01 กุมภาพันธ์ 2563

3 เส้นทางชีวิตติดตามพระคริสต์ที่ไม่มีทางเลี่ยง

ใคร ๆ ที่เป็นคริสตชน ก็มักบอกว่า ตนมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ ตนเป็นสาวกของพระคริสต์ เมื่อกล่าวถึงการติดตามพระคริสต์ เราสามารถติดตามในหลายลักษณะด้วยกัน แต่มีเส้นทางติดตามพระคริสต์ “สามเส้นทาง” ที่คริสตชนทุกคนจะต้อง “ร่วมเดินไปกับพระองค์” อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ...

(1) ร่วมในการทนทุกข์กับพระองค์

หลายต่อหลายคนบอกว่าต้องการมีส่วนร่วมในพันธกิจแห่งความรักของพระคริสต์ แต่เราตระหนักรู้ชัดหรือไม่ว่าการมีส่วนร่วมในพันธกิจแห่งความรักเมตตาของพระคริสต์นั้นเป็นอย่างไร? และการเข้ามีส่วนร่วมในพันธกิจดังกล่าวเป็นจุดประสงค์ของการเป็นสาวกพระคริสต์

เปาโล บอกเราว่า “จงชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ” (1เปโตร 4:13 อมธ.)

เปาโลกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เพราะการทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิตของเราฉันใด การปลอบประโลมใจของเราก็ท่วมท้นโดยทางพระคริสต์ฉันนั้น” (2โครินธ์ 1:5 อมธ.)

ทั้งนี้ “เพราะข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระคริสต์และมีประสบการณ์ในฤทธิ์อำนาจแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และร่วมสามัคคีธรรมในการทนทุกข์ของพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ในการสิ้นพระชนม์” (ฟิลิปปี 3:10 อมธ.) และที่ว่านี้คือความหมายของมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์

(2) ร่วมในการถูกข่มเหงของพระองค์

เมื่อผู้คนเกลียดท่านเพราะท่านติดตามและมีชีวิตแบบพระเยซูคริสต์ นั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่า ท่านกำลังมีชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ เพราะพระองค์กล่าวว่า ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน” (ยอห์น 15:18 มตฐ.) “คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา” (มัทธิว 10:22 มตฐ.) พระเยซูเตือนความจำเราว่า จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า ‘บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกท่านด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย” (ยอห์น 15:20 มตฐ.) และนี่คือสาวกที่เดินตาม “รอยพระบาทพระคริสต์” ตัวจริง

(3) สานต่อพระราชกิจของพระองค์

เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้เพื่อที่จะให้ชีวิตของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก (มาระโก 10:45) และพระคริสต์กล่าวไว้อีกว่า “เพราะว่าบุตรมนุษย์มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด” (ลูกา 19:10 มตฐ.) และนี่คือพระราชกิจและพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ที่เป็นพันธกิจและพระประสงค์ที่เราแต่ละคนต้องกระทำคือ “เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28:19-20 มตฐ.) นี่เป็นพระบัญชาของพระคริสต์ที่สาวกตัวจริงของพระองค์แต่ละคนไม่มีทางเลี่ยงได้ ถ้าใครคิดจะติดตามเป็นสาวกพระคริสต์ ก็ต้องกระทำตามที่พระองค์บัญชาไว้

แต่ละคนต้องตัดสินใจ

ทั้งนี้มีประเด็นปลีกย่อยอื่น ๆ อีกของการติดตามในฐานะสาวกพระคริสต์ แต่ทั้งสามเส้นทางในการติดตามเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ที่กล่าวข้างต้นนี้ เป็นเส้นทางการเป็นสาวกพระคริสต์ที่ไม่มีทางเลี่ยงได้ ที่สาวกพระคริสต์ทุกคนจะต้องร่วมในชีวิตที่ทนทุกข์ ร่วมในชีวิตที่ถูกข่มเหงและเกลียดชังเพราะการมีชีวิตแบบพระคริสต์ และ ร่วมในการสานต่อพระราชกิจที่พระคริสต์ได้เริ่มไว้แล้วนั้น อันเป็นพระบัญชาที่ไม่มีสาวกคนไหนจะเลี่ยงหลีกได้ และก็ไม่มีแผนสำรองสำหรับการติดตามเป็นสาวกของพระคริสต์นอกจากเราจะต้องทำในสิ่งที่พระองค์ได้กระทำมาแล้ว และนั่นหมายความว่า เราจะต้องก้าวออกจากมุมสะดวกสบายและคุ้นชินในชีวิตประจำวันของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น