03 มิถุนายน 2556

ทำไมพระคริสต์ต้องทำลายกำแพงนั้นลง? (1)

อ่าน เอเฟซัส 2:14-18

14เพราะพระองค์เองทรงเป็นสันติสุข(สันติภาพ)ของเรา   ผู้ทรงทำให้สองพวกกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน  และทรงทำลายสิ่งกีดขวางคือกำแพงแห่งความเกลียดชังที่กีดกั้นลง

15โดยทรงล้มเลิกบทบัญญัติทั้งหมดของชาวยิว  ซึ่งประกอบด้วยข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆด้วยพระกายของพระองค์   จุดประสงค์ของพระองค์คือเพื่อยุบสองฝ่ายและสร้างขึ้นใหม่เป็นหนึ่งเดียวในพระองค์   เช่นนั้นแหละจึงทรงทำให้มีสันติสุข  

16และในกายเดียวกันนี้ทั้งสองพวกจึงกลับคืนดีกับพระเจ้าโดยทางกางเขน   ซึ่งพระองค์ใช้ทำลายความเป็นศัตรูกันให้หมดสิ้นไป  (ข้อ 14-16  อมตธรรม ในวงเล็บ มตฐ)

จากบทใคร่ครวญที่ผ่านมา   เราได้เห็นพระคริสต์ทรงทำลาย “กำแพงแห่งการแบ่งแยก” ระหว่างยิวและคนต่างชาติลงด้วยการที่พระคริสต์ยอมสิ้นพระชนม์ที่กางเขน   การที่พระองค์ยอมสละพระชนม์ชีพของพระองค์บนกางเขนมิเพียงแต่เพื่อความรอดของแต่ละคนเท่านั้น   แต่ทรงเปิดเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อนำไปถึงการสิ้นสุดลงของความเกลียดชังต่อกันในชุมชนของมนุษยชาติ   โดยสามัญสำนึกของเรา  เรารู้สึกว่าการทำให้ความเกลียดชังที่มีต่อกันสิ้นสุดลงเป็นสิ่งที่ดี   แต่เราอาจจะเกิดคำถามหรือแปลกใจว่า   อะไรที่กระตุ้นให้พระคริสต์กระทำเช่นนี้?   นอกจากสามัญสำนึกว่าเป็นการกระทำที่ดีแล้ว   อะไรคือพระประสงค์เฉพาะของพระคริสต์ว่า  ทำไมพระองค์ถึงทรงทำลายกำแพงที่แบ่งแยกยิวและคนต่างชาติลง?

เอเฟซัส 2:15-16  ได้ให้คำตอบต่อคำถามข้างต้นเป็นสองตอนด้วยกัน   ประการแรก  “จุดประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อยุบสองฝ่ายและสร้างขึ้นใหม่เป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์   เช่นนี้แหละจึงทรงทำให้มีสันติสุข” (ข้อ 15 อมตธรรม)   ประการที่สอง   “...และในกายเดียวกันนี้ทั้งสองพวกจึงคืนดีกับพระเจ้าโดย(ทาง)ไม้กางเขน(ของพระคริสต์)...” (ข้อ 16 อมตธรรม  ในวงเล็บผู้เขียนเพิ่มเติม)  ข้อความที่ว่า  “สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพระองค์”   ในภาษากรีกดั้งเดิมของพระธรรมตอนนี้มีความหมายว่า  เป็นพระประสงค์ของพระคริสต์ในการทรงสร้าง “มนุษยชาติใหม่”   

ขอตั้งข้อสังเกตว่า   พระราชกิจแห่งการทรงสร้างใหม่นั้นครอบคลุมไปถึง “การสร้างสันติภาพและสันติสุข” ด้วย   เปาโลได้เน้นย้ำสัจจะความจริงว่า  สันติภาพและสันติสุขมิใช่การจบสิ้นหรือการขจัดความเกลียดชังและความเป็นศัตรูต่อกันระหว่างพวก  ระหว่างคนออกไปเท่านั้น   มากกว่านั้นเป็นการก่อร่างสร้างชุมชนสังคมด้วยรากฐานและพลังแห่งการแผ่ขยายออกของความเป็นหนึ่งเดียวกัน

สถานการณ์ปัจจุบันมีความแตกต่างจากสถานการณ์ในคริสตชนสมัยเริ่มแรก  เราปัจจุบันกลับตกอยู่ในสภาพของการค้นหาตนเองที่เวียนว่ายในความสัมพันธ์ที่แปลกแยก  ขัดแย้ง  และฉีกขาด   อาการเช่นนี้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ส่วนตัวท่ามกลางชีวิตในความสัมพันธ์ของ กลุ่มคน  พรรคพวก  ชุมชน สังคม   บางครั้งสงครามความขัดแย้งที่ก่อเกิดความขัดแย้งฉีกขาดดังกล่าวก็เกิดขึ้นจากการที่แบ่งข้างแบ่งขั้วและฝักใฝ่ในคนใดคนหนึ่ง หรือ พวกใดพวกหนึ่งในที่ทำงาน   บางครั้งเกิดขึ้นในครอบครัว   บางครั้งกลับเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในคริสตจักร   พระประสงค์ของพระเจ้ามิใช่ให้เรายุติจบสิ้นของการเกลียดชังและความเป็นศัตรูต่อที่มาจากการแบ่งแยกเราออกจากกันเท่านั้น   แต่พระองค์ทรงทำการก่อร่างสร้างเราให้เป็นชุมชนสังคมใหม่   เพื่อเป็นการสะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือ เอกภาพของพระเจ้า

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. เมื่อท่านพิจารณาถึงชีวิตและความสัมพันธ์ของท่าน   ท่านเป็นผู้สร้างสันติภาพนำมาซึ่งสันติสุขหรือไม่?

2. ท่านมีส่วนในการหนุนช่วยชุมชนสังคมให้ได้สัมผัสกับความสัมพันธ์ในการเป็น “ชุมชนมนุษยชาติใหม่” ของพระคริสต์ในเรื่องอะไรบ้าง?  และอย่างไร?

ภาวนาใคร่ครวญ

พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยรัก เมตตา และกรุณา

ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเมตตาให้ความสำคัญถึงศักยภาพที่พระองค์มีพระประสงค์จะพัฒนาข้าพระองค์เพื่อใช้ข้าพระองค์ตามพระประสงค์   ขอบพระคุณสำหรับพระราชกิจที่ทรงหยุดยั้งและขจัดความเกลียดชัง  แบ่งแยก  และความเป็นศัตรูกันออกไปจากสัมพันธภาพของมนุษย์   แล้วทรงบ่มเพาะ และ หลอมรวมสัมพันธภาพใหม่ที่สร้างสรรค์ และ หนุนเสริมกันและกัน   เพื่อรวมมนุษย์ทั้งหลายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสันติ และ มีสันติสุขร่วมกัน

องค์พระผู้เป็นเจ้า   พระองค์ทรงทราบถึงตัวข้าพระองค์อย่างดี   ข้าพระองค์มักพลิกเปลี่ยนสันติให้เป็นการต่อสู้ชิงชังกัน  ทั้งความสัมพันธ์ใกล้ชิดในครอบครัว   และความสัมพันธ์ในที่ทำงานของข้าพระองค์ด้วย   บางครั้งก็เกิดขึ้นในความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน   บ้านใกล้เรือนเคียง   เกิดขึ้นในสังคมชุมชน   และเกิดขึ้นในชุมชนคริสตจักรด้วยเช่นกัน

องค์พระผู้เป็นเจ้า  ในโลกกว้างปัจจุบันนี้  เป็นโลกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ และถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความรุนแรง  เกลียดชัง  และด้วยความอยุติธรรม   โปรดให้สันติภาพและสันติสุขของพระคริสต์ได้เปลี่ยนชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลาย และโลกปัจจุบันที่มีสภาพแปลกแยก แตกต่างอย่างชัดเจน    ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอย      “ชาโลม คือสันติสุข” ของพระองค์ที่จะทรงครอบครองและปกคลุมข้าพระองค์ทั้งหลายและทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ ที่จะเกิดขึ้นในที่สุด   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com

081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น