11...พระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต
บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ
บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
12 เพื่อเตรียมธรรมิกชน(ประชากรของพระเจ้า) สำหรับการปรนนิบัติ(พันธกิจการรับใช้)
และ การเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
(เอเฟซัส 4:11-12 มตฐ.)
ณ
วันนี้เราตระหนักชัดแล้วว่า
พลังขับเคลื่อนชีวิตและการทำพันธกิจของคริสตจักรมาจากสมาชิกแต่ละคนและทุกคนในคริสตจักร ที่ยอมอุทิศถวายตัวแด่พระคริสต์
และรับการเสริมสร้างและฝึกฝนในการทำพันธกิจรับใช้ด้านต่างๆ จากศิษยาภิบาล
และ ผู้นำคริสตจักร
โดยทำงานรับใช้ด้วยการหนุนเสริมเพิ่มพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระธรรมเอเฟซัส 4:12 ฉบับภาษากรีกที่เป็นต้นฉบับใช้แปลเป็นภาษาต่างๆ เขียนไว้ว่า
พระคริสต์ทรงให้(ประทานให้)บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ “เพื่อเตรียม(เสริมสร้าง)ประชากรของพระเจ้า(ธรรมิกชน)ให้เป็นคนรับใช้
เพื่อว่าพระกายของพระคริสต์จะได้รับการเสริมสร้างขึ้น”
ดังนั้น ในที่นี้งานหลักที่ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรด้านต่างๆ
ที่พระเจ้าประทานให้นั้นคือ
การเตรียมและเสริมสร้างให้ประชากรของพระเจ้า(ธรรมิกชน สมาชิกคริสตจักร)ให้สามารถทำงานรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น เราจึงเห็นว่าหน้าที่ของศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรที่ได้รับมอบหมายจากพระคริสต์คือ
การเตรียมและเสริมสร้างสมาชิกใน 2 ภารกิจสำคัญคือ
การสร้างสมาชิกแต่ละคน(ทุกคน)ให้เป็นคนรับใช้
(ซึ่งเป็น)การเสริมสร้างคริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ให้เข้มแข็งมีพลังในการขับเคลื่อนงานรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ
โดยสมาชิกคริสตจักรซึ่งมีของประทาน-ความสามารถที่หลากหลาย
การปรับเปลี่ยนมุมมองจาก
ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรคือผู้ทำพันธกิจงานรับใช้เองทั้งหมด มาเป็นการเสริมสร้างและฝึกฝนให้สมาชิกทุกคนให้เป็นคนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ
ของพระคริสต์นั้นต้องใช้เวลา
นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีมุมมองที่ถูกต้องว่า สมาชิกคริสตจักร หรือ ประชากรของพระเจ้าแต่ละคนต้องเป็นคนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ
ในคริสตจักรของตน เพื่อคริสตจักรจะเกิดพลังเข้มแข็งในการขับเคลื่อนพันธกิจของคริสตจักรร่วมกันของสมาชิกแต่ละคนในคริสตจักร นั่นหมายความว่า
มิใช่เพียงศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรเท่านั้นที่จะต้องรับผิดชอบการขับเคลื่อนพันธกิจด้านต่างๆ
แต่ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรจะต้องทำหน้าที่และรับผิดชอบต่อพระคริสต์ในการเสริมสร้างและฝึกฝนสมาชิกแต่ละคนให้เป็นคนที่สามารถรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ
ของคริสตจักร
และรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ อย่างประสาน สอดคล้อง
เกื้อหนุนและกลมกลืนกันตามพระประสงค์ของพระคริสต์
กระบวนการเตรียม เสริมสร้าง
และฝึกฝนสมาชิกให้มีชีวิตที่เป็น “คนรับใช้ของพระคริสต์” นั้นเป็นการเตรียมและเสริมสร้างอย่างเป็นกระบวนการ เป็นการเตรียมและเสริมสร้างตลอดชีวิต ดังนั้น
แค่การมานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์
การฟังคำเทศนา
และการเรียนพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์
ทำการฟื้นฟู เข้าค่ายครอบครัวปีละครั้ง ไม่เพียงพอ
เพราะมิได้มีกระบวนการเตรียม
เสริมสร้าง
และฝึกฝนให้สมาชิกแต่ละคนเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน ทั้งชีวิตในครอบครัว ในที่ทำงาน
ในชุมชน ในกลุ่มเพื่อนฝูง และในคริสตจักร
ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรจะต้องพิจารณาถึงกระบวนการเตรียม เสริมสร้าง
และฝึกฝนสมาชิกคริสตจักรให้เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ท่ามกลางชุมชนและคริสตจักรใน
5 มิติด้วยกันคือ
1. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตส่วนตัว: มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า,
มีพระองค์เป็นเอกเป็นต้นในชีวิต,
มีพระวจนะเป็นเครื่องชี้นำในการเผชิญหน้ากับความสุขและความทุกข์ในชีวิต และในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ, ให้เรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้าผ่านพระวจนะ
และ ประสบการณ์ชีวิตที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตและผ่านชีวิตของตน
2. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตครอบครัว: คริสตจักรมีกระบวนการให้สมาชิกเป็นพ่อแม่คริสเตียน ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูคนในครอบครัว ตลอดจนการบ่มเพาะ เลี้ยงดู
ฟูมฟักความเชื่อ และการวางรากฐานพระวจนะของพระเจ้า
และวินัยชีวิตคริสเตียน, เสริมสร้างมุมมอง
ทัศนคติ ทั้งโลกทัศน์ ชีวิทัศน์ สังคมทัศน์
และเศรษฐทัศน์บนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์, สร้างครอบครัวบนรากฐานพระกิตติคุณ
3. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตในคริสตจักร: หนุนเสริมให้สมาชิกทุกคนถวายทั้งชีวิตแด่พระคริสต์, ได้รับการวางรากฐานพระวจนะ ความเชื่อศรัทธา ชีวิตคริสเตียนสำหรับการดำเนินชีวิต, สนับสนุนสมาชิกแต่ละคนเข้าร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ผ่านชีวิตและพันธกิจของคริสตจักร ทั้งในด้านการกอบกู้ เยียวยา
และเสริมสร้างชีวิตใหม่,
เป็นอวัยวะหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ทำหน้าที่สอดประสานกับอวัยวะอื่นๆ ในพระกายนั้น, เสริมสร้างและสนับสนุนสมาชิกแต่ละคนพัฒนาและใช้ของประทานในงานรับใช้ต่างๆ, เตรียมพ่อแม่/ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร วางรากฐานพระวจนะ ความเชื่อศรัทธา และวินัยชีวิตคริสเตียนแก่บุตรและสมาชิกในครอบครัว,
เตรียมสมาชิกมีชีวิตที่สำแดงความรักของพระคริสต์ในที่ทำงาน ในชุมชน
ครอบครัว และคริสตจักร,
เตรียมสมาชิกที่กำลังเข้าสู่ผู้สูงวัยและกลุ่มผู้สูงวัย
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัยนี้ตามพระประสงค์ด้วยพระคุณของพระเจ้า.
4. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตอาชีพการงาน: เตรียมสมาชิกให้มีชีวิตคริสเตียนที่สำแดงความรักเมตตา สัตย์ซื่อ
และเสียสละแบบพระคริสต์ในงานอาชีพที่รับผิดชอบ,
เตรียมและเสริมสร้างสมาชิกให้มีภาวะผู้นำแบบพระคริสต์,
ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนร่วมงานทุกระดับ, เปิดชีวิตให้พระเจ้าทรงใช้ในที่ทำงาน
และร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ที่ทรงกระทำผ่านชีวิตของตน
5. การเตรียมและเสริมสร้างชีวิตในสังคมชุมชน: เสริมสร้างชีวิตสมาชิกให้มีจิตใจที่ห่วงใยเอาใจใส่ต่อชุมชนสังคมที่ตนใช้ชีวิตด้วย, มีสัมพันธภาพที่สร้างสรรค์ รับใช้ และหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คนรอบข้าง,
ริเริ่มและดำเนินพันธกิจพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ผ่านพันธกิจการกอบกู้ เยียวยารักษา และเสริมสร้างใหม่ในประเด็นชีวิตที่เป็นจริงของชุมชน
การเตรียม เสริมสร้าง
และฝึกฝนสมาชิกให้เป็นคนรับใช้ดังที่กล่าวข้างต้นนี้ เริ่มต้นที่คริสตจักรท้องถิ่นครับ ไม่ใช่ที่สภาคริสตจักร คริสตจักรภาค
หน่วยงาน หรือ สถาบันใดๆ
และแต่ละคริสตจักรเริ่มต้นตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้ และสถานการณ์ที่เป็นจริงของตน ไม่จำเป็นจะต้องมีรูปแบบ
ขั้นตอนที่เหมือนกันตายตัวครับ
อย่าลืมนะครับ เรามิได้ริเริ่ม หรือ ทำเองนะครับ
แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำและเป็นกำลังที่หนุนเสริมเพิ่มพลังแก่เราแต่ละคริสตจักรครับ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น