05 มิถุนายน 2558

เมื่อคริสเตียนฝ่าฝืนพระบัญชาพระเจ้า?

“พระเจ้า...ให้ชายผู้นั้นอยู่ในสวนเอเดน  ให้เขาทำงานและดูแลสวนแห่งนั้น”
(ปฐมกาล 2:15 อมต.)

ความคิดเรื่อง “ผู้นำที่รับใช้” พบในสมัยต้น ๆ ราวในปี 1970 ข้อเขียนของ  Robert Greenleaf หลังจากนั้นหัวเรื่องนี้ก็แพร่หลายถูกกล่าวถึงในวงการเรื่องผู้นำทั้งในและนอกคริสตจักร   แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า   ความคิดส่วนใหญ่จะมุ่งอ้างอิงถึงคำสอนของพระเยซูคริสต์ถึงแบบอย่างผู้นำที่รับใช้ (มาระโก 35-45)   แต่ท่านเชื่อหรือไม่ครับว่า เรื่องนี้ปรากฏตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลบทแรก ๆ เลยทีเดียว

ในปฐมกาล 1:27-28 มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาตามพระลักษณะของพระเจ้า  พระองค์ประทานสิทธิอำนาจให้เขาครอบครองเหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างบนพื้นพิภพโลกนี้   ถึงแม้ว่าจะไม่อธิบายถึงมนุษย์คนแรกที่พระองค์ทรงสร้างด้วยคำว่า “ผู้นำ” แต่เราเห็นชัดในที่นี้ว่า พระเจ้าให้เขาใช้ภาวะผู้นำเหนือสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง

ในปฐมกาลบทที่ 2 ได้อธิบายถึงภารกิจ หรือ หน้าที่ความรับผิดชอบของมนุษย์ชัดเจนยิ่งขึ้นในข้อที่ 15 ว่า  พระเจ้าให้มนุษย์ที่ทรงสร้างอยู่ในสวนเอเดน และให้ทำและดูแลสวน (มตฐ.)  ส่วนในฉบับอมตธรรมแปลว่า “ให้เขาทำงานและดูแลรักษาสวนแห่งนั้น”   พระเจ้าทรงให้มนุษย์ที่ทรงสร้าง “ทำงาน” และ “ดูแลรักษา”   ในที่นี้คำในต้นฉบับภาษาฮีบรูใช้คำว่า “avad” ซึ่งมีความหมายว่า “ให้รับใช้” และ คำว่า “shamar” หมายถึงการ “รักษาดูแล” สวนเอเดน หรือ แผ่นดิน   ซึ่งคำว่า “avad” มีความหมายครอบคลุมถึง การไถ ทำงาน หรือ ทำสวน  โดยภาพรวมแล้วในที่นี้กล่าวถึงว่า   พระเจ้าทรงให้มนุษย์อาศัยอยู่ในสวนเอเดนและให้ทำงานรับใช้ในสวนนั้น

ในพระธรรมปฐมกาลได้กำหนดภารกิจ บทบาท หน้าที่มนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างให้เป็น “ผู้นำที่รับใช้”   พระคัมภีร์บอกว่า ให้มนุษย์มีอำนาจครอบครองเหนือสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างและให้ใช้สิทธิอำนาจนั้นในการรับใช้   แต่เราพบว่า มนุษย์กลับไม่ได้ใช้สิทธิอำนาจนั้นตามพระประสงค์คือเพื่อการรับใช้   แต่กลับใช้สิทธิอำนาจนั้นเพื่อประโยชน์แห่งตน  ด้วยอำนาจแบบเผด็จการ  กดขี่ และ ทำลาย   มนุษย์ได้กระทำสิ่งตรงกันข้ามกับพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงสร้าง

ความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไหนครับ   เกิดขึ้นกับคนที่เป็นพยานว่าตนเป็นคริสเตียน   และบางคนยังเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐเสียด้วยซ้ำ?   เช่น มีนักประกาศฯ ผู้หนึ่ง หลังจากเข้าป่ายิงนกได้มากกว่า 30 ตัว   หิ้วนกออกมาเป็นพวงใหญ่   กล่าวอวดอ้างถึงฤทธิ์เดชที่พระเจ้าประทานให้คริสเตียนว่า   สามารถยิงนกจำนวนมากมาย   และบอกว่านี่เป็นของประทานจากพระเจ้า   เพราะพระเจ้าให้คริสเตียนมีสิทธิอำนาจครอบครองเหนือธรรมชาติ?    ผู้ประกาศคนเดียวกันนี้  เคยประกาศว่า  พวกไม่ใช่คริสเตียนไม่กล้าตัดต้นไม้ใหญ่ในป่า   เพราะกลัวผีสางนางไม้ที่แฝงตัวในต้นไม้เหล่านั้น   แต่คริสเตียนไม่กลัว   เพราะพระเจ้าของเรามีอำนาจเหนือผีสางนางไม้เหล่านั้น   เพราะฉะนั้น คริสเตียนจึงสามารถตัดต้นไม้เหล่านั้นได้?

จนปัจจุบัน   ยังมีคริสเตียนที่อยู่ใกล้ป่ายังเข้าป่าตัดไม้มาเป็นของตน   ต่อมาถูกจับต้องขึ้นศาล (จำนวนมากกว่าร้อยคน)  ศาลพบว่ามิใช่การตัดไม้เพียงเพื่อใช้ตามความจำเป็นในครัวเรือนเท่านั้น   แต่เป็นการตัดไม้เป็นอาชีพ  เพื่อรายได้   เพื่อประโยชน์มั่งคั่งส่วนตน   เมื่อเกิดประเด็นเช่นนี้เกิดคำถามว่า   แล้วคริสตจักร และ องค์กรแม่ที่คริสตจักรสังกัดอยู่จะทำอย่างไร?   จะส่งทนายสู้คดีทางศาลเพื่อเอาชนะช่วยให้คริสเตียนไม่ต้องเข้าคุกติดตารางเช่นนั้นหรือ?

ในที่นี้มิใช่การทำผิดกฎหมายเท่านั้น  แต่นี่เป็นการฝ่าฝืนพระบัญชาของพระผู้สร้างอย่างโจ่งแจ้ง   ทำไมคริสตจักรไทยไม่สอนรากฐานความเชื่อในเรื่องนี้?   ทำไมคริสเตียนมิได้ทำงานและรับใช้พระเจ้าในการดูแลป่าที่ทรงสร้าง?   ที่ทรงมอบหมายให้ทุกคนดูแล?   ทำไมคริสเตียนไม่รับใช้พระประสงค์ตามพระบัญชา?

ผมไม่ขอโทษพี่น้องที่ต้องคดีตัดไม้ในป่าที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น   แต่คริสตจักรทั้งมวลในประเทศไทยต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้   คริสตจักรละเลยหน้าที่ที่จะเรียนรู้พระประสงค์และพระบัญชาของพระเจ้าอย่างครอบคลุม    คริสตจักรจึงไม่ได้สั่งสอน บ่มเพาะ ความเชื่อของสมาชิกอย่างถูกต้อง   ที่ผ่านมาคริสตจักรมักเลือกเอาพระบัญชาที่ตนจะแสดงสิทธิอำนาจพิเศษเหนือกว่าคนอื่น   แต่ขาดการพิจารณาถึงพระประสงค์ที่ประทานสิทธิอำนาจเหล่านั้นให้เพื่อ รับใช้ ดูแล และเอาใจใส่

วันนี้คริสตจักรไทยต้องกลับใจใหม่ครับ!

กลับใจใหม่ที่จะยอมเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ในทุกเรื่อง   กลับใจใหม่เพื่อที่จะยอมตนกลับมาทำตามพระบัญชาด้วยการรับใช้ ดูแล เอาใจใส่ ต่อพระประสงค์ของพระเจ้า

เราต้องขอบคุณศาลครับ   ที่กระตุกต่อมความสำนึกในความเชื่อของเราให้กลับมาพิจารณาตนเองบนรากฐานความเชื่อของเรา   จะกล่าวได้ไหมครับว่า  พระเจ้าทรงใช้ศาลในการที่จะตีสอนเรา   เพื่อเราจะกลับใจใหม่?   กลับมาหาพระประสงค์  รับใช้ตามพระบัญชา   สัตย์ซื่อต่อพระองค์

คริสตจักรจะต้องเอาใจใส่ครอบครัวของพี่น้องคริสเตียนที่ถูกต้องขังรับความผิด   พวกเขาต้องรับความผิดในส่วนความละเลยผิดพลาดของคริสตจักรไทยที่ผ่านมาด้วย   ดังนั้น  เราต้องเอาใจใส่ต่อครอบครัวของผู้เหล่านั้นให้มีชีวิตในพระคุณของพระเจ้าผ่านการรับใช้ ดูแล เอาใจใส่ของพวกเราได้ไหม?   แล้วเราจะรับใช้ เอาใจใส่ คนเหล่านั้นที่ต้องขังอย่างไร   ทำอย่างไรจะรักษาสัมพันธภาพ   และให้กำลังใจ ร่วมทุกข์กับคนเหล่านี้

สิ่งสำคัญสองเรื่องที่คริสตจักรพึงกระทำคือ   ขอโทษต่อสังคมไทยในความละเลยผิดพลาดของคริสตจักรไทย  ที่ไม่ได้เอาใจใส่ต่อการสอนในเรื่องการรับใช้ ดูแล เอาใจใส่ต่อธรรมชาติ และ สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง   ที่ทำให้ป่าไม้ของไทยส่วนนี้ได้รับความเสียหาย   ที่ถูกทำลาย   สิ่งสำคัญประการที่สองคือ คริสตจักรไทย และ องค์กรที่คริสตจักรเหล่านี้สังกัดอยู่ต้องตื่นขึ้นเอาใจใส่อย่างจริงจังในการสอน บ่มเพาะ  และเสริมสร้างให้สมาชิกเชื่อศรัทธา  เข้าใจ  และรับผิดชอบในการรับใช้ ดูแล รักษา สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง

คริสตชนไม่ได้รับสิทธิอำนาจจากพระเจ้าเพื่อที่จะครอบครองด้วยการใช้อำนาจนั้นเพื่อตนเอง  แต่เพื่อรับใช้พระบัญชาและพระประสงค์  และรับใช้สังคมชุมชนในโลกนี้ในพระนามของพระองค์   เพื่อพระเจ้าจะได้รับการนมัสการยกย่องสรรเสริญ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น