25 มิถุนายน 2558

จะเอายังไงกับชีวิตดี?

ทุกวันนี้เราส่วนมากเวลาอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า   เรามักขอให้พระองค์ช่วยขจัดปัดเป่าให้ “ปัญหา” ที่รุมล้อมเรา  สถานการณ์หรือเหตุการณ์  หรือบุคคลที่เราไม่พึงประสงค์ให้ถูกเปลี่ยนแปลงหรืออันตรธานหายไป   ไม่ว่าปัญหาในที่ทำงาน  ในครอบครัว  ความเจ็บปวดทั้งจิตใจและกาย  ความทุกข์ยากลำบาก  ความเจ็บป่วย   หรือแม้แต่ความเศร้าโศก  ในช่วงนี้ต้องรวมอีกเรื่องหนึ่งคือ ขอพระเจ้าโปรดเอาความแห้งแล้งออกไปจากเรา   ขอให้เทฝนลงมาให้เราแทนที่ความแห้งแล้ง 

เรามักขอให้พระเจ้าช่วยเอาสิ่งเหล่านี้ออกไปจากชีวิตของเราใช่ไหม?

แต่ความจริงที่เราพบในพระคัมภีร์และประสบการณ์ชีวิต   เราพบความจริงว่า พระเจ้าประสงค์ที่จะเปลี่ยนความคิดจิตใจ หรือ ความรู้สึกนึกคิดของเราก่อน   มากกว่าที่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชีวิตของเราทันที   พระเจ้าต้องการที่จะสร้างเสริมความแข็งแกร่งภายใน  ความถูกต้องในชีวิตของเราก่อนครับ

สิ่งแรกที่พระคริสต์พระประกาศ  เมื่อเริ่มทำพระราชกิจของพระองค์คือ   บอกให้ทุกคน “กลับใจเสียใหม่”  นั่นคือ เปลี่ยนแปลงจิตใจ ความนึกคิด และวิธีคิดของเราเสียใหม่ก่อน

ทำไมคริสตชนถึงเห็นว่า   การเปลี่ยนแปลงความนึกคิดและจิตใจเป็นเรื่องใหญ่เรื่องแรก?

ประการแรก   ความนึกคิดจิตใจคือตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา

จง​ระ​แวด​ระ​วัง​ใจ​ของ​เจ้า​ยิ่งกว่า​สิ่ง​อื่น​ใด
เพราะ​ทุก​สิ่ง​ที่​เจ้า​ทำ​ออก​มา​จาก​ใจ (สุภาษิต 4:23 มตฐ.)

ความนึกคิดและจิตใจของเรามีพลังที่จะเป็นตัวกำหนด “มุมมอง” ของเรา  มุมมองย่อมมีอิทธิพลต่อการพิจารณาว่าสิ่งใดดีชั่ว หรือ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองมากน้อย  และต่ออารมณ์ความรู้สึกของเราในขณะนั้น  อิทธิพลการพิจารณาเช่นนี้เองที่ส่งผลให้เราเกิดการตัดสินใจ   การตัดสินใจย่อมมีแรงผลักดันต่อท่าทีของเราที่แสดงออก(ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว)   และที่สำคัญคือเป็นแรงผลักดันให้เราแสดงพฤติกรรมหรือการกระทำออกมา

ตัวอย่างเช่น   เหตุการณ์ร้าย ๆ บางเหตุการณ์เกิดขึ้นในชีวิตของเรา   แล้วเราปล่อยให้อิทธิพลจากสภาพเลวร้ายที่เกิดขึ้นมามีอิทธิพลต่อความนึกคิดจิตใจ และ ความรู้สึกของเรา   เราจึงมี “มุมมอง” หรือ เห็นสิ่งต่าง ๆ แวดล้อมที่เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์แรกนั้นว่า  ช่วงนี้มีแต่สิ่งเลวร้ายในชีวิต   สิ่งที่พระเจ้าประสงค์เป็นสิ่งแรกในเหตุการณ์ชีวิตเช่นนี้ของเรา   พระองค์จะไม่ขจัดสิ่งเลวร้ายที่รายล้อมชีวิตของเราในขณะนี้   แต่พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างจิตใจที่อ่อนแอของเราให้เข้มแข็งขึ้น   ไม่ให้อิทธิพลจากสภาพภายนอกเข้ามามีอำนาจในการทำลายจิตใจของเราให้อ่อนหมดแรงท้อแท้ลง

ประการที่สอง   พื้นที่การนึกคิดในจิตใจและความรู้สึกของเรา   คือสังเวียนแห่งการต่อสู้ระหว่างพระประสงค์ของพระเจ้ากับอำนาจฝ่ายตรงกันข้าม

ตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลบทแรก ๆ   อำนาจชั่วได้ใช้พื้นที่สมองที่ให้เกิดความนึกคิด และ ความรู้สึกในจิตใจของมนุษย์เป็นพื้นที่ในการต่อสู้กับพระประสงค์ของพระเจ้า  ดังเปาโลกล่าวไว้ว่า เพราะ​ว่า​ส่วน​ลึก​ใน​ใจ​ของ​ข้าพเจ้านั้น ก็​ชื่น​ชม​ใน​ธรรม​บัญญัติของ​พระ​เจ้า   แต่​ข้าพเจ้าเห็น​มี​กฎ​อีก​อย่าง​หนึ่ง​อยู่​ใน​ตัวของ​ข้าพเจ้า ซึ่ง​ต่อ​สู้​กับ​กฎ​แห่ง​จิต​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า และ​ชัก​นำ​ให้​อยู่​ใต้​บัง​คับ​กฎ​แห่ง​บาป ซึ่ง​อยู่​ใน​ตัวของ​ข้าพเจ้า   โอย ข้าพเจ้า​เป็น​คน​น่า​สม​เพช​อะไร​เช่น​นี้? ใคร​จะ​ช่วย​ให้​พ้น​จาก​ร่าง​กาย​แห่ง​ความ​ตาย​นี้” (โรม 7:22-24 มตฐ.)

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกหมดแรง  เหนื่อยล้า  จิตใจท้อแท้  เพราะเกิดแรงดึงและแรงดันกันที่ต่อสู้กันของสองอำนาจดังกล่าวในสมอง ในความนึกคิด ในจิตใจและความรู้สึกของเรา บางคนอยู่ในภาวะเช่นนี้ตลอดวันและตลอดหลายวัน   ดังนั้น  เราจึงเห็นว่า  การที่จะขอให้พระเจ้าเอาสถานการณ์ที่เลวร้าย หรือ ที่ไม่พึงประสงค์ออกไปมันไม่แก้ปัญหาเลย   แต่พระเจ้าประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงความนึกคิด และ จิตใจความรู้สึกของเรา   ที่จะสามารถปกป้องไม่ให้อำนาจชั่วร้ายมายึดพื้นที่ชีวิตทางความคิดจิตใจของเราทำในสิ่งที่มันต้องการ   นี่เป็นสิ่งแรกที่จะต้องจัดการ

ประการที่สาม   การมุ่งเริ่มต้นในการจัดการกับความนึกคิดและจิตใจ เป็นเส้นทางนำสู่ความสุข สงบ สันติ

อย่างที่เห็นแล้วว่า  สิ่งแรกที่เราจะต้องจัดการในภาวะชีวิตจิตใจที่อ่อนแรง ท้อแท้ สิ้นหวัง และ หมดไฟ   เราจะต้องเริ่มต้นเปิดใจและทูลขอการให้ทรงกระทำพระราชกิจในพื้นที่สมองและจิตใจของเรา   การที่เรายอมเริ่มการจัดการความคิดและจิตใจของเรา  เราเริ่มต้นในการลดความขัดแย้งและปกป้องพื้นที่สมองและจิตใจของเราจากความขัดแย้ง   ทำให้เราเข้าสู่ภาวะชีวิตที่มีความรู้สึกมั่นคง   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะเริ่มรู้สึกมั่นคงในพระคุณ   ความรักและพระประสงค์ของพระเจ้า

ถ้าเราปล่อยปละละเลยให้อำนาจแห่งความชั่วเข้ามายึดพื้นที่ในชีวิตทั้งสมองและจิตใจของเรา   เมื่ออำนาจชั่วเริ่มทำงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือความเครียด   ชีวิตของเราสูญเสียทิศทางในความนึกคิดของเรา  เกิดความสับสน วุ่นวาย  นอกจากจะจัดการทิศทางความนึกคิดไม่ได้แล้ว   ยังเกิดผลกระทบให้สิ่งต่าง ๆ ที่เราตัดสินใจเกิดความวุ่นวาย สับสน   ยิ่งกว่านั้นเรามองสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้อมรอบเราด้วยความงุนงง สับสน  ไร้ทิศทางที่จะเข้าใจได้   เวลาเช่นนั้นชีวิตจึงเครียดสุด ๆ   แต่ถ้าเราเปิดพื้นที่ชีวิตความนึกคิดและจิตใจของเราต่อพระประสงค์ของพระเจ้า   ที่จะทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างเสริมเราขึ้นใหม่  เราจะมีมุมมองชีวิตและสภาพแวดล้อมชีวิตที่เกิดขึ้นไปสู่สภาพใหม่   เป็นการเปิดเส้นทางให้ชีวิตของเราสามารถมุ่งไปสู่ สุข สงบ สันติ  ในพระคุณความรักของพระเจ้า
 
“...จิตใจที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงควบคุมนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6 อมต.)

แล้ววันนี้เราจะจัดการกับความนึกคิดจิตใจของเราอย่างไรดีครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น