ทุกวันนี้เราส่วนมากเวลาอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า เรามักขอให้พระองค์ช่วยขจัดปัดเป่าให้ “ปัญหา”
ที่รุมล้อมเรา
สถานการณ์หรือเหตุการณ์ หรือบุคคลที่เราไม่พึงประสงค์ให้ถูกเปลี่ยนแปลงหรืออันตรธานหายไป ไม่ว่าปัญหาในที่ทำงาน ในครอบครัว
ความเจ็บปวดทั้งจิตใจและกาย
ความทุกข์ยากลำบาก
ความเจ็บป่วย
หรือแม้แต่ความเศร้าโศก
ในช่วงนี้ต้องรวมอีกเรื่องหนึ่งคือ ขอพระเจ้าโปรดเอาความแห้งแล้งออกไปจากเรา ขอให้เทฝนลงมาให้เราแทนที่ความแห้งแล้ง
เรามักขอให้พระเจ้าช่วยเอาสิ่งเหล่านี้ออกไปจากชีวิตของเราใช่ไหม?
แต่ความจริงที่เราพบในพระคัมภีร์และประสบการณ์ชีวิต เราพบความจริงว่า
พระเจ้าประสงค์ที่จะเปลี่ยนความคิดจิตใจ หรือ ความรู้สึกนึกคิดของเราก่อน
มากกว่าที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชีวิตของเราทันที
พระเจ้าต้องการที่จะสร้างเสริมความแข็งแกร่งภายใน ความถูกต้องในชีวิตของเราก่อนครับ
สิ่งแรกที่พระคริสต์พระประกาศ เมื่อเริ่มทำพระราชกิจของพระองค์คือ บอกให้ทุกคน “กลับใจเสียใหม่” นั่นคือ เปลี่ยนแปลงจิตใจ ความนึกคิด และวิธีคิดของเราเสียใหม่ก่อน
ทำไมคริสตชนถึงเห็นว่า
การเปลี่ยนแปลงความนึกคิดและจิตใจเป็นเรื่องใหญ่เรื่องแรก?
ประการแรก
ความนึกคิดจิตใจคือตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ (สุภาษิต
4:23 มตฐ.)
ความนึกคิดและจิตใจของเรามีพลังที่จะเป็นตัวกำหนด
“มุมมอง” ของเรา มุมมองย่อมมีอิทธิพลต่อการพิจารณาว่าสิ่งใดดีชั่ว
หรือ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองมากน้อย
และต่ออารมณ์ความรู้สึกของเราในขณะนั้น
อิทธิพลการพิจารณาเช่นนี้เองที่ส่งผลให้เราเกิดการตัดสินใจ
การตัดสินใจย่อมมีแรงผลักดันต่อท่าทีของเราที่แสดงออก(ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว) และที่สำคัญคือเป็นแรงผลักดันให้เราแสดงพฤติกรรมหรือการกระทำออกมา
ตัวอย่างเช่น
เหตุการณ์ร้าย ๆ บางเหตุการณ์เกิดขึ้นในชีวิตของเรา แล้วเราปล่อยให้อิทธิพลจากสภาพเลวร้ายที่เกิดขึ้นมามีอิทธิพลต่อความนึกคิดจิตใจ
และ ความรู้สึกของเรา เราจึงมี “มุมมอง”
หรือ เห็นสิ่งต่าง ๆ แวดล้อมที่เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์แรกนั้นว่า ช่วงนี้มีแต่สิ่งเลวร้ายในชีวิต
สิ่งที่พระเจ้าประสงค์เป็นสิ่งแรกในเหตุการณ์ชีวิตเช่นนี้ของเรา
พระองค์จะไม่ขจัดสิ่งเลวร้ายที่รายล้อมชีวิตของเราในขณะนี้ แต่พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างจิตใจที่อ่อนแอของเราให้เข้มแข็งขึ้น
ไม่ให้อิทธิพลจากสภาพภายนอกเข้ามามีอำนาจในการทำลายจิตใจของเราให้อ่อนหมดแรงท้อแท้ลง
ประการที่สอง พื้นที่การนึกคิดในจิตใจและความรู้สึกของเรา
คือสังเวียนแห่งการต่อสู้ระหว่างพระประสงค์ของพระเจ้ากับอำนาจฝ่ายตรงกันข้าม
ตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลบทแรก ๆ อำนาจชั่วได้ใช้พื้นที่สมองที่ให้เกิดความนึกคิด
และ
ความรู้สึกในจิตใจของมนุษย์เป็นพื้นที่ในการต่อสู้กับพระประสงค์ของพระเจ้า ดังเปาโลกล่าวไว้ว่า “เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น
ก็ชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในตัวของข้าพเจ้า
ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า
และชักนำให้อยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป ซึ่งอยู่ในตัวของข้าพเจ้า โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้? ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้”
(โรม 7:22-24 มตฐ.)
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกหมดแรง เหนื่อยล้า
จิตใจท้อแท้
เพราะเกิดแรงดึงและแรงดันกันที่ต่อสู้กันของสองอำนาจดังกล่าวในสมอง
ในความนึกคิด ในจิตใจและความรู้สึกของเรา บางคนอยู่ในภาวะเช่นนี้ตลอดวันและตลอดหลายวัน ดังนั้น
เราจึงเห็นว่า
การที่จะขอให้พระเจ้าเอาสถานการณ์ที่เลวร้าย หรือ
ที่ไม่พึงประสงค์ออกไปมันไม่แก้ปัญหาเลย
แต่พระเจ้าประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงความนึกคิด และ
จิตใจความรู้สึกของเรา
ที่จะสามารถปกป้องไม่ให้อำนาจชั่วร้ายมายึดพื้นที่ชีวิตทางความคิดจิตใจของเราทำในสิ่งที่มันต้องการ นี่เป็นสิ่งแรกที่จะต้องจัดการ
ประการที่สาม
การมุ่งเริ่มต้นในการจัดการกับความนึกคิดและจิตใจ เป็นเส้นทางนำสู่ความสุข
สงบ สันติ
อย่างที่เห็นแล้วว่า
สิ่งแรกที่เราจะต้องจัดการในภาวะชีวิตจิตใจที่อ่อนแรง ท้อแท้ สิ้นหวัง และ
หมดไฟ เราจะต้องเริ่มต้นเปิดใจและทูลขอการให้ทรงกระทำพระราชกิจในพื้นที่สมองและจิตใจของเรา การที่เรายอมเริ่มการจัดการความคิดและจิตใจของเรา
เราเริ่มต้นในการลดความขัดแย้งและปกป้องพื้นที่สมองและจิตใจของเราจากความขัดแย้ง ทำให้เราเข้าสู่ภาวะชีวิตที่มีความรู้สึกมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะเริ่มรู้สึกมั่นคงในพระคุณ ความรักและพระประสงค์ของพระเจ้า
ถ้าเราปล่อยปละละเลยให้อำนาจแห่งความชั่วเข้ามายึดพื้นที่ในชีวิตทั้งสมองและจิตใจของเรา เมื่ออำนาจชั่วเริ่มทำงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือความเครียด ชีวิตของเราสูญเสียทิศทางในความนึกคิดของเรา เกิดความสับสน วุ่นวาย นอกจากจะจัดการทิศทางความนึกคิดไม่ได้แล้ว ยังเกิดผลกระทบให้สิ่งต่าง ๆ ที่เราตัดสินใจเกิดความวุ่นวาย
สับสน ยิ่งกว่านั้นเรามองสถานการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นล้อมรอบเราด้วยความงุนงง สับสน
ไร้ทิศทางที่จะเข้าใจได้
เวลาเช่นนั้นชีวิตจึงเครียดสุด ๆ
แต่ถ้าเราเปิดพื้นที่ชีวิตความนึกคิดและจิตใจของเราต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
ที่จะทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างเสริมเราขึ้นใหม่
เราจะมีมุมมองชีวิตและสภาพแวดล้อมชีวิตที่เกิดขึ้นไปสู่สภาพใหม่ เป็นการเปิดเส้นทางให้ชีวิตของเราสามารถมุ่งไปสู่
สุข สงบ สันติ ในพระคุณความรักของพระเจ้า
“...จิตใจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงควบคุมนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข”
(โรม 8:6 อมต.)
แล้ววันนี้เราจะจัดการกับความนึกคิดจิตใจของเราอย่างไรดีครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น