11 กุมภาพันธ์ 2563

ความชาชินทางจิตวิญญาณ


อาการชาทางกายภาพที่ใดที่หนึ่ง เป็นอาการบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายส่วนนั้นของเรา บางครั้งถ้าเราใส่ใจต่อการเกิดอาการชาของร่างกายส่วนนั้นเราก็จะสามารถรักษาแก้ไขได้ ไม่ปล่อยให้ลุกลามจนกลายเป็นอาการที่ร้ายแรง ในเวลาเดียวกัน ในฐานะคริสตชนจะต้องใส่ใจตรวจสอบจริงจังอย่างสม่ำเสมอว่า ชีวิตด้านจิตวิญญาณของเราส่วนไหนบ้างที่เกิดอาการชาชิน เพื่อเราจะได้เยียวรักษาแก้ไข “ระบบประสาท” ทางจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับส่วนนั้น ๆ

ความชาชินทางจิตวิญญาณต่อไปนี้ เขียนขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตของผม และที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนพ้องน้องพี่ เมื่อประมวลรวบรวมขึ้นมาแล้วก็น่าตกใจครับ!

1. ชาชินกับผู้คนมากมายที่ไม่รู้จักกับพระคริสต์

คริสตจักรไม่รู้สึกร้อนรู้สึกหนาวกับการที่คนรอบข้างตนจำนวนมากมายที่ไม่มีโอกาสสัมผัสกับความรักเมตตาของพระเยซู แย่ยิ่งกว่านั้นกลับรู้สึกว่า ไม่สนใจใยดีในชีวิตประจำวันต่อความรอดของเพื่อนบ้าน

2. ชาชินที่เป็นคริสตจักรบนหอคอยงาช้าง

คริสตจักร คนในคริสตจักรไม่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องเข้าถึงผู้คนในชุมชน หรือ เพื่อนบ้านรอบข้าง การแยกตัวอยู่ต่างหากจากชุมชนกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ของคริสตจักร

3. ชินชากับกับชีวิตแต่งงานตามกระแสสังคม

สมาชิกคริสตจักร คริสตชนจำนวนมากในปัจจุบันไม่สนใจชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวแบบคริสตชน ที่จะต้องมีการเข้มแข็งและเติบโตตลอดเวลา แต่ปัจจุบันสมาชิกคริสตจักรส่วนมากปล่อยให้ชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวไหลไปตามอิทธิพลของกระแสสังคมทันสมัยในปัจจุบัน

4. ชาชินกับการหย่าร้างถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา

เนื่องจากการยอมรับการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นของวัฒนธรรมตามกระแสสังคมปัจจุบัน เราจึงลดมาตรฐานการแต่งงานของเรา เราไม่เสียใจหรือเจ็บปวดที่ต้องหย่าแยกกันในชีวิตสมรส

5. ชาชินกับการไม่มีการอธิษฐานในครอบครัว

เป็นการง่ายที่จะมีการอธิษฐานในครอบครัวพร้อมหน้าเมื่อลูก ๆ ยังเล็ก แต่เมื่อเขาโตเป็นเด็กโตและวัยรุ่นการอธิษฐานในครอบครัวกลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ และในหลายครอบครัวก็สูญหายไปโดยปริยาย และเราก็ชาชินไม่รู้สึกเช่นไรเลยกับการไม่มีการอธิษฐานร่วมกันในครอบครัว

6. ชาชินกับกามารมณ์ตามกระแสวัฒนธรรมทันสมัย

คริสตชนเคยเสียใจที่เห็นในหมู่ผู้เชื่อขาดการเติบโตทางด้านเพศและกามารมณ์ แต่ตอนนี้เรากลับเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องบรรทัดฐานทางความเชื่อเท่านั้น เราแยกการปฏิบัติเรื่องนี้ออกจากความเชื่ออย่างชัดเจนเด็ดขาด

7. ชาชินกับความขัดแย้งในคริสตจักร

ทั้ง ๆ ที่ศิษยาภิบาล หรือ ผู้นำคริสตจักรเห็นแล้วว่า คริสตจักรกำลังก่อตัวขึ้นความขัดแย้งต่อสู้กันขึ้นในคริสตจักร แต่พวกเขากลับไม่ทำอะไร รอให้ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

8. ชาชินกับการนมัสการที่เป็นเพียงพิธีกรรม

ตอนนี้การนมัสการพระเจ้าถูกลดทอนคุณค่าลงมาเป็นการประกอบพิธี หรือไม่ก็กลายเป็นการกระทำเป็นกิจวัตรอย่างคุ้นชิน - ในการนมัสการไม่ใช่โอกาสที่ผู้เข้าร่วมนมัสการพระเจ้าเผชิญหน้ากับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เรานมัสการพระเจ้าอย่างชาชินเป็นกิจกรรมธรรมดากิจกรรมหนึ่งทางคริสต์ศาสนา

9. ชาชินกับการถวายเป็นพิธี

การถวายกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา หลายคนถวายเพื่อหวังผล เรามักถวาย “เป็นพิธี” แต่เราไม่ค่อยท้าทายตัวเองที่จะถวายอย่างสุดกำลัง เราไม่เสียสละจนถึงจุดที่รู้สึกเจ็บ หรือ เสี่ยง

10. ชาชินกับการทำความบาปส่วนตัว

เมื่อก่อน คริสตชนถ้าตนได้กระทำบาปจะรู้สึกผิดและเจ็บปวดในชีวิต ผู้เชื่อแต่ละคนจะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าตนดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างบริสุทธิ์ แต่ผู้เชื่อในปัจจุบันมักไม่ใส่ใจตรวจสอบการดำเนินชีวิตของตนเอง ชาชินกับชีวิตที่ดำเนินไป แต่โมเม สรุปว่า “ที่ผ่านมามันก็ไม่ได้เลวร้ายมากมายอะไร”

เมื่อเรามีโอกาสประเมินชีวิตคริสตชนของตนเองอย่างจริงใจในด้านต่าง ๆ ข้างต้น มีส่วนใดบ้างไหมในชีวิตของท่านที่เกิดอาการชาชิน? แล้วเราจะทำอย่างไรดีในชีวิต และ คริสตจักรของเรา?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น