24 มิถุนายน 2558

จะรัก หรือ จะกลัวดี?

“ฉันเกลียดเจ้าหมอนี่”
คำพูดนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่มีใครบางคนพยายามที่จะควบคุม หรือ บงการชีวิตของใครคนอื่น
แล้วอะไรที่ทำให้คนบางคนที่จะพยายามควบคุม หรือ มีอำนาจเหนือคนอื่นล่ะ?
คำตอบคือ ความกลัวไง  
เพราะความกลัวเราเลยพยายามเข้าไปควบคุมจัดการเหนือชีวิตของคนอื่นมิใช่หรือ?
การที่เรามีความรู้สึกที่ไม่มั่นคงทำให้เราต่อต้านแข็งขืน หรือ พยายามที่จะเข้าควบคุมคนอื่น
เมื่อเราเกิดความรู้สึกที่ไม่มั่นคง 
เพราะสิ่งที่เรากำลังคิดในเวลานั้นคือ   คิดว่าคนอื่นคิดคนอื่นมองเราในแง่ร้าย ในทางที่ไม่ดี
มุมมอง ความคิด ความรู้สึกเช่นนี้เป็นการทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง

เป็นเรื่องแปลกมากครับ
คนเราต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนอื่น
เราปรารถนาที่จะมีความสนิทสนมกับคนอื่น
แต่เราก็กลัวที่จะต้องได้รับความเจ็บปวด หรือ การสูญเสียจากความใกล้ชิดสนิทสนม

ความรู้สึกไม่มั่นคงเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์  
ทำให้เราไม่กล้าที่จะสนิทสนม(อย่างจริงใจ)
เราไม่สามารถมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับใครบางคน  
ถ้าในความสัมพันธ์นั้นยังมีความกลัวซุกซ่อนอยู่

ถ้าความรู้สึกไม่มั่นคงเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์  
แล้วอะไรล่ะที่เป็นตัวเสริมสร้างความสัมพันธ์สนิท?
ความรัก ความเมตตาไงล่ะที่เสริมสร้างสัมพันธภาพ

ในพระธรรม 1ยอห์น 4:18 กล่าวว่า  “ใน​ความ​รัก​นั้น​ไม่​มี​ความ​กลัว
แต่​ความ​รัก​ที่​สม​บูรณ์​นั้น​ก็​ขับ​ไล่​ความ​กลัว​ออก​ไป​เสีย
เพราะ​...​ผู้​ที่​กลัว​ก็​ยัง​ไม่​มี​ความ​รัก​ที่​สม​บูรณ์” (มตฐ.)
แล้วความรักเมตตาขับไล่ความกลัวออกไปได้อย่างไร?

ความรักนั้นย้ายจุดมุ่งมั่นสนใจของเราออกจากตนเองไปยังคนอื่น
เมื่อเราต้องพบปะผู้คนมากมายด้วยความสัมพันธ์ที่สนิทสนม  
เราต้องสนใจคนที่อยู่ข้างหน้าและรอบตัวเรา   มิใช่สนใจแต่ตนเอง
แต่ถ้าเรากำลังพบใครบางคนแล้วมัวแต่คิดว่า  
เอ...แล้วเขาจะคิดอย่างไรกับการแต่งตัวของเรา...
เราจะเกิดความรู้สึกไม่มั่นคง
แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากการคิดถึงแต่ตนเอง  
ไปสู่ความคิดว่าเราจะร่วมทำงานรับใช้พระเจ้ากับเขา
ความรู้สึกกลัวไม่มั่นคงก็จะอันตรธานไป

เช่นเดียวกันในความสัมพันธ์  
ถ้าเรามุ่งเน้นให้ความสำคัญแก่คนอื่น  
ก็จะทำให้เราเกิดพลังที่จะขับไล่ความกลัวนั้นออกไปจากชีวิตจิตใจของเรา

แล้วเราจะมีพลังที่จะมุ่งมั่นสนใจความสำคัญของคนอื่นได้อย่างไร?
เรารู้แก่ใจแล้วว่า   พระเจ้ารักเมตตาเรามากแค่ไหน
ถ้าเวลาใดที่เราตระหนักชัดถึงความรักเมตตาของพระเจ้าที่มีในชีวิตของเรา  
พระเจ้าให้คุณค่าและความสำคัญในชีวิตของเรา
ในเวลานั้นเองเราไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามทำให้คนอื่นเห็นถึงคุณค่า ความสำคัญของเราอีกต่อไป
เราไม่ต้องใช้เวลาในการพยายามทำตนให้เป็นที่ถูกอกต้องใจของคนอื่น
เพราะเรารู้และมั่นใจว่า   เรามีคุณค่า  เรามีความสำคัญ  เพราะเราตระหนักชัดว่าพระเจ้าทรงรักเรา

ในเวลาเช่นนั้น  เราจะรู้สึกถึงชีวิตที่ได้รับการปลดปล่อย  มีเสรีในการที่จะชื่นชมยินดี
ความเป็นตัวตนของเรา คุณค่าในชีวิตของเรามิได้ขึ้นอยู่กับความคิดความเห็นของคนอื่นต่อไป
เมื่อเรามั่นใจในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ก็จะไม่มีแรงกดดันจากความคาดหวังของคนอื่นที่บีบคั้นในชีวิตของเราได้
เพราะความรักเมตตาของพระเจ้าที่ปลดปล่อยให้ท่านมีพลังเสรีที่จะรักเมตตาคนอื่นอย่างไร้ความกลัว

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น