อ่าน 2ซามูเอล 12:1-15
นาธันทูลดาวิดว่า “ฝ่าพระบาทนั่นแหละคือชายคนนั้น พระยาเวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘...ทำไมเจ้าดูหมิ่นพระวจนะของพระยาเวห์?
ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระองค์
เจ้าประหารอุรียาห์คนฮิตไทต์ด้วยดาบ
เอาภรรยาของเขามาเป็นภรรยาของเจ้า...’ ฝ่าพระบาทได้หมิ่นประมาทพระยาเวห์จริงๆ ด้วยการกระทำครั้งนี้ ราชโอรสที่ประสูติมานั้นจะสิ้นพระชนม์แน่นอน” (2ซามูเอล 12:7, 9, และ 14; ฉบับมาตรฐาน)
เมื่อผู้นำคริสตจักร ผู้นำองค์กรศาสนา ผู้นำสถาบันคริสเตียน ผู้นำประเทศชาติลื่นล้มลงในด้านจริยธรรม เมื่อรากฐานความถูกต้องถูกละเมิดทำลาย
ในยามที่จริยธรรมของผู้นำวิบัติเช่นนี้องค์กรจะทำเช่นไร?
เมื่อกษัตริย์ดาวิดในฐานะผู้นำของชุมชนอิสราเอลกลายเป็นผู้ทำลายรากฐานความถูกต้องของชุมชน
ในเวลาที่ภาวะผู้นำด้านจริยธรรมของกษัตริย์ดาวิดดิ่งต่ำลงสุดๆ นาธันผู้เผยพระวจนะได้ใช้ภาวะผู้นำในการ
“กระตุก” ต่อมสำนึกจริยธรรมของดาวิด
เพื่อเรียกสำนึกในความเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าคืนมา
การกระทำของผู้เผยพระวจนะนาธันเป็นการกระทำภาวะผู้นำที่สุ่มเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผู้เผยพระวจนะนาธันกับกษัตริย์ดาวิดจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไว้วางใจและเคารพกันและกัน
แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้โอกาสที่ความสัมพันธ์ที่ดีอาจแตกหักฉีกขาดอย่างรุนแรงได้ เพราะกษัตริย์ดาวิดมีอำนาจมากมาย กำลังเป็นฮีโร่ของประชาชน สร้างชาติให้มั่นคงและมั่งคั่ง
ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างผู้เผยพระวจนะนาธันกับกษัตริย์ดาวิด แน่นอนครับประชาชนและเหล่าบรรดาข้าราชการ และ
กองทัพต่างยืนเคียงข้างกษัตริย์ดาวิดอย่างแน่นอน
อีกประการหนึ่ง เรื่องราวความวิบัติทางจริยธรรมของกษัตริย์ดาวิดมิได้เป็นเรื่องเปิดเผยในที่สาธารณะ
มีผู้รู้ผู้ร่วมในการนี้ในวงจำกัด
และคนกลุ่มนี้ย่อมมีความสนิทชิดเชื้อกับกษัตริย์ดาวิดอย่างไม่ปกติ
จนถึงขั้นการเอื้อผลประโยชน์แก่กันไม่ว่าการกระทำนั้นจะถูกต้องหรือไม่ เช่นพวกทหารลิ่วล้อที่นำนางบัทเชบามาตอบสนองตัณหาของกษัตริย์ดาวิด
การที่แม่ทัพโยอาบยอมที่จะทำตามแผนลับที่ทำให้อุรียาห์ถูกศัตรูฆ่าตาย ดังนั้น
การที่จะพิสูจน์ให้กษัตริย์ดาวิดเห็นว่าตนกระทำผิดพระบัญญัตินั้นย่อมถูกกลบเกลื่อนบิดเบือนด้วยเหตุผล
และหลักฐานที่สร้างขึ้นภายหลังได้
กล่าวคือยากที่จะเอาผิดกษัตริย์ดาวิดด้วยหลักนิตินัย หรือ เหตุผลและหลักฐานพิสูจน์
เพราะสามารถบิดเบือนและหาแพะมารับบาปนี้ได้ เช่น
กษัตริย์ดาวิดอาจจะชี้แจงกับประชาชนว่า อุรียาห์มิได้ตายด้วยดาบของตน
แต่เขาตายในสงครามด้วยดาบของคนอัมโมนซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาว่าเมื่อทหารออกศึกย่อมมีโอกาสพลาดถึงแก่ชีวิตได้
อย่างที่ดาวิดพูดปลอบใจโยอาบที่ยอมร่วมกระทำผิดตามแผนลับว่า
“...อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านทุกข์ใจ
เพราะดาบย่อมสังหารไม่ว่าคนนั้นหรือคนนี้...” (2ซามูเอล
11:25)
ดังนั้น
ภาระความรับผิดชอบและภาวะผู้นำในวิกฤติจริยธรรมนี้ของนาธันจึงมิใช่การหาหลักฐานพิสูจน์ว่าทำผิดอะไร
แต่ภารกิจที่หนักคือการกระตุกต่อมจริยธรรมของผู้นำที่ล้มเหลวด้านจริยธรรม
ในวิกฤติจริยธรรมของกษัตริย์ดาวิดที่สร้างความวิบัติในสังคมชุมชนอิสราเอล
ผู้เผยพระวจนะนาธันได้ใช้ภาวะผู้นำด้านความกล้าหาญ ลุ่มลึกชาญฉลาด และสำนึกในการเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ซึ่งมีกระบวนการที่น่าสนใจดังนี้
1. เป็นภารกิจที่พระเจ้าทรงใช้: ในข้อแรกของพระธรรม 2ซามูเอล บทที่ 12 กล่าวว่า
“พระยาเวห์ใช้นาธันไปหาดาวิด
นาธันก็ไปเข้าเฝ้าและทูลพระองค์ว่า...” (ข้อที่ 1) ที่ผู้เผยพระวจนะนาธันกระทำในฐานะผู้นำที่ตนเป็นผู้เผยพระวจนะเพราะ
“พระเจ้าทรงใช้ให้ไป” ภาวะผู้นำที่ต้องทำหน้าที่ในวิกฤติจริยธรรมคือ
กล้ากระทำเพราะพระเจ้าทรงใช้
กระทำด้วยสำนึกว่ากำลังกระทำตามที่พระเจ้าใช้ไป มิได้กระทำเพราะตนเห็นว่าต้องกระทำ หรือเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ต้องแก้ไข หรือเพราะเป็นผู้เผยพระวจนะ(ตำแหน่งหน้าที่)เท่านั้น แต่ฝืนและขัดขืนไม่ได้เพราะพระเจ้าใช้ไป
ดังนั้นเมื่อไปเผชิญหน้ากับกษัตริย์ดาวิดสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะนาธันต้องกระทำคือ
กระทำตามที่พระเจ้าใช้ให้ไปทำมิใช่ไปกระทำตามสิ่งที่ตนเห็นว่าต้องกระทำ
หรือ ควรกระทำ ผมเชื่อแน่ว่า
ผู้เผยพระวจนะนาธันต้องใช้เวลาในการแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าในสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายลงนี้
2. เรียกความสำนึกคืนมา: การมาครั้งนี้ของผู้เผยพระวจนะนาธันมิได้มาเพื่อชี้ชัดความผิดของกษัตริย์ดาวิด แต่พระเจ้าเปิดเผยให้นาธันเห็นว่า กษัตริย์ดาวิดกำลังสูญเสียสำนึกในความเชื่อศรัทธาของเขาที่เคยมีต่อพระเจ้า ดังนั้น
ผู้เผยพระวจนะนาธันจึงมิได้มาเพื่อจู่โจมว่ากษัตริย์ดาวิดทำผิด แต่มาในฐานะที่มาเล่าเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล เรื่องความอยุติธรรมในชุมชน
นาธันมาเพื่อปรึกษาขอการตัดสินในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มิใช่การมุ่งชี้ผิดของดาวิด และเรียกสำนึกบนรากฐานความเชื่อศรัทธาคืนมา
เมื่อผู้เผยพระวจนะนาธันเล่าเรื่องคนมั่งมีที่ไปแย่งแกะของคนจนมาเลี้ยงแขก ทันทีต่อมจริยธรรมของกษัตริย์ดาวิดกลับมาทำงานทันที
ผมเห็นภาพของกษัตริย์ดาวิดพรวดลุกขึ้นทันทีและประกาศกับผู้เผยพระวจนะนาธันว่า “พระยาเวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คนที่ทำเช่นนั้นสมควรตาย
และจะต้องคืนลูกแกะตัวเมียให้สี่เท่าเพราะเขาได้ทำสิ่งนี้(อ้างตามพระบัญญัติจาก
อพยพ 22:1)
และเพราะเขาไม่มีความเมตตา” (ข้อ 5-6) แน่นอนครับ
ต่อมสำนึกตามความเชื่อศรัทธาของกษัตริย์ดาวิดกำลังกลับมาทำงานและบอกตนเองว่า
ต้องไม่มีความอยุติธรรมและความชั่วช้าเช่นนี้ในแผ่นดินอิสราเอล ถ้ามีต้องขจัดออกไปให้หมด
3.
สำนึกบนความเชื่อศรัทธา: เมื่ออ่านพระธรรมตอนนี้เรามักให้ความสนใจและคามสำคัญกับการจู่โจมของผู้เผยพระวจนะนาธันที่กล่าวจู่โจมกษัตริย์ดาวิดว่า
“ฝ่าพระบาทนั่นแหละคือชายคนนั้น...”(ข้อ 7)
แต่สิ่งที่ผู้เผยพระวจนะนาธันต้องการทำให้กษัตริย์ดาวิดเข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจนว่า นี่มิใช่เพียงเพราะกษัตริย์ดาวิดทำผิดพระบัญญัติ
เพราะถ้าเป็นการทำผิดพระบัญญัติก็จะต้องมีการ “ตีความ” ดาวิดจะใช้เหตุผล และ
เรียกร้องหลักฐานมาพิสูจน์
แต่นาธันชี้ชัดลงไปว่ากษัตริย์ดาวิดกำลังกระทำผิดต่อพระเจ้า
ซึ่งเป็นการจี้ลงไปที่สำนึกบนความเชื่อศรัทธาของกษัตริย์ดาวิด(ที่กลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง) ผู้เผยพระวจนะนาธันกล่าวว่า
พระเจ้าตรัสถามดาวิดว่า “ทำไมเจ้าดูหมิ่นพระวจนะของพระยาเวห์? (ทำไม)เจ้าทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระองค์?
(ทำไม)เจ้าประหารอุรียาห์คนฮิตไทต์ด้วยดาบของคนอัมโมน?
(ทำไม)เจ้าเอาภรรยาของอุรียาห์คนฮิตไทต์มาเป็นภรรยาของเจ้า?...
เพราะเจ้ากระทำการนั้นอย่างลับๆ
แต่เราจะกระทำการนี้ต่อหน้าอิสราเอลทั้งสิ้นอย่างเปิดเผย” (ข้อ 9-10
และ 13)
ผู้เผยพระวจนะนาธัน
มิเพียงแต่กระตุกต่อมสำนึกที่กระทำผิดพระบัญญัติ
ทำผิดกฎระเบียบสังคมชุมชนอิสราเอลเท่านั้น
แต่สิ่งที่ผู้เผยพระวจนะนาธันกระทำคือ
การกระตุกที่ต่อมสำนึกบนรากฐานความเชื่อศรัทธาที่กษัตริย์พึงมีต่อพระยาเวห์
เพื่อเมื่อสำนึกผิดจะเป็นการสำนึกว่าตนกระทำผิดต่อพระยาเวห์ มิใช่การทำผิดพระบัญญัติเท่านั้น แต่ถ้าสำนึกตนว่าได้กระทำผิดต่อพระยาเวห์ ดาวิดต้องสารภาพต่อพระยาเวห์ ต้องหันกลับมาหาพระเจ้า และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ใหม่กับพระองค์
และแน่นอนว่ากษัตริย์ดาวิดจะกลับมากระทำตามพระวจนะ และ
พระประสงค์ของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
ผู้เผยพระวจนะรู้แน่แก่ใจว่า
พระเจ้ามิได้เรียกตนมาหากษัตริย์ดาวิดเพื่อชี้ว่าเขากระทำผิดกฎระเบียบหรือพระบัญญัติเท่านั้น แต่ผู้เผยพระวจนะนาธันรู้ว่า
พระเจ้าทรงเรียกตนมาหากษัตริย์ ดาวิดเพื่อให้ดาวิดสำนึกที่ตนกระทำผิดต่อพระเจ้า
และกลับใจหันกลับมาเชื่อฟังพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น