08 พฤษภาคม 2555

ภาวะผู้นำเริ่มที่ “ใจ” (ตอนที่ 2): เมื่อจริยธรรมของผู้นำสะดุดล้ม


อ่าน 2 ซามูเอล บทที่ 11

ดาวิดสั่งอุรียาห์ว่า  “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย”  อุรียาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง  และมีคนนำของประทานจากพระราชาตามหลังเขาไปด้วย   แต่อุรียาห์นอนที่ประตูพระราชวังพร้อมกับมหาดเล็กทั้งหมดของเจ้านายของเขา  และไม่ได้ไปที่บ้านของเขา... 

ดาวิดทรงเรียกเขามา  เขาก็รับประทานและดื่มเฉพาะพระพักตร์   และพระองค์ทรงทำให้เขามึนเมา   ในตอนเย็นเขาก็ออกไปนอนกับพวกข้าราชการของเจ้านายของเขา  แต่ไม่ได้ลงไปบ้านของเขา...

พอรุ่งเช้าดาวิดทรงเขียนถึงโยอาบ และส่งไปกับมืออุรียาห์   ดาวิดทรงเขียนจดหมายนั้นว่า  “จงตั้งอุรียาห์ให้อยู่กองหน้าของการรบที่ดุเดือดที่สุด  แล้วให้พวกเจ้าถอยไปจากเขา  เพื่อให้เขาถูกฆ่าตาย...

เมื่อภรรยาของอุรียาห์ทราบว่า  อุรียาห์สามีของนางสิ้นชีวิตแล้ว  นางก็คร่ำครวญเรื่องสามีของนาง  เมื่อการไว้ทุกข์ผ่านไปแล้ว  ดาวิดก็ส่งคนให้ไปรับนางมาที่พระราชวัง  และนางก็ได้เป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์  ประสูติโอรสองค์หนึ่งให้พระองค์  แต่สิ่งซึ่งดาวิดทำนั้นชั่วร้ายในสายพระเนตรพระยาเวห์  (2ซามูเอล 11:8-9, 13, 15 และ 27)

สิ่งสำคัญประการหนึ่งในภาวะผู้นำคือ การมีจริยธรรมคุณธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า   และภาวะผู้นำที่ไร้คุณธรรมและจริยธรรมนั้นก็มีรากมาจาก “ใจ” เช่นกัน   พระคัมภีร์ได้เตือนในเรื่องนี้ไว้มากมาย   ในพระธรรมปฐมกาลได้ชี้ให้เห็นเด่นชัดว่า “พระยาเวห์ทรงเห็นความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน  และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดมา” (ปฐมกาล 6:5 ฉบับมาตรฐาน)  การคิดการตัดสินใจในการกระทำเรื่องต่างๆ ของมนุษย์ล้วนมาจาก “ใจ” ทั้งสิ้น “จงระมัดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด  เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” (สุภาษิต 4:23)  และที่สำคัญคือสิ่งชั่วสิ่งร้ายที่มนุษย์กระทำก็ล้วนมาจากใจภายในทั้งสิ้น  “ความคิดชั่วร้าย  การฆ่าคน  การเป็นชู้  การล่วงประเวณี  การขโมย  การเป็นพยานเท็จ  การใส่ร้ายก็ล้วนออกมาจากใจ” (มัทธิว 15:19 ฉบับมาตรฐาน)  

ผู้นำประเทศอย่างกษัตริย์ดาวิดก็ติดกับดัก “จากใจ” ของตนเองเช่นกัน  ยังผลให้คุณธรรมจริยธรรมของเขาต้องสะดุดล้มลง   สร้างความด่างพร้อยแก่ชีวิตของตนมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ   เรื่องการวางแผนแย่งชิงนางบัทเชบาจากอุรียาห์ทหารที่จงรักภักดี สัตย์ซื่อ และมีวินัยในกองทัพของตน   ทั้งหมดนี้กษัตริย์ดาวิดผู้นำอิสราเอลต้องล้มคว่ำคะมำลงทั้งชีวิต   เพราะเขาเป็นผู้นำที่ล้มเหลวในทางจริยธรรม  จะเรียกว่าเป็นการสร้างความวิบัติหายนะด้านจริยธรรมในประเทศอิสราเอลก็ว่าได้   ที่ว่าสิ่งเหล่านี้มาจาก “ใจ” ของผู้นำอย่างกษัตริย์ดาวิดเพราะเขาคิด ไตร่ตรองเป็นขั้นเป็นตอน   เพียงเพื่อให้ได้นางบัทเชบามาเป็นมเหสีของตน  และเพื่อปิดบังสิ่งที่ตนและนางบัทเชบาได้ผิดประเวณีจนตั้งท้อง

ให้เราศึกษาถึงแผนการร้ายจาก “ใจ” ของกษัตริย์ดาวิดที่วางแผนอย่างแยบยลเป็นขั้นเป็นตอน   และนี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าดาวิดในฐานะผู้นำของอิสราเอลตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่เป็น “วิบัติจริยธรรม” ในเวลานั้น

1. ดาวิดเห็นบางบัทเชบาอาบน้ำอยู่เกิดถูกตาต้องใจ  ใช้ความเป็นผู้นำที่มีอำนาจสืบค้นข้อมูลของหญิงงามคนนั้น   ดาวิดรู้ว่านางมีสามีแล้ว  สามีเป็นทหารรับใช้ในกองทัพของตนที่กำลังรับใช้ประเทศชาติในสนามรบ   แต่เพราะต้องการตอบสนอง “ใจ” ของตนเองที่มันเรียกหานาง   ส่งคนไปรับนางมาแล้วลงเอยด้วยการมีเพศสัมพันธ์ผิดประเวณีกับนาง   พระคัมภีร์ได้บันทึกชัดเจนว่า  นางบัทเชบาไม่ได้ท้องกับสามีของตนมาก่อน   เพราะก่อนหน้านี้เจ็ดวันนางมีประจำเดือน   และหลังจากนั้นนางตั้งครรภ์   และแน่นอนเป็นการตั้งครรภ์กับดาวิด   เป็นลูกที่เกิดจากการผิดประเวณี   และในเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้คนที่รู้เห็นด้วย   อย่างน้อยที่สุดทหารลิ่วล้อของดาวิดที่พานางบัทเชบาเข้าวัง  และผู้ที่เป็นคนกลางสื่อสารระหว่างบัทเชบากับกษัตริย์ดาวิด

2. เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนที่ผู้นำประเทศกระทำผิดจริยธรรมทางเพศ   กษัตริย์ดาวิดวางแผนเรียกตัวอุรียาห์สามีของนางบัทเชบากลับจากแนวรบสงคราม  เพราะหวังว่าเมื่อกลับมาเขาจะกลับบ้านไปหลับนอนกับนางบัทเชบาผู้เป็นภรรยา   ก็จะได้ “สวมเขา” ว่า ที่นางบัทเชบาท้องเพราะการกลับมาของอุรียาห์   แต่เนื่องจากอุรียาห์ เป็นทหารที่จงรักภักดี และ สัตย์ซื่อต่อกองทัพ  เขาไม่ยอมกลับไปกินนอนสะดวกสบายที่บ้าน   แต่เขากลับไปนอนที่ประตูพระราชวังกับพวกมหาดเล็ก (2 ซามูเอล 11:6-9) ความทราบถึงกษัตริย์ดาวิดและรู้ว่าแผนการขั้นที่หนึ่งล้มเหลว   ผู้นำอย่างดาวิดใช้แผนขั้นที่สองอย่างไร้จริยธรรม

3. ดาวิดให้ทหารพาอุรียาห์เข้าวังมาเลี้ยงพร้อมกับมอมเหล้า   โดยหวังว่าเมื่อเมาแล้วจะกลับไปหลับนอนกับภรรยา   แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลังจากนั้นอุรียาห์ก็ไปนอนกับพวกข้าราชการของเจ้านายของเขา (ข้อ 13)

4. เมื่อกษัตริย์ดาวิดเห็นว่า  แผนขั้นที่สองล้มเหลวคงคิดในใจว่า หมดทางเลือก   จึงส่งอุรียาห์กลับไปยังกองทัพที่กำลังทำสงครามอยู่   แต่มีการสั่งอย่างเป็นการลับให้โยอาบที่เป็นแม่ทัพช่วยจัดการต่อ  โดยสั่งว่า “จงตั้งอุรียาห์ให้อยู่กองหน้าของการรบที่ดุเดือดที่สุด  แล้วให้พวกเจ้าถอยไปจากเขาเพื่อให้เขาถูกฆ่าตาย” (ข้อ 15)   ครั้งนี้ อุรียาห์ตายตามแผนการชั่วร้ายของดาวิดที่คิดจาก “ใจ”   ที่แย่กว่านั้นคือ สำนึกทางด้านจริยธรรมของกษัตริย์ดาวิดเลวร้ายลงอย่างยิ่ง  จนมองว่าการที่ทหารคนหนึ่งถูกฆ่าตายเป็นเรื่องธรรมดาในสงคราม   กษัตริย์ดาวิดส่งข่าวไปยังโยอาบที่กำลังคุมกองทัพอยู่ว่า  “อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านทุกข์ใจ   เพราะดาบย่อมสังหารไม่ว่าคนนั้นหรือคนนี้...” (ข้อ 25)  แต่การตายของอุรียาห์ไม่ธรรมดา เพราะเขาตายเพราะ “ใจ” ของดาวิดที่ไร้จริยธรรม   และไม่คำนึงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า

5. เมื่ออุรียาห์ตาย  กษัตริย์ดาวิดก็ทำความดีในสายตาคนทั่วไป แต่เป็นความชั่วร้ายจาก “ใจ” ที่เป็นความวิบัติทางจริยธรรม   ผู้นำอิสราเอลอย่างดาวิดให้นำนางบัทเชบามาอยู่เป็นมเหสีในวัง (ข้อ 26-27)  เป็นเหมือนกษัตริย์ผู้มีใจเมตตาต่อภรรยาของทหารหาญที่เสียชีวิต  จึงชุบเลี้ยงเป็นภรรยา   และพระคัมภีร์บทนี้ปิดท้ายด้วยประโยคที่เจ็บปวดที่สุดคือ “...แต่สิ่งซึ่งดาวิดกระทำนั้นชั่วร้ายในสายพระเนตรของยาเวห์” (ข้อ 27  

ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวไว้ว่า 

จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า?  
(17:9 ฉบับมาตรฐาน)



ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น