27 กุมภาพันธ์ 2563

รู้เท่าทันความขัดแย้ง...เป็นสงครามระหว่างพระเจ้ากับมารร้าย (ต่อ)


ในข้อเขียนที่ผ่านมา ได้กล่าวถึง “การรู้เท่าทันความขัดแย้ง” ซึ่งคู่ต่อสู้ตัวจริงคือ การต่อสู้ระหว่างวิญญาณชั่วกับพระเจ้า มิใช่เราต่อสู้กับอำนาจชั่ว และสังเวียนของการต่อสู้คือในพื้นที่ชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้น เราต้องมีพระเยซูคริสต์เป็นพระกำลังในชีวิตของเรา ทรงทำพระราชกิจในชีวิต และ ผ่านชีวิตของเรา ซึ่งได้เสนอการรู้เท่าทัน 4 ประเด็นสำคัญ ส่วนข้อเขียนตอนนี้รู้เท่าทันความขัดแย้ง ซึ่งเป็นสางครามทางจิตวิญญาณมิใช่สงครามทางเนื้อหนัง   มีประเด็นสำคัญ 3 ประการด้วยกันคือ...

5. ในความขัดแย้ง ท่านไม่ได้ต่อสู้กับเลือดและเนื้อ

มารต้องการให้ท่านคิดว่ามัคนายกคนนั้นที่ต่อต้านวิสัยทัศน์ของท่านคือศัตรูของท่าน – คนหนึ่งในทีมงานอภิบาลคือคนที่ทำลายความฝันของท่านเป็นศัตรูของท่าน – คู่ชีวิตที่ค่อนแคะจู้จี้ท่านเป็นศัตรูของท่าน – อนุชนที่ถกเถียงกับท่านไม่ตกฟากเป็นศัตรูของท่าน แต่พระวจนะของพระเจ้าสอนเราอย่างชัดเจนว่า คนเหล่านี้มิใช่ศัตรูตัวจริงของเรา ตราบใดที่มารทำให้เราหลงผิดให้มองศัตรูฝ่ายเนื้อหนังและเลือด ก็จะทำให้เราต่อสู้กับมารด้วย “อาวุธฝ่ายเนื้อหนังและเลือด”

แต่พระวจนะของพระเจ้าบอกถึงการต่อสู้ของเราว่า “เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง เทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพของโลกอันมืดมนนี้ และต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในย่านฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12 อมธ.) ดังนั้น อาวุธฝ่ายเนื้อและเลือด เช่น การจัดการ การโต้เถียง การนินทา การใส่ร้าย การเอากฎหมายเข้าบังคับ มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยในการต่อสู้นี้ แท้จริงแล้วมันกลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม จนกว่าเราเชื่ออย่างจริงจังว่า เรากำลังปล้ำสู้กับอำนาจแห่งวิญญาณชั่วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เราจะไม่สามารถเห็นถึงรากเหง้าที่แท้จริงของปัญหา และนี่เองที่คริสตจักรมักติดในกับดักในวงจรอุบาทว์แห่งความขัดแย้ง  ครั้งแล้วครั้งเล่า

6. เลิกสู้อย่างคนไร้ความเชื่อในภาวะขัดแย้ง

เปาโลบอกเราแล้วว่า เราต้องหยุดที่จะใช้ “อาวุธ” ฝ่ายเลือดเนื้อในการต่อสู้กับวิญญาณชั่วแห่งความขัดแย้ง แต่เรากลับพบคริสตจักรใช้ “อาวุธฝ่ายเลือดเนื้อ” นี้อยู่บ่อยครั้ง ได้แก่ การข่มขู่ เยาะเย้ย คุกคาม และเป็นพันธมิตรที่ไม่บริสุทธิ์กับบุคคลหรือกลุ่มที่มีอำนาจ พลังของการต่อสู้กับอำนาจชั่วแห่งความขัดแย้งในคริสตจักรมักใช้ การตำหนิ การนินทา การจัดการกับคนที่ขัดแย้ง และการระงับการช่วยเหลือ หรือแสดงถึงการไม่ยอมรับคน ๆ นั้น

แต่เปาโลบอกเราว่า  “4อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธของโลก แต่เป็นอาวุธที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถทำลายล้างที่มั่นต่าง ๆ ได้ 5เราทำลายล้างประเด็นโต้แย้งและคำแอบอ้างทั้งปวงที่ตั้งตัวขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และเราสยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์”  (2โครินธ์ 10:4-5 อมธ.)  คิดถึง “ข่าวปลอมข่าวเท็จ” ที่แพร่ระบาดในขณะนี้

อาวุธของโลกจะเป็นการ “ทำชั่วตอบแทนชั่ว” ซึ่งในที่สุดจะได้รับแต่การสูญเสีย พระเจ้าทรงเรียกให้คริสตชนใช้แบบพระคริสต์ ที่พระองค์ให้ชีวิตของพระองค์เอง เพื่อหยุดยั้งความชั่วที่คนอื่นกระทำต่อพระองค์ พระองค์ทรงใช้ความรักเมตตาที่เสียสละ เพื่อกอบกู้เราออกจากวงจรอุบาทว์แห่งความขัดแย้ง

แต่คริสตชนส่วนใหญ่กลับไป “เสี่ยง” ใช้อาวุธแห่งโลกนี้ ที่เราใช้อาวุธนี้ เพราะเราคิดว่ามันเกิดผล แต่มักเกิดผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น และมีข้อจำกัดมากมาย เราอาจจะเอาชนะศัตรูได้แต่เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ในระยะยาวเราสูญเสียมากมาย

7. จงวางใจในอาวุธที่พระเจ้าประทานแก่ท่าน เมื่อจัดการความขัดแย้ง

การอธิษฐานเป็นอาวุธทางจิตวิญญาณที่คริสตชนส่วนใหญ่มองข้ามในภาวะความขัดแย้ง และนี่คือสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งในชีวิตคริสตชนไทยของเรา ทำไมถึงบอกว่า การอธิษฐานคืออาวุธอันทรงพลังในการรับมือจัดการกับภาวะความขัดแย้ง?
  • การอธิษฐานเป็นการนำเรากลับมายังแก่นกลางชีวิตคริสตชนของเรา การอธิษฐานช่วยเรากลับมาตระหนักใหม่ว่าพระเจ้าเป็นใคร และเราเป็นใครในฐานะบุตรของพระองค์
  • การอธิษฐานดึงเราเข้าสู่มุมมองนิรันดร์ ดังนั้นเราจึงไม่ได้ติดแหงกอยู่กับมุมมองแบบกระแสสังคมโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
  • การอธิษฐานจะช่วยเปิดเผย/สำแดงมุมมองนิรันดร์ของพระเจ้าต่อภาวะความขัดแย้งที่เรากำลังประสบอยู่ และทรงช่วยให้เราเข้าใจรากเหง้าความขัดแย้งดังกล่าวอย่างถูกต้องและชัดเจนมากยิ่งขึ้น


ขอเสนอในที่นี้ว่า การอธิษฐานเพื่อการปล้ำสู้ของทุกคนที่ตกอยู่ในภาวะแห่งความขัดแย้ง ให้ทุกคนที่อธิษฐานในภาวะนี้ด้วยการยอมจำนนที่จะให้ความนึกคิดและความคิดเห็นของตนอยู่ใต้การครอบคลุมควบคุมจากความคิดเห็นของพระเจ้า ยอมจำนนความสนใจของตนให้อยู่ภายใต้การครอบคลุมและควบคุมจากน้ำพระทัย (หรือความสนใจ) ของพระเจ้า และยอมจำนนให้ความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังประสบให้เป็นไปตามความเข้าใจตามน้ำพระทัยพระเจ้า

การยกโทษ

เป็นอีกอาวุธหนึ่งอันทรงพลังทางจิตวิญญาณที่จะปลดปล่อยทุกคนที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งนั้น อย่าลืมการมีชีวิตที่ยกโทษของท่าน ซึ่งอาจจะเป็นการทรงเรียกของพระเจ้าให้ท่านเป็นผู้เริ่มต้นก้าวแรกของการยกโทษที่เป็นการรักษาเยียวยาชีวิตความขัดแย้งอย่างแท้จริง พระเจ้าอาจจะทรงเรียกให้ท่านยอมละทิ้ง “สิทธิ” หรือ “อภิสิทธิ์” ส่วนตนของท่าน พระองค์อาจจะทรงเรียกให้ท่านพูดถึงสัจจะความจริงด้วยความรักเมตตาในภาวะของความขัดแย้ง ท่านไม่ควรที่จะสู้ให้ได้ชัยชนะเหนืออำนาจชั่วทั้งหลาย จนกว่าตัวท่านเองสามารถเอาชนะอำนาจแห่งความชั่วร้ายในตัวท่านเองโดยพระคุณของพระเจ้าก่อน ขอให้เราใคร่ครวญจากพระธรรมเอเฟซัส 4:25-32  และ โรม 12:10-21  

การแก้ไขความขัดแย้ง เริ่มต้นที่ตัวเราก่อนครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น