23 ตุลาคม 2556

เมื่อศิษยาภิบาลเสริมสร้างฝึกฝน “คนรับใช้”

อ่าน เอเฟซัส 4:11-16

11...พระ​องค์​เอง​ประ​ทาน​ให้​บาง​คน​เป็น​อัคร​ทูต
บาง​คน​เป็น​ผู้​เผย​พระ​วจนะ
บาง​คน​เป็น​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ประเสริฐ
บาง​คน​เป็น​ศิษยาภิบาล​และ​อา​จารย์   

12 เพื่อ​เตรียม​ธรรมิก​ชน(ประชากรของพระเจ้า) ​สำ​หรับ​การ​ปรนนิบัติ(พันธกิจการรับใช้)​ และ​ การ​เสริม​สร้าง​พระ​กาย​ของ​พระ​คริสต์
(เอเฟซัส 4:11-12 มตฐ.)

ณ วันนี้เราตระหนักชัดแล้วว่า   พลังขับเคลื่อนชีวิตและการทำพันธกิจของคริสตจักรมาจากสมาชิกแต่ละคนและทุกคนในคริสตจักร   ที่ยอมอุทิศถวายตัวแด่พระคริสต์  และรับการเสริมสร้างและฝึกฝนในการทำพันธกิจรับใช้ด้านต่างๆ จากศิษยาภิบาล และ ผู้นำคริสตจักร   โดยทำงานรับใช้ด้วยการหนุนเสริมเพิ่มพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระธรรมเอเฟซัส 4:12 ฉบับภาษากรีกที่เป็นต้นฉบับใช้แปลเป็นภาษาต่างๆ เขียนไว้ว่า  พระคริสต์ทรงให้(ประทานให้)บางคนเป็นอัครทูต  บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ  บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ  บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์  “เพื่อเตรียม(เสริมสร้าง)ประชากรของพระเจ้า(ธรรมิกชน)ให้เป็นคนรับใช้   เพื่อว่าพระกายของพระคริสต์จะได้รับการเสริมสร้างขึ้น”  

ดังนั้น  ในที่นี้งานหลักที่ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรด้านต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้นั้นคือ  การเตรียมและเสริมสร้างให้ประชากรของพระเจ้า(ธรรมิกชน  สมาชิกคริสตจักร)ให้สามารถทำงานรับใช้   เพื่อเสริมสร้างพระกายพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น   เราจึงเห็นว่าหน้าที่ของศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรที่ได้รับมอบหมายจากพระคริสต์คือ การเตรียมและเสริมสร้างสมาชิกใน 2 ภารกิจสำคัญคือ 
การสร้างสมาชิกแต่ละคน(ทุกคน)ให้เป็นคนรับใช้  
(ซึ่งเป็น)การเสริมสร้างคริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ให้เข้มแข็งมีพลังในการขับเคลื่อนงานรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ โดยสมาชิกคริสตจักรซึ่งมีของประทาน-ความสามารถที่หลากหลาย   

การปรับเปลี่ยนมุมมองจาก  ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรคือผู้ทำพันธกิจงานรับใช้เองทั้งหมด   มาเป็นการเสริมสร้างและฝึกฝนให้สมาชิกทุกคนให้เป็นคนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ ของพระคริสต์นั้นต้องใช้เวลา   นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีมุมมองที่ถูกต้องว่า   สมาชิกคริสตจักร หรือ ประชากรของพระเจ้าแต่ละคนต้องเป็นคนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ ในคริสตจักรของตน   เพื่อคริสตจักรจะเกิดพลังเข้มแข็งในการขับเคลื่อนพันธกิจของคริสตจักรร่วมกันของสมาชิกแต่ละคนในคริสตจักร   นั่นหมายความว่า มิใช่เพียงศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรเท่านั้นที่จะต้องรับผิดชอบการขับเคลื่อนพันธกิจด้านต่างๆ   แต่ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรจะต้องทำหน้าที่และรับผิดชอบต่อพระคริสต์ในการเสริมสร้างและฝึกฝนสมาชิกแต่ละคนให้เป็นคนที่สามารถรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ ของคริสตจักร   และรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ อย่างประสาน สอดคล้อง เกื้อหนุนและกลมกลืนกันตามพระประสงค์ของพระคริสต์

กระบวนการเตรียม  เสริมสร้าง  และฝึกฝนสมาชิกให้มีชีวิตที่เป็น “คนรับใช้ของพระคริสต์” นั้นเป็นการเตรียมและเสริมสร้างอย่างเป็นกระบวนการ   เป็นการเตรียมและเสริมสร้างตลอดชีวิต   ดังนั้น  แค่การมานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์  การฟังคำเทศนา  และการเรียนพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์   ทำการฟื้นฟู   เข้าค่ายครอบครัวปีละครั้ง   ไม่เพียงพอ   เพราะมิได้มีกระบวนการเตรียม  เสริมสร้าง  และฝึกฝนให้สมาชิกแต่ละคนเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน   ทั้งชีวิตในครอบครัว  ในที่ทำงาน  ในชุมชน  ในกลุ่มเพื่อนฝูง  และในคริสตจักร

ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรจะต้องพิจารณาถึงกระบวนการเตรียม  เสริมสร้าง  และฝึกฝนสมาชิกคริสตจักรให้เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ท่ามกลางชุมชนและคริสตจักรใน 5 มิติด้วยกันคือ

1. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตส่วนตัว:  มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า,  มีพระองค์เป็นเอกเป็นต้นในชีวิต,  มีพระวจนะเป็นเครื่องชี้นำในการเผชิญหน้ากับความสุขและความทุกข์ในชีวิต  และในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ,  ให้เรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้าผ่านพระวจนะ และ ประสบการณ์ชีวิตที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตและผ่านชีวิตของตน

2. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตครอบครัว:  คริสตจักรมีกระบวนการให้สมาชิกเป็นพ่อแม่คริสเตียน ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูคนในครอบครัว   ตลอดจนการบ่มเพาะ เลี้ยงดู ฟูมฟักความเชื่อ  และการวางรากฐานพระวจนะของพระเจ้า และวินัยชีวิตคริสเตียน,  เสริมสร้างมุมมอง ทัศนคติ ทั้งโลกทัศน์  ชีวิทัศน์  สังคมทัศน์  และเศรษฐทัศน์บนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์,   สร้างครอบครัวบนรากฐานพระกิตติคุณ

3. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตในคริสตจักร:  หนุนเสริมให้สมาชิกทุกคนถวายทั้งชีวิตแด่พระคริสต์,  ได้รับการวางรากฐานพระวจนะ  ความเชื่อศรัทธา  ชีวิตคริสเตียนสำหรับการดำเนินชีวิต,  สนับสนุนสมาชิกแต่ละคนเข้าร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ผ่านชีวิตและพันธกิจของคริสตจักร  ทั้งในด้านการกอบกู้  เยียวยา  และเสริมสร้างชีวิตใหม่,   เป็นอวัยวะหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ทำหน้าที่สอดประสานกับอวัยวะอื่นๆ ในพระกายนั้น,  เสริมสร้างและสนับสนุนสมาชิกแต่ละคนพัฒนาและใช้ของประทานในงานรับใช้ต่างๆ,   เตรียมพ่อแม่/ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร  วางรากฐานพระวจนะ  ความเชื่อศรัทธา  และวินัยชีวิตคริสเตียนแก่บุตรและสมาชิกในครอบครัว,  เตรียมสมาชิกมีชีวิตที่สำแดงความรักของพระคริสต์ในที่ทำงาน  ในชุมชน  ครอบครัว และคริสตจักร,   เตรียมสมาชิกที่กำลังเข้าสู่ผู้สูงวัยและกลุ่มผู้สูงวัย   เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัยนี้ตามพระประสงค์ด้วยพระคุณของพระเจ้า.

4. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตอาชีพการงาน:  เตรียมสมาชิกให้มีชีวิตคริสเตียนที่สำแดงความรักเมตตา สัตย์ซื่อ และเสียสละแบบพระคริสต์ในงานอาชีพที่รับผิดชอบ,  เตรียมและเสริมสร้างสมาชิกให้มีภาวะผู้นำแบบพระคริสต์,  ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนร่วมงานทุกระดับ,  เปิดชีวิตให้พระเจ้าทรงใช้ในที่ทำงาน  และร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ที่ทรงกระทำผ่านชีวิตของตน

5. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตในสังคมชุมชน:  เสริมสร้างชีวิตสมาชิกให้มีจิตใจที่ห่วงใยเอาใจใส่ต่อชุมชนสังคมที่ตนใช้ชีวิตด้วย,  มีสัมพันธภาพที่สร้างสรรค์ รับใช้  และหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คนรอบข้าง,   ริเริ่มและดำเนินพันธกิจพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์  ผ่านพันธกิจการกอบกู้ เยียวยารักษา  และเสริมสร้างใหม่ในประเด็นชีวิตที่เป็นจริงของชุมชน

การเตรียม  เสริมสร้าง  และฝึกฝนสมาชิกให้เป็นคนรับใช้ดังที่กล่าวข้างต้นนี้   เริ่มต้นที่คริสตจักรท้องถิ่นครับ   ไม่ใช่ที่สภาคริสตจักร  คริสตจักรภาค  หน่วยงาน หรือ สถาบันใดๆ  และแต่ละคริสตจักรเริ่มต้นตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้  และสถานการณ์ที่เป็นจริงของตน   ไม่จำเป็นจะต้องมีรูปแบบ ขั้นตอนที่เหมือนกันตายตัวครับ

อย่าลืมนะครับ   เรามิได้ริเริ่ม หรือ ทำเองนะครับ   แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำและเป็นกำลังที่หนุนเสริมเพิ่มพลังแก่เราแต่ละคริสตจักรครับ


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น