22 กุมภาพันธ์ 2555

เอาพระเจ้าไปซุกที่ไหน...เมื่อคริสเตียนทะเลาะและขัดแย้งกัน!

แม้แต่ในคริสตจักรที่ว่าแข็งแรงอย่างในคริสตจักรฟีลิปปี ความขัดแย้งกันกลายเป็นปัญหาของคริสตจักร เปาโลเขียนจดหมายถึงสมาชิกในคริสตจักรฟีลิปปีว่า

“ข้าพเจ้าขอวิงวอนนางยูโอเดียและขอเตือนนางสินทิเคให้ปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมแบกภาระที่สัตย์ซื่อของข้าพเจ้าให้ช่วยหญิงเหล่านี้ผู้ร่วมฝ่าฟันเพื่อข่าวประเสริฐเคียงข้างข้าพเจ้า พร้อมทั้งเคลเม้นท์กับเพื่อนร่วมงานอื่นๆ ของข้าพเจ้า คนเหล่านี้มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว” (ฟีลิปปี 4:2-3 อมตธรรม)

สตรีทั้งสองได้ทำงานรับใช้ในพันธกิจของพระเจ้าจนมีชื่อเสียง เด่น ดัง เป็นคนสำคัญในท่ามกลางสมาชิกคริสตจักรฟีลิปปี ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนร่วมพันธกิจกับเปาโล แต่ตอนนี้กำลังสะดุดติดขัดด้วยความขัดแย้ง จำเป็นต้องมีการช่วยเหลือจากเปาโลและคนอื่นๆ เพื่อที่ทั้งสองจะสามารถกลับมีความสัมพันธ์ที่ดีและทำงานร่วมกันได้อีก

ในสมัยที่ผมยังเป็นอนุชนผมเคยเข้าใจว่า คริสตจักรที่ขัดแย้งในปัจจุบันน่าจะกลับไปเรียนรู้จากบทเรียนของคริสตจักรสมัยเริ่มแรก ผมคิดว่า เพียงคริสตจักรสมัยนี้จะเชื่อและกระทำตามอย่างแบบคริสจักรในสมัยเริ่มแรก เราก็จะมีความสัมพันธ์กันอย่างราบรื่น แต่ยิ่งมาเรียนประวัติศาสตร์คริสตจักรในพระคริสต์ธรรมยิ่งพบความจริงว่า คริสตจักรในสมัยนั้นก็ประสบพบกับปัญหาที่ซับซ้อนหลายทบหลายเท่า และความขัดแย้งต่อสู้กันแผ่กว้างออกไปไม่ผิดกับการระบาดของเชื้อโรค กล่าวได้ว่าความขัดแย้งกลายเป็นปรากฏการณ์หลักที่เรามองเห็น

สิ่งที่ทำให้เกิดความผิดหวังจากการศึกษาประวัติศาสตร์คริสตจักรในศตวรรษแรกเป็นต้นไปเราจะพบการทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้ง ถกเถียง ต่อสู้จนเกิดโกลาหล ในบางเหตุการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ เราพบว่า คริสเตียนมุ่งร้ายคาดหมายทำลายชีวิตกัน แล้วศาสนศาสตร์ หรือ ความเชื่อศรัทธาของพวกเขาไม่สามารถช่วยและเป็นมาตรฐานในการคิด ตัดสินใจ และการกระทำเลยหรือไง มันเป็นเรื่องน่าเศร้า น่าอับอายอย่างยิ่งครับ
เป็นสิ่งที่แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่พระประสงค์ของพระคริสต์ที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในคริสตจักร ในพระกิตติคุณยอห์น บทที่ 17 พระคริสต์ได้อธิษฐานไว้ว่า

“ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อพวกเขาเท่านั้น แต่ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ที่จะเชื่อในข้าพระองค์ผ่านทางถ้อยคำของพวกเขาด้วย เพื่อพวกเขาทั้งหมดจะเป็นหนึ่งเดียวกัน พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์และข้าพระองค์อยู่ในพระองค์อย่างไร ก็ขอให้พวกเขาอยู่ในพระองค์และอยู่ในข้าพระองค์อย่างนั้นด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพระองค์มา เกียรติสิริที่พระองค์ทรงประทานแก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ได้มอบให้พวกเขาแล้ว เพื่อพวกเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนที่ข้าพระองค์กับพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกันคือ ข้าพระองค์อยู่ในพวกเขาและพระองค์อยู่ในข้าพระองค์ ขอให้พวกเขาได้รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้โลกรู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพระองค์มาและทรงรักพวกเขาเหมือนที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์” (ยอห์น 17:20-23 อมตธรรม)

ก่อนหน้านี้เล็กน้อย พระองค์ได้ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าพวกท่านรักซึ่งกันและกันคนทั้งปวงจะรู้ว่าพวกท่านเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:35) แน่นอนว่า มีบางครั้งที่สาวกที่ติดตามพระเยซูคริสต์ได้รักซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี แต่บ่อยครั้งกลับพบว่าความรักดังกล่าวถูกทำลายให้เสียหายด้วยความขัดแย้ง ความตึงเครียดในความคิดและความสัมพันธ์ ที่แสดงออกอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งด้วยจิตใจคับแคบและความคิดที่เลวทราม และหลายต่อหลายครั้งที่เรามิได้จัดการกับปัญหาเหล่านี้ด้วยหนทางที่รักเมตตา

ความขัดแย้งและการไปด้วยกันไม่ได้ของคริสเตียนเป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ และดูจะเพิ่มพูนซับซ้อนมากขึ้นทุกที วันนี้คงจำเป็นที่เราต้องหันกลับมาแสวงหาการทรงนำของพระเจ้าในการจัดการกับความแย้งต่างๆ ที่เราต้องพบในวันนี้ (แทนการคิดตัดสินใจตัดสินคนอื่นด้วยความคิดและความปรารถนาของเราเอง) เพื่อที่เราจะแสวงหาพบพระปัญญาของพระเจ้าที่เราจะสามารถปรับประยุกต์ใช้ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทำร้ายทำลายของคริสเตียนด้วยกัน ผมเองหวังว่า เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในพวกคริสเตียนด้วยกัน เราจะแสวงหา และ ใช้แนวทางการจัดการปัญหาที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และ ที่เสริมสร้างให้ชุมชน องค์กรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้มแข็ง เจริญเติบโตขึ้น

ในข้อเขียนฉบับต่อไป จะขอเชิญชวนแสวงหาร่วมกันว่า เราจะจัดการกับความขัดแย้งท่ามกลางคริสเตียนด้วยกันอย่างไร เราจะเริ่มต้นที่ไหน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น