24 กุมภาพันธ์ 2555

จุดเริ่มต้นการจัดการ...เมื่อคริสเตียนทะเลาะและขัดแย้งกัน

เราควรจะเริ่มต้นตรงไหน ถ้าเราจะแสวงหาการทรงนำของพระเจ้าท่ามกลางความขัดแย้งแตกแยกของคริสเตียน? สำหรับผมแล้วเราควรจะเริ่มต้นแสวงหาการดลใจจากพระวจนะของพระเจ้า และผมเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด ยิ่งในเวลาที่เราตกอยู่ในความขัดแย้งย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะแสวงหาความเข้าใจจากคำสอนในพระคัมภีร์ ซึ่งมีเหตุผลบางประการดังนี้

ประการแรก ในเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ในความเป็นมนุษย์อารมณ์ย่อมมีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมที่เราแสดงออกอย่างหุนหันพลันแล่น หรือ ต้องการกวาดล้างคู่กรณีให้ล้มคว่ำลง ลึกๆ แล้วเราเต็มไปด้วยความกลัวและรีบปกป้องตนเองจากการโจมตีของฝ่ายตรงกันข้าม เรารู้สึกว่าคู่กรณีทำผิดต่อเรา เราต้องการแก้แค้นตอบแทนให้สาสม แต่ถ้าเรายอมให้อารมณ์ที่ร้อนแรงนำพฤติกรรมของเราที่แสดงออกเช่นนี้ เราก็จะไม่สามารถหลีกลี้หนีจากเหตุการณ์และความสัมพันธ์ที่มีเลวร้ายลง ตรงกันข้าม ในเวลาเช่นนี้ถ้าเราหันหน้าเข้าพึ่งพระวจนะของพระเจ้า เราก็จะพบพลังที่นำพฤติกรรมของเราที่แสดงออกไปในทางที่ถูกที่ควร แม้ว่าความรู้สึกในขณะนั้นพยายามดึงดันเราไปในทิศทางที่ผิดที่พลาดก็ตาม ในประสบการณ์ที่ผ่านมา ครั้งเมื่อผมตกลงในสถานการณ์คล้ายข้างต้น พบว่าตนเองต้องการตอบโต้คนที่กระทำผิดกระทำร้ายต่อตน แต่ด้วยการที่ยึดถือในพระวจนะของพระเจ้า ในสถานการณ์อารมณ์เช่นนั้นช่วยให้ตนเองหลีกเลี่ยงจากการกระทำพฤติกรรมที่ปกป้องตนเองหรือกระทำพฤติกรรมที่ผิดบาป ถึงแม้การกระทำตอบโต้จะดูสะใจไปชั่วขณะหนึ่งก็ตาม

ประการที่สอง ในเวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์ขัดแย้ง ต่อสู้กับคู่ปรปักษ์เราจะต้องยืนมั่นคงบนพระวจนะของพระเจ้า เพราะวิถีทางของพระเจ้าในการจัดการกับความขัดแย้งการต่อสู้กันย่อมแตกต่างอย่างมากกับวิถีแห่งสังคมโลกนี้ เมื่อเราต้องตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง การต่อสู้ การเป็นปรปักษ์หักโค่นกันนั้น มีแนวโน้มสูงมากที่เราจะใช้แนวทางแห่งสังคมโลก ประการหลักของแนวทางสังคมโลกคือการที่จะทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามต้องพ่ายแพ้แต่ตนต้องชนะ มุ่งเอาแพ้เอาชนะกัน และเรามักใช้อุบายแห่งโลกนี้เพื่อบีบบี้คู่ต่อสู้ของเรา เรามักมองข้ามความผิดพลาดของตนเอง แต่กลับเน้นย้ำความเคืองแค้นที่สุมร้อนคุกรุ่นในหัวใจของเรา และเรามักใช้วิถีแห่งโลกนี้ที่จะเอาชนะในความขัดแย้งและการต่อสู้กันในกลุ่มคริสเตียน และเมื่อเรายิ่งทำเช่นนั้น เสียงจากสังคมโลกก็ยิ่งสนับสนุนให้เราถลำลึกลงในทางของโลก จนเราไม่สนใจในพระวจนะของพระเจ้าที่สำแดงแก่เราว่า “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งวิถีทางของเจ้า(ก็)ไม่เป็นวิถีทางของเรา” (อิสยาห์ 55:8 อมตธรรม) เพราะบนวิถีแห่งโลกนี้ไม่มีช่องว่างสำหรับพฤติกรรมที่บอกว่าให้หันแก้มอีกข้างหนึ่งให้กับคนที่ตบหน้าเรา, และก็ไม่มีที่ว่างที่บอกว่าให้ยกโทษเจ็ดสิบคูณด้วยเจ็ดต่อคนที่กระทำผิดต่อตนเอง หรือที่จะบอกให้เราถ่อมสุภาพอย่างพระคริสต์, ยอมสละตนเองให้เป็นคนรับใช้ ดังนั้น ในสถานการณ์ความขัดแย้งห้ำหั่นเอาแพ้เอาชนะกันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องการพระวจนะของพระเจ้าที่จะชี้ทางออกที่แตกต่างไปจากวิถีแห่งโลกนี้ เป็นทางออกที่นำไปสู่ศานติสุข วิถีทางแห่งพระกิตติคุณ วิถีทางแห่งพระคริสต์เจ้า

ประการที่สาม ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งของคริสเตียนด้วยกัน เราต้องการพระวจนะของพระเจ้าเป็นตัวชี้นำในการกระทำของเราว่า ควรตอบสนอง ควรกระทำเช่นไร และเป็นสติปัญญาในการคิดใคร่ครวญถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า พระประสงค์ของพระองค์ และคริสตจักรของพระองค์ หน่วยงานสถาบันของพระองค์ ในพระคัมภีร์มีทั้งหลักคิดทางศาสนศาสตร์ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนกรอบคิด, ความรู้สึก และการกระทำของเรา และ แนวทางจริยธรรมสำหรับการกระทำ และที่สำคัญคือในพระวจนะของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงสำแดงและเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเราท่ามกลางความขัดแย้งที่เรามีต่อคริสเตียนด้วยกัน

แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าให้คริสเตียนรอจนเกิดความขัดแย้งต่อสู้กันแล้วค่อยแสวงหาทางออกจากพระวจนะของพระเจ้า แม้ตนเองและคริสตจักร หรือ องค์กรคริสเตียนของท่านอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นพระพร และ ได้รับศานติสุข ท่านก็ควรแสวงหาการทรงนำวิถีทางที่ควรจะเดินจากพระวจนะของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น การที่ได้เรียนรู้และเดินในทางตามพระวจนะของพระเจ้าก็สามารถป้องกันความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้น หรือถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นในคริสเตียนด้วยกันก็เรียนรู้ว่าควรจะดำเนินจัดการความขัดแย้งบนเส้นทางแห่งพระวจนะที่เป็นการจัดการความขัดแย้งที่สร้างสรรค์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะทำให้เกิดการเข้มแข้งและความเจริญเติบโตจากการจัดการความขัดแย้งดังกล่าวตามแนวทางแห่งพระวจนะของพระเจ้า

ในตอนต่อไปเราจะร่วมกันแสวงหาข้อพระคัมภีร์ที่มีความสำคัญมากสำหรับที่เราจะเห็นถึงการทรงชี้นำของพระเจ้าท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งของคริสเตียนด้วยกัน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น