อ่าน
กาลาเทีย 6:1-5
1พี่น้องทั้งหลาย
แม้จับใครที่ละเมิดประการใดได้ พวกท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ
จงช่วยคนนั้นด้วยใจสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่
โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกทดลองด้วย
2จงช่วยรับภาระของกันและกัน
และด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์
3เพราะว่าถ้าใครถือตัวว่าเป็นคนสำคัญ
ทั้งๆ ที่เขาไม่สำคัญอะไรเลย เขาก็หลอกตัวเอง
4แต่ละคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง
แล้วจึงจะมีอะไรอวดได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเปรียบกับผู้อื่น
5เพราะว่าแต่ละคนต้องรับภาระของตัวเอง
(มตฐ)
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้สมาชิก
หรือ อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์คือคริสตจักรอยู่แยกต่างหากตัวคนเดียว พระองค์ประสงค์ให้แต่ละอวัยวะ หรือ
สมาชิกแต่ละคนทำหน้าที่ประสานกันและกันเพื่อทั้งร่างกายทำหน้าที่อย่างสอดรับกัน
คริสตจักรจึงเป็นเหมือนครอบครัวของพระเจ้าที่แต่ละคนในครอบครัวนี้จะต้องเอาใจใส่กันและกัน
แต่ถ้ามีคนหนึ่งคนใดในครอบครัวนี้เกิดสะดุดล้มในการประพฤติหรือในการดำเนินชีวิตคริสตชน สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวจะมีบทบาทและรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอย่างไร? ท่านเปาโลได้เขียนในเรื่องนี้ไว้ว่า “ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ” จะต้องช่วยประคับประคองและเสริมหนุนให้สมาชิกคนนั้นในครอบครัวของพระเจ้า
“ตั้งตัวใหม่” อีกครั้งหนึ่ง
ให้เขาสามารถกลับมามีสัมพันธภาพสนิทกับพระเจ้า และ
ร่วมสามัคคีธรรมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวของพระเจ้า หรือ
ชุมชนคริสตจักรอีกครั้งหนึ่ง
“คนที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ”
ในที่นี้มิได้หมายถึงกลุ่มคนในคริสตจักรที่อยู่เหนือ พิเศษ
หรือ ดีกว่าคนอื่นในชุมชนคริสตจักร
หรือก็มิได้หมายถึงกลุ่มที่เป็นผู้นำคริสตจักร หรือคนที่เคร่งครัดในพระศาสนาเท่านั้น แต่ในที่นี้หมายถึงคริสตชนทุกคนในชุมชนคริสตจักรที่ดำเนินชีวิตภายใต้การครอบครองขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
ประเด็นหลักที่สำคัญในเรื่องนี้อยู่ที่
“มุมมอง” หรือ “ทัศนคติ” ของคริสตชนที่ต้องมี “มุมมอง”
แบบพระเยซูคริสต์คือแสวงหาทางที่จะช่วยให้คนที่ชีวิตล้มลงได้มีโอกาสได้ตั้งตัวตั้งต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่งในชุมชนครอบครัวของพระเจ้า มากกว่า “มุมมอง” ของการตัดสิน ตีตรา
และพิพากษา และการที่คริสตชนคนหนึ่งคนใดที่จะมีมุมมองแบบพระคริสต์มีประเด็นที่สำคัญต้องพิจารณาดังนี้
มีพระวิญญาณแห่งใจที่สุภาพอ่อนโยน
ในเวลาที่ทุกข์ยากลำบากเพราะความล้มเหลวในชีวิตเช่นนี้ ตามกระแสสังคมมนุษย์โลกคนๆ นั้นจะตกลงในสภาพชีวิตจิตใจทุกข์ยาก โกรธตนเอง หรือ บางครั้งโกรธจากคนรอบข้าง ถูกตีตรา ตัดสิน พิพากษา เป้าหมายของเราในฐานะคริสตชนที่เป็นอวัยวะหนึ่งในพระวารกายของพระคริสต์มิใช่ทับถมเพิ่มความทุกข์แก่คนนั้น หรือทำให้พี่น้องคนนั้นจมลงในความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเพราะความผิดที่กระทำ
แต่เป็นเวลาที่เราจะต้องเอาใจใส่
เป็นเวลาที่จะสำแดงความรักเมตตาของพระคริสต์ และ
การอภัยแบบพระองค์แก่คนๆ นั้น (2โครินธ์ 2:5-8)
7 ฉะนั้นท่านทั้งหลายควรจะยกโทษและปลอบใจคนนั้นมากกว่า
เพื่อว่าเขาจะไม่จมลงในความทุกข์มากมาย
(มตฐ)
มีพระวิญญาณแห่งใจที่ถ่อม
คริสตชนที่มองว่าตนนั้นอยู่เหนือ
หรือ ดีกว่าคริสตชนที่สะดุดล้มในชีวิต
จะมองคริสตชนคนนั้นแล้วคิดในใจว่า ฉันจะไม่มีทางที่จะกระทำผิดอย่างเขา
แต่คนที่มีพระวิญญาณที่ถ่อมในจิตใจของตนเองจะมองเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า ตนก็มีความจำกัดและอ่อนแอในชีวิตเช่นกัน แทนที่จะกล่าวโทษ ว่าร้าย
หรือตัดสินคนๆ นั้น
แต่เขากลับมองเข้าไปในชีวิตของตน
และตรวจสอบชีวิตของตนเองเพื่อที่ตนจะรู้เท่าทันตนเองจะได้จัดการแก้ไขชีวิตในส่วนที่อ่อนแอของตน
ในวันนี้ให้เราใส่ใจชีวิตของผู้คนรอบข้าง ทั้งญาติพี่น้องในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท
ผู้คนในชุมชนสังคมที่เราสัมผัสสัมพันธ์
เมื่อพบผู้ที่ชีวิตต้องประสบกับสะดุดล้มลง
นั่นเป็นเสียงทรงเรียกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ให้เราหนุนเสริมค้ำชูคนนั้นให้มีโอกาส
“ตั้งตัวใหม่”
และพร้อมที่จะช่วยแบกภาระของเพื่อนบ้านคนนั้นด้วยใจถ่อมและใจสุภาพ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น