จงมั่นใจในพระเจ้าถึงสิ่งดี
ๆ ที่พระเจ้ากระทำในชีวิตของเรา และ ทำผ่านชีวิตของเราในวันนี้
เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้า
การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร (ฟิลิปปี 1:21 มตฐ.)
วันหนึ่ง เมื่อจอร์จ ไวท์ฟิลด์ (George
Whitfield)
นักประกาศเรืองนามของโลกในสมัยของเขากำลังร่วมวงสนทนากับเพื่อนสนิทรุ่นราววัยเดียวกับเขา
เขาได้พูดถึงความลำบาก ปัญหา
อุปสรรค
และความรู้สึกที่ตีบตัน
และสร้างความเหนื่อยอ่อนใจกายของงานพันธกิจที่เขาต้องแบกรับใช้อยู่นั้น แล้วเขากล่าวตอนท้ายว่า แต่อย่างไรก็ตาม คงอีกไม่นานที่เขาก็จะไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว
เพื่อนร่วมกลุ่มสนทนาเกือบทุกคนแสดงออกถึงความรู้สึกในทำนองเดียวกันกับ
จอร์จ ไวท์ฟิลด์
มีเพื่อนเพียงคนเดียวที่นั่งเงียบอยู่ในกลุ่ม ไวท์ฟิลด์จึงเอ่ยปากถามเพื่อนคนนี้ว่า
“เพื่อน
นายเป็นเพื่อนที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มของเรา ดูเหมือนเพื่อนจะไม่สนใจ หรือ ดีใจกับการที่เรามีชีวิตใกล้ฝั่ง ที่ชีวิตเราจะเปลี่ยนสภาพไปอยู่ในบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
ชายชราคนนั้นพูดโพล่งตรงเผงออกมาว่า “ผมไม่มีหน้าที่จะต้องทำอะไรกับความตายของตนเอง หน้าที่และความรับผิดชอบของผมคือ ทำวันนี้ด้วยความรับผิดชอบและสัตย์ซื่อต่อพระประสงค์ของพระผู้ช่วยให้รอดในวันนี้ให้ดีที่สุดและด้วยความสัตย์ซื่อ และถ้าพระเจ้าเห็นว่าวันไหนที่พระองค์จะเรียกผมให้มีชีวิตที่เปลี่ยนจากที่เป็นในวันนี้ไปอยู่กับพระองค์แล้ว ผมก็จะต้องไปตามที่พระองค์ทรงเรียกนะ”
ไวท์ฟิลด์ รับว่าคำกล่าวของเพื่อนอาวุโสคนนี้เป็นเสียงเตือนจากพระเจ้า
และเป็นคำพูดความคิดที่หนุนเสริมเพิ่มกำลังชีวิตของเขาที่จะก้าวเดินต่อไปทีละก้าวในแต่ละวัน ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นเช่นไร
เพียงให้เห็นคุณค่าในการที่เราจะใช้ชีวิตทำตามพระประสงค์ที่มอบหมายให้เราทำด้วยความสัตย์ซื่อและสุดจิตสุดใจสุดความคิดในแต่ละวัน
เมื่อชีวิตย่างเข้าสู่ฤดูกาล “ใบไม้ร่วง” เป็นการง่ายที่เราจะลืมตนคิดถึงแต่สิ่งดี ๆ ในอดีตชีวิตที่ผ่านมา
แล้วมักโหยหาที่จะกลับไปทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หรือต้องการกลับไปแก้ไขสิ่งผิดพลาดให้ดีถูกต้อง
แต่นั่นเป็นความโหยหาที่เป็นจริงไปไม่ได้แล้ว
หรือไม่เราก็มุ่งมองไปข้างหน้าอยากจะไปให้ถึงสิ่งดี ๆ ที่เราจะสบายในอนาคต
เช่น
การยึดมั่นแต่ที่จะมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากชีวิตโลกนี้ไปอยู่กับพระเจ้า จึงทำให้เราไม่ทำอะไรมากนัก ทำหน้าที่ “รอคอย” รถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่จะมารับเราไป
“สวรรค์” ด้วยชีวิตที่เฉื่อยชาไร้ประโยชน์
แต่เปาโลบอกเราว่า ที่เรามีชีวิตอยู่ไม่ว่ากี่ปี กี่เดือน กี่วัน หรือกี่ชั่วโมง “เราอยู่เพื่อพระคริสต์” และการที่เราจะอยู่เพื่อพระคริสต์ เราต้องอยู่เพื่อดำเนินชีวิตแต่ละวันนี้รับใช้ตามพระประสงค์ และสำนึกว่า ถึงเราจะแก่และอ่อนแรงแต่เราไม่ได้พึ่งพิงกำลังของเราเท่านั้น แต่ได้รับเสริมหนุนด้วยกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ดังนั้น
ให้เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้ด้วยมุ่งมองถึงสิ่งดี ๆ ที่มีข้างหน้าที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์ต้องการให้เราทำ และรู้ด้วยว่า
วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าจะทรงใช้เราท่านแต่ละคนให้ทำสิ่งที่ดียิ่งในสายพระเนตรของพระองค์ ด้วยการหนุนเสริมเพิ่มพลังจากพระองค์
ส่วนเรื่องที่เราจะถูกรับไปอยู่กับพระเจ้าเมื่อใดนั้นไม่ใช่ภาระหน้าที่ของเรา แต่พระเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบและทำตามน้ำพระทัยของบพระองค์ในเรื่องนี้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น