16 กันยายน 2554

เมื่อต้องปล้ำสู้ในวิกฤติศรัทธา

ในช่วงเวลาที่ฉันถูกทดลอง
คำอธิษฐานทูลขอไม่ได้คำตอบ และดูเหมือนสถานการณ์เลวร้ายก็ดำเนินต่อเนื่องไป
ฉันยอมรับว่า รากฐานชีวิตจิตใจของฉันสั่นคลอนหวั่นไหว
จนทำให้ฉันเกิดคำถามตรงๆ ในใจว่า นี่พระเจ้าหักหลังฉันหรือเปล่า?
ตอนนั้น ฉันมั่นใจว่า ฉันได้ทำและรับผิดชอบดีที่สุดแล้ว ด้วยการอุทิศตนแด่พระเจ้า
แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ได้ตอบสนองในส่วนความรับผิดชอบของพระองค์เลย
ตรงกันข้าม สถานการณ์กลับดูเหมือนว่า พระองค์เป็นฝ่ายตรงกันข้ามที่กลับมาจู่โจมฉัน
คำอธิษฐานที่ไร้คำตอบ คำถามในจิตใจ กลับกลายเป็นตัวจับจ้องความผิดฉันในจิตใจ

"แล้วพระเจ้าเป็นอย่างที่พระคัมภีร์สาธยายถึงพระลักษณ์ของพระองค์หรือเปล่า?
แล้วพระเจ้าสามารถทำในสิ่งที่พระองค์บอกว่าพระองค์ทำได้หรือเปล่า?"

เป็นเวลาปีแล้วปีเล่า ที่ฉันสอนคนอื่นว่า
พระเจ้าทรงดี ทรงรัก และพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ
ในเวลาเช่นนี้ฉันเกิดคำถามในใจว่า มันเป็นจริงเช่นนั้นหรือเปล่า?
นอกจากที่ฉันต้องปล้ำสู้ด้วยความเจ็บปวดในชีวิตของตนแล้ว
ฉันยังตระหนักชัดว่า ผู้คนต่างจ้องมองมาที่ฉัน
และมองหาแบบอย่างชีวิตในภาวะที่วิกฤติทุกข์ยากลำเค็ญเช่นนี้

ในวิกฤติความศรัทธาเช่นนี้ของฉัน ฉันยิ่งโกรธ และ ไม่พอใจอย่างยิ่ง
ความรู้สึกอย่างเจ็บปวดว่าตนเองถูกทอดทิ้งฝังลึกในใจฉัน
คำอธิษฐานของฉันดูช่างห่างไกลจากพระเจ้าเหลือเกินและมิใช่ความจริงใจต่อไป
ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะจัดการอย่างไรในสถานการณ์ชีวิตของตน

ความเชื่อศรัทธาของฉัน พันธกิจที่ฉันทำและรับผิดชอบมาถึงทางแพร่ง
ฉันคิดหาทางเลือกตามความคิดเห็นของฉัน...
ฉันจะทิ้งความเชื่อศรัทธาของฉัน ในสภาพชีวิตที่แสแสร้ง
หรือฉันจะยอมทำสิ่งนี้ต่อไปกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทางเลือกแรก น่าจะทำลายชีวิตของฉันและครอบครัวลงป่นปี้
ทางเลือกที่สองมันขัดแย้งกับตัวฉันเองที่เป็นอยู่จริงในขณะนี้
ฉันเลือกทางออกที่สาม...

เมื่อได้ทบทวนสัมพันธภาพของฉันกับพระเจ้า
ฉันจำได้อย่างชัดเจนว่า
แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ของฉันกับพระเจ้านั้นเป็นคุณค่าและความหมายทุกสิ่งในชีวิตที่ผ่านมา
ฉันจะยอมให้สิ่งนี้สูญเสีย หรื สูญหายไปจากชีวิตของฉันไม่ได้
ฉันจึงเริ่มแบ่งปันวิกฤติที่ฉันกำลังเผชิญปล้ำสู้ กับเพื่อนสนิท กับครอบครัว
และร้องขอให้พวกเขาอธิษฐานเพื่อฉัน

ในพระคัมภีร์บอกว่า
ให้เรารอคอยและหวังพึ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า
วันแล้ววันเล่า ฉันรอคอย และ หวังพึ่งในพระองค์
ฉันนั่งสงบเงียบในเช้าตรู่ด้วยการเปิดอ่านพระคัมภีร์ พระธรรมโยบ และ สดุดี
ฉันอ่านพระคัมภีร์อย่างใจใคร่ครวญ
ฉันอธิษฐานด้วยความจริงใจ ในสถานการณ์ที่ประสบพบเจอ
ฉันต้องการอย่างสูงที่จะได้ยินเสียงและความมั่นใจจากพระเจ้า
นอกจากที่คำอธิษฐานที่ไร้คำตอบแล้ว
ฉันจำเป็นที่จะต้องหยั่งลึกลงในความสัมพันธ์กับพระองค์

ยิ่งอ่านพระคัมภีร์มากเท่าใด ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความทนงตนมากแค่นั้น
ฉันร้องขอให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของฉัน ตามแนวทางที่ฉันคิดว่าดีที่สุด ในความเข้าใจที่จำกัดของฉัน
พระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่กระตุกความรู้สึกของฉันคือ อิสยาห์ 7:9

"...หากเจ้าไม่ตั้งมั่นในความเชื่อ
เจ้าก็ไม่อาจยืนอยู่ได้เลย" (ฉบับมาตรฐาน)

ฉันจึงอธิษฐานกับพระเจ้าว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อในพระองค์
และความเชื่อที่ยังขาดพร่องอยู่ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ด้วย

พระคัมภีร์ช่วยให้ฉันเห็นความเชื่อผ่านมุมมองของพระเจ้า
พระคัมภีร์เปิดตาของฉันให้เห็นว่าความเชื่อของเรามีความสำคัญยิ่งต่อพระเจ้า
ฉันอ่านพบข้อพระคัมภีร์ว่า...

ความเชื่อของท่านนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำ
ถ้าขาดซึ่งความเชื่อแล้วจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้
เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จเข้ามาในโลกนี้ พระองค์จะพบความเชื่อในโลกนี้หรือ?

ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ เปิดตาแห่งความเข้าใจในชีวิตชัดเจนยิ่งขึ้น

เช้าวันหนึ่งฉันได้ยินเสียงแผ่วเบาภายในชีวิตจิตใจฉันว่า
"เราคือพระเจ้า จงไว้วางใจเรา"
ในที่สุด ฉันยอมจำนนต่อสถานการณ์ที่เจ็บปวดในชีวิต และมอบการปล้ำสู้หาทางออกใหม่ไว้ในแผนการของพระเจ้า
ฉันเริ่มมองเห็นถึงพระคุณของพระเจ้า ที่ทรงทดลองความเชื่อของฉัน เพื่อฉันจะมีความเข้มแข็งในชีวิตมากยิ่งขึ้น

เป็นจริงที่ชีวิตพบกับความทุกข์ยากแสนสาหัส
ในเวลาแห่งการทดลองดูเหมือนฉันจะทนสู้ต่อไปไม่ได้
ชีวิตของฉันยังอยู่ในสถานการณ์ของการทดลองอย่างในอดีตที่ผ่านมา
แต่ฉันพบว่า พระเจ้าทรงสำแดงความรักและสัตย์ซื่อเที่ยงธรรมต่อฉันและครอบครัว
พระองค์ย้ำเตือนฉันว่า ชีวิตที่ฉันเป็นอยู่นี้มิใช่ชีวิตของฉัน
พระองค์มีแผนการของพระองค์สำหรับชีวิตที่ฉันเป็นอยู่นี้ ยิ่งกว่าสิ่งที่ฉันได้เห็นและสัมผัส
และความเชื่อศรัทธาของฉันมีค่าและความหมายมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการเอาเอง

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ข้อเขียนนี้ ถ่ายทอดจากประสบการณ์ชีวิตของ Sherryl Stone เป็นผู้ที่ทุ่มเทจริงจังในการทำพันธกิจของพระเจ้า เป็นคู่ชีวิตของศิษยาภิบาลอาวุโสที่ Ginger Creek Community Church in Aurora, Illinois, สำเร็จศาสนศาสตร์ศึกษาระดับ BD ที่ Mississippi College และปริญญาโทด้านคริสเตียนศึกษาจาก Southwestern Seminary in Texas.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น