16 กุมภาพันธ์ 2563

การตัดสินใจ...ที่ก้าวย่างไปด้วยตนเอง


ถอดบทเรียนรู้จากประสบการณ์ของโมเสส

เมื่อเราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ สามคำถามที่เราจะต้องถามตนเองคือ อะไร เมื่อไหร่ และ อย่างไร

ถ้าเราไม่ได้ถามคำถามใดคำถามหนึ่งในสามประเด็นนี้ อาจจะส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ และอาจจะได้รับความยากลำบากจากผลของการตัดสินใจที่ผิดพลาด ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ เมื่อเราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต สิ่งแรกคือ ให้เราหันหน้าเข้าหาพระเจ้า ทูลถามขอการทรงนำว่า เราควรจะทำอะไร อย่างไร และเมื่อใด เราจะต้องทำอะไรในการตัดสินใจนี้? แล้วจะมีขั้นตอน กระบวนการในการตัดสินใจอย่างไรบ้าง? และเวลาใด/เมื่อใดที่เป็นเวลาที่เหมาะสมตามพระประสงค์ของพระเจ้า?

ประเด็นบทเรียนสำคัญที่ได้รับ

เรื่องราวของโมเสส จากอพยพ 2:11-15 เป็นบทเรียนที่สำคัญของการแสวงหาการทรงชี้นำจากพระเจ้าก่อนที่จะตัดสินใจ ถึงแม้ว่าโมเสสจะเป็นคนฮีบรู แต่เขาถูกเลี้ยงดู ในฐานะลูกชายของธิดาฟาโรห์ในพระราชวัง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแห่งอำนาจ ความมั่นคง มั่งคั่ง และบารมี  

เมื่อโมเสสเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาเห็นคนอียิปต์ข่มเหงทำร้ายแรงงานทาสฮีบรู เขาตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น   ทำให้ชีวิตของโมเสสต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาตัดสินใจฆ่าคนอียิปต์ที่ทำร้ายแรงงานฮีบรู และผลที่ได้รับคือ โมเสสสูญเสียทุกอย่างในชีวิตกลายเป็นนักโทษกบฏต่อราชบัลลังก์หลบหนีเอาชีวิตรอด   ลงท้ายด้วยการไปอยู่ในทะเลทรายมีเดียน และมีอาชีพเลี้ยงแกะ

ทำไมโมเสส “ตัดสินใจ” กระทำในสิ่งที่ดี แต่ได้รับผลการตัดสินใจที่สูญเสียครั้งรุนแรง?

(1) โมเสสแซงหน้าพระเจ้า

เราท่านบ่อยครั้งก็มีชีวิตอย่างโมเสส บางครั้งเราตัดสินใจ “แซงหน้าพระเจ้า” ด้วยการตัดสินใจแบบหันหุนพลันแล่น   เราตัดสินใจโดยมิได้ใคร่ครวญและประเมินถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจนั้น ที่สำคัญเราไม่ได้มีโอกาสที่จะปรึกษาพระเจ้าก่อนตัดสินใจ

(2) โมเสสมุ่งเน้นที่เหตุการณ์แทนที่จะมุ่งมองที่ภาพใหญ่

ชนชาติฮีบรูที่เคยหลบภัยความอดอยากเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ ถูกบังคับจากฟาโรห์ให้เป็นแรงงานทาส ทำให้ชีวิตของชาวฮีบรูขมขื่น ต้องตรากตรำทำงานหนัก เมื่อโมเสสเห็นคนถูกกระทำอย่างทารุณ เขาพุ่งความสนใจไปที่ความไม่เป็นธรรมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที โดยไม่มีการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน ซึ่งสถานการณ์ที่จะลงมือจัดการกอบกู้ชาวฮีบรูที่ถูกข่มเหงทารุณและการตกเป็นทาสให้เป็นไทนั้นเป็น “พระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้นที่จะจัดการได้” ซึ่งแผนการนี้ไม่เกิดขึ้นจนกว่า 40 ปีต่อมา

(3) โมเสสทำตามหลักการเหตุผลของเขามากกว่าที่จะฟังพระเจ้า

เราก็มักจะทำเช่นนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เรามักจะประเมินแล้วก็ลงเอยด้วยการตัดสินใจอย่างผิดพลาดว่าจะทำอย่างไรบนความเข้าใจที่จำกัดของตนเอง แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว พระองค์รู้ชัดว่าควรจะตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรที่จะเหมาะสมที่สุด และพระองค์พร้อมและเต็มใจที่ช่วยเรา ถ้าเราจะแสวงหาการทรงชี้นำของพระองค์

(4) โมเสสทำตามสิ่งกระตุ้นในตนเองมากกว่าที่จะแสวงหาความเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เขาทำ

ความต้องการของโมเสสคือ การปกป้องแรงงานทาสฮีบรู แต่เขามิได้คิดพิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน ถึงแม้ว่าการปกป้องคนที่ไม่มีทางสู้เป็นสิ่งที่ดี โมเสสควรคิดพิจารณาว่า การกระทำที่หุนหันพลันแล่นของตนนั้นเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดที่จะนำถึงความสำเร็จหรือไม่?

ผู้คนมักตอบโต้เหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างใจร้อนหุนหันพลันแล่นจากสาเหตุดังนี้

  • เพราะมุมมอง หรือ ทัศนคติของเขาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  • เพราะอคติที่เขามีต่อสถานการณ์นั้น
  • เพราะความเห็นแก่ตัว


เมื่อเราตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่หุนหันลันแล่น เรามักต้องพบกับความเสียใจในภายหลัง พระเจ้าประสงค์ให้เราแสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ต่อสถานการณ์นั้นก่อน

(5) โมเสสกระทำด้วยพละกำลังของตนเองมากกว่าด้วยพลังจากพระเจ้า

กำลังของมนุษย์นั้นจำกัด แต่พระเจ้าทรงฤทธานุภาพ ซึ่งต่อมาภายหลังฤทธานุภาพของพระองค์ได้สำแดงออกมาเมื่อพระองค์นำพวกชนชาติฮีบรูออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ และทำลายกองทัพอันเกรียงไกรของมหาอำนาจอียิปต์กลางทะเลแดง   

(6) โมเสสกระทำด้วยอารมณ์โกรธ

ถ้าเราถูกครอบงำด้วยความโกรธแทนที่จะมีจิตใจแห่งการยกโทษ ความโกรธจะซ่อนตัวอยู่ในจิตใจของเรา เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมสำหรับมัน (เอเฟซัส 4:26) และถ้ามันได้โอกาสก็จะทำให้เราตอบสนองสถานการณ์นั้น ด้วยการทำให้เกิดความเจ็บปวด การทำร้ายทำลาย และกลายเป็นอุปสรรคสำหรับเราต่อไป

(7) โมเสสมิได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของเขา

แทนที่เราจะตอบสนองสถานการณ์นั้นด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่น เราควรคิดพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวจากการตัดสินใจในการกระทำของเรา ซึ่งในบางเรื่องอาจจะเกิดผลกระทบต่อตลอดชีวิตของเรา  

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น