสร้างความมั่นใจในการกระทำดีเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเกิดคุณค่า มีคำกล่าวที่ว่า ลูกน้องของคุณไม่สนใจหรอกว่าคุณรู้มากน้อยแค่ไหน จนกว่าเขารู้ว่าคุณใส่ใจพวกเขามากน้อยแค่ไหน

ความคิดทิ้งท้าย

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ได้ให้หลักการเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่สำคัญสำหรับผู้นำ ดังนี้

ผู้นำคือ “ผู้ฟัง” คำว่าฟังเป็นคำที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับผู้นำ เพราะการเป็นผู้นำมิใช่ผู้ที่พูด ออกคำสั่ง สอน หรือ เทศนา “...ให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” (ยากอบ 1:19 ฉบับมาตรฐาน)

ผู้นำคือ “ผู้เห็นอกเห็นใจ” ใช้ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกน้อง “จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้” (โรม 12:15 ฉบับมาตรฐาน)

ผู้นำคือ “ผู้หนุนเสริมเพิ่มพลัง” “...พระบิดาผู้ทรงเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความทุกข์ยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลายที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า” (2โครินธ์ 1:3-4 ฉบับมาตรฐาน)

ผู้นำคือ “ผู้ที่รับภาระของกันและกัน” ทำงานร่วมกับลูกน้องอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและกัน “จงช่วยรับภาระของกันและกัน และด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์” (กาลาเทีย 6:2 ฉบับมาตรฐาน)

ผู้นำคือ “ผู้ที่ให้กำลังใจ” ผู้นำคือผู้ที่ชี้ถึงสิ่งดีๆ ที่ลูกน้องทำ แล้วชื่นชมยกย่องเขา แล้วผู้นำจะมองเห็นสิ่งดีๆ มากยิ่งๆ ขึ้นที่ลูกน้องได้ทำ “เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกัน และเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านกำลังทำอยู่แล้ว” (1เธสะโลนิกา 5:11 อมตธรรม)

ไม่จำเป็นมีตำแหน่งท่านก็เป็นผู้นำได้
วันนี้ท่านเป็นผู้นำแบบไหน?
และการเป็นผู้นำของท่านในวันนี้เป็นผู้นำแบบไหน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น