19 กุมภาพันธ์ 2563

การตัดสินใจ...ที่ก้าวย่างไปกับพระเจ้า


จากครั้งก่อน ได้ถอดบทเรียนรู้ของโมเสสถึง “การตัดสินใจ...ที่ย่างก้าวไปด้วยตนเอง” ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด 7 ประการ ในครั้งนี้เป็น “การตัดสินใจ...ที่ย่างก้าวไปกับพระเจ้า”

เมื่อการคิดตัดสินใจที่ชาญฉลาดกลับเป็นวิธีการที่สร้างปัญญา เราจึงต้องเลือกและตัดสินใจกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าที่จะคิดและตัดสินใจทำตามที่เราคิด ถ้าเราแสวงหาที่จะดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพระเจ้า เรามั่นใจผลที่จะเกิดขึ้นแก่เราในที่สุดดังนี้

1) พระเจ้าจะเตรียมและประทานทุกสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี

เมื่อเรามีสัมพันธภาพกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาลนี้ เราเข้าเฝ้าและทูลขอต่อพระองค์ด้วยความมั่นใจ เรารู้ว่าพระองค์พร้อมที่จะประทานสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรา ตามทรัพย์อันอุดมของพระองค์ (ฟิลิปปี 4:19)

2) องค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้คำแนะนำอย่างเฉพาะเจาะจงแก่เรา

อย่างไรก็ตาม ทางเดียวที่เราจะรับการทรงชี้นำของพระองค์ได้โดยทางพระวจนะของพระองค์ ระวังที่จะไม่กระทำอย่างผิดพลาด ด้วยการอธิษฐานในสิ่งที่เราทูลขอแต่ไม่เคยใคร่ครวญในพระวจนะของพระเจ้า เราใคร่ครวญไตร่ตรองในพระวจนะเพื่อที่จะฟังว่าพระองค์จะตรัสอะไรแก่เรา เราไม่มีความรู้ หรือ ความเข้าใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ในรายละเอียดของทุกเหตุการณ์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต และพระองค์ประทานพระวจนะที่จะชี้นำการดำเนินชีวิตของเรา พระวจนะของพระเจ้ามีทั้งองค์ความรู้ในด้านจิตวิญญาณ ในด้านจริยธรรม เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าปราศจากพระวจนะของพระเจ้าแล้ว เราจะไม่รู้ว่าเราควรดำเนินชีวิตแบบใด ความจริงก็คือว่า เราไม่สามารถดำเนินชีวิตคริสตชนได้โดยมิได้ไตร่ตรองใคร่ครวญพระวจนะอย่างสม่ำเสมอ

3) พระเจ้าจะทรงขจัดความกลัวของเรา

ในเมื่อเราไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร การที่ต้องตัดสินใจเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะเกิดผลอย่างไรตามมาจากการกระทำของเรา ทำให้เราเกิดความกลัว แต่ถ้าเราแสวงหาการทรงชี้นำของพระเจ้าด้วยความสัตย์ซื่อผ่านทางพระวจนะของพระองค์ พระองค์จะเปลี่ยนความกลัวของเราให้กลายเป็นความมั่นใจในพระองค์

4) เราจะเห็นพระราชกิจของพระเจ้าที่ไม่ธรรมดาในสถานการณ์ของเรา 

อย่างไรก็ตาม เราต้องไว้วางใจในพระองค์ และรอคอยเวลาที่เหมาะสมของพระองค์ ถ้าพระองค์มิได้ตอบคำทูลขอของเราทันที นั่นแสดงว่าพระองค์เห็นว่าเรายังไม่พร้อมที่จะรับคำตอบจากพระองค์ หรือ อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ถ้าเราต้องการมีประสบการณ์ในฤทธานุภาพของพระเจ้าในชีวิตของเรา เราต้องอ่านใคร่ครวญพระวจนะของพระองค์ รอคอยพระองค์ด้วยความอดทน และเชื่อมั่นว่าพระองค์จะตอบสิ่งที่เราทูลขอในเวลาที่เหมาะสม

5) เราจะได้เรียนรู้วิถีทางของพระเจ้า

เมื่อเราแสวงหาการทรงชี้นำจากพระเจ้าด้วยการอ่านพระวจนะและเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ เราจะเห็นถึงพระราชกิจของพระองค์จากในพระวจนะ และที่พระองค์ทรงกระทำในชีวิตของเราด้วย ถ้าเราต้องการความเข้าใจองค์พระผู้เป็นเจ้าจริงและมากยิ่งขึ้น เราต้องคุ้นชินกับพระวจนะของพระองค์เป็นอย่างดี

6) พระเจ้าจะทรงใช้จุดอ่อน และ ความล้มเหลวของเราเพื่อช่วยเราเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเรา

ความไม่เพียงพอ หรือ ความต้องการของเรากระตุ้นเราให้อธิษฐานต่อพระเจ้า ดังนั้น เราไม่ควรมองการอธิษฐานในแง่ลบ แต่ให้เห็นว่าความรู้สึกไม่เพียงพอและความต้องการ นำเราให้เข้าไปหาพระองค์

7) พระเจ้าสามารถทำให้สำเร็จในเวลาอันสั้นแทนที่เราจะต้องใช้ตลอดชีวิตของเรา

พระเจ้าทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยแนวทางของพระองค์มากกว่าวิธีการของเรา ดังนั้น เราควรแสวงหาการทรงชี้นำจากพระองค์มากกว่าที่จะพึ่งพิงในความรอบรู้และความสามารถที่จำกัดของตัวเราเอง

ย้อนพิจารณาตนเอง

เมื่อเราตัดสินใจ ท่านมักคิดถึงสถานการณ์ในตอนนั้น หรือ คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นของตน? เกิดผลอย่างไรบ้างเมื่อท่านตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นโดยที่ท่านมิได้แสวงหาการทรงนำจากพระเจ้า?

เมื่อท่านต้องตัดสินใจท่านแสวงหาความช่วยเหลือจากที่ใดบ่าง? และพระวจนะของพระเจ้าอยู่ในส่วนไหนของกระบวนการการตัดสินใจของท่าน? เมื่อท่านได้รับการชี้นำจากพระวจนะของพระเจ้า  ท่านพร้อมที่จะทำตามการชี้นำจากพระวจนะของพระเจ้า หรือท่านมีข้อแก้ตัวว่าทำไมท่านถึงไม่ใช้คำชี้นำนั้นในสถานการณ์ของท่าน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น