อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 18:1-18
“ท่านเคยหนีหรือไม่?”
สำหรับผมแล้วคงปฏิเสธยาก ชีวิตนี้หนีเอาบ่อยครั้งครับ!
ส่วนใหญ่มิใช่การหนีแบบหนีออกจากบ้าน หนีจากความขัดแย้งไม่ยอมไปพบไปเผชิญหน้ากับคนนั้นหรือสถานการณ์นั้นตรงๆ แต่บ่อยครั้งในชีวิตของเราหนีแบบกลบเกลื่อนความรู้สึก พยายามที่จะไม่พูดถึงมัน
หรือพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์นั้นๆ แต่ก็ยังต้องพบเจอสถานการณ์นั้นโดยบังเอิญ
หรือ เมื่อเลี่ยงไม่ได้ บ้างก็หาเรื่องอื่นทำเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์หรือภาวะความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าว
ส่วนใหญ่เรามักมองว่าการหนีเป็นการตอบสนองแบบคนขี้แพ้ เป็นคนที่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาหรือความขัดแย้งที่ประสบอย่างไร
กล่าวโดยรวมเรามักมองว่าการหนีเป็นการเลือกทางเดินที่ไม่สร้างสรรค์
ในพระคัมภีร์เราพบว่าคนสำคัญๆ ที่เลือกการหนีเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการดำเนินชีวิตในวิกฤติ เช่น
อาดัมและเอวาเมื่อรู้ตัวว่าได้กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า ทั้งสองหลบซ่อนตัวจากพระเจ้า แทนที่จะได้พบปะสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างทุกวัน แต่วันนี้ทั้งสองหลบลี้หนีหน้าจากพระเจ้า เขาทั้งสองไม่ต้องการเผชิญกับพระองค์ เมื่อพระเจ้าเรียกเขาทั้งสอง เขาตอบว่าเขาหลบลี้หนีจากหน้าของพระเจ้าเพราะเมื่อได้ยินเสียงของพระองค์ก็เกิดความกลัว
(ปฐมกาล 3:8-9)
ยาโคบหนีเอซาว
เพราะเอซาวหาทางฆ่ายาโคบที่ไปแย่งพรบุตรหัวปีของตน (ปฐมกาล 27-28)
โมเสสต้องหนีจากอียิปต์เพราะฟาโรห์หาทางกำจัดโมเสสที่ไปฆ่าทหารอียิปต์
(ปฐมกาล 2:14-16)
ดาวิดต้องหนีเตลิดจากกษัตริย์ซาอูลเพราะซาอูลหาทางกำจัดดาวิด เนื่องจากประชาชนนิยมชมชอบดาวิดมากกว่า (1ซามูเอล 18)
ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งที่หนีทุกครั้งเมื่อมีวิกฤติคือ เอลียาห์
ภายหลังที่พระเจ้าทรงให้เอลียห์เผยพระวจนะให้กษัตริย์อาหับรู้ถึงความแห้งแล้งที่พระเจ้าจะทรงให้เกิดขึ้น
พระเจ้าให้เอลียาห์หนีออกจากเมืองให้ไปซ่อนตัวที่ลำธารเครีท
แล้วพระเจ้าทรงเลี้ยงเอลียาห์ด้วยอาหารที่กานำมาทุกเช้าเย็น
และต่อมาพระเจ้าให้หญิงหม้ายชาวศาเรฟัทเป็นคนเลี้ยงเอลียาห์จนกว่าจะผ่านพ้นวิกฤติการกันดารอาหาร
(1พกษ. 17)
เมื่อผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ปรากฏตัวต่อหน้ากษัตริย์อาหับเพื่อท้าพิสูจน์ระหว่างพระเพระเยโฮวาห์ของอิสราเอล
กับพระบาอัล ว่าใครที่เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
สถานการณ์ในตอนนั้นประชาชนต่างคล้อยตามกษัตริย์อาหับไปกราบไหว้บูชาพระบาอัลกันหมด และมองว่าที่ประเทศแห้งแล้ง ทุกข์ยาก
กันดารอาหารก็เพราะผู้เผยพระวจนะเอลียาห์เป็นต้นเหตุ
เมื่อทำให้ประเทศชาติแห้งแล้งทุกข์ยากแล้วก็หนีหน้าไป ดังนั้น
เมื่อกษัตริย์อาหับพบหน้าเอลียาห์อีกครั้งหนึ่งถึงกับชี้หน้าด่าเอลียาห์ว่า
“เจ้านี่เองหรือ?
ที่ทำความลำบากให้อิสราเอล” (1พกษ.18:18)
จากการพิสูจน์ว่าพระเยโฮวาห์ หรือ พระบาอัลที่เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ปรากฏว่าพระบาอัลไม่สามารถส่งไฟให้ลงมาเผาไหม้เครื่องเผาบูชา แต่พระเยโฮวาห์ทรงกระทำได้ ดังนั้น ประชาชนเห็นความจริงจากการพิสูจน์ครั้งนี้ ดังนั้น “...เมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็น
พวกเขาก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า...” (1พกษ. 18:39) ในที่สุด ประชาชนก็ได้เห็นความจริง ประชาชนซบหน้าลง และยอมรับว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า
เอลียาห์จัดการให้ประชาชนพาผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลทุกคนไปฆ่าเสีย
(ข้อ 40)
การกระทำเช่นนี้สร้างความเจ็บแค้นอย่างยิ่งแก่พระนางเยเซเบลมเหสีของอาหับถึงกับส่งสาส์นจองล้างจองผลาญที่จะต้องฆ่าเอลียาห์ให้ได้ก่อนตะวันตกดินของวันพรุ่งนี้
(1พกษ. 19:1-2) และนี่เป็นเหตุให้ผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ต้องหนีเตลิดอีกครั้งหนึ่งเข้าไปหลบซ่อนตัวในถิ่นทุรกันดาร
(ข้อ 3)
คำถามว่าการฆ่าผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลเป็นแผนการของพระเจ้าด้วยหรือไม่?
เมื่อเอลียาห์หนีเข้าไปในแผ่นดินทุรกันดาร เป็นโอกาสที่เอลียาห์จะเงียบสงบ ในพระคัมภีร์บอกว่าเขาไปนั่งใต้ต้นซากซึ่งเป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวในที่นั้น
แล้วเอลียาห์เปิดใจแบบตรงไปตรงมากับพระเจ้าไม่ซ่อนเร้นแม้แต่อารมณ์ที่ขุ่นมัวสิ้นหวังของตนเองว่า “...พอกันที ข้าแต่พระยาห์เวห์
บัดนี้ขอเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเสีย...” (ข้อ 4) ไม่มีเสียงตอบ ท่านเลยนอนลงใต้ต้นไม้นั้น
จนทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาปลุกเอลียาห์ให้ลุกขึ้นรับประทานอาหารที่ได้เตรียมมาให้ เมื่อรับประทานแล้วเอลียาห์นอนหลับต่ออีก จนทูตสวรรค์มาปลุกอีกและบอกเอลียาห์ว่า “ลุกขึ้นรับประทานสิ มิฉะนั้นการเดินทางจะเกินกำลังของท่าน
และท่านก็ลุกขึ้นรับประทานและดื่ม
และเดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้น
สี่สิบวันสี่สิบคืนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า” (ข้อ 7-8)
เมื่อใครก็ตามเปิดใจร้องทูลต่อพระองค์อย่างจริงใจหมดเปลือก
แม้ว่าการตัดสินใจกระทำลงไปอาจจะผิดพลาดจากพระประสงค์ของพระเจ้า
แต่ในสถานการณ์ที่วิกฤตินั้นเองที่พระเจ้าทรงดำเนินการตามแผนการของพระองค์ใหม่
แม้ว่า
การฆ่าผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลจำนวนมากจะเป็นแผนการของพระเจ้าหรือไม่เราไม่ทราบ จนทำให้เอลียาห์ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของพระนางเยเซเบล และในถิ่นทุรกันดารที่เอลียาห์โพล่งออกมาอย่างหมดเปลือกต่อพระเจ้า
แต่พระเจ้าทรงรับฟัง
พระองค์ให้เวลาแก่เอลียาห์ที่จะสงบด้วยการพักผ่อนนอนหลับ
พระองค์เตรียมอาหารแก่เอลียาห์ที่จะรับประทานเพื่อมีแรงที่จะเดินตามแผนการใหม่ของพระองค์
ที่ภูเขาโฮเรบ
เอลียาห์ได้เรียนบทเรียนใหม่จากพระเจ้า
ที่บนภูเขานี้เขาจะได้พบกับพระองค์
ปรากฏว่า พระเจ้ามิได้สถิตในลมพายุที่รุนแรง มิได้อยู่ในแผ่นดินไหวที่สร้างความน่าครั่นคร้าม
มิได้อยู่ในไฟที่ร้อนและเผาไหม้ แต่ปรากฏว่าพระองค์สถิตอยู่ในเสียงเบาๆ
พระเจ้าถามใจของเอลียาห์ว่าตอนนี้ตั้งใจอย่างไร น่าสังเกตว่า
เอลียาห์ตอบด้วยความเข้าใจและมุมมองของตนเองว่า
ตนกระทำทั้งหมดนี้เพราะต้องการปกป้องประชาอิสราเอลที่หลงผิดไปจากพระเจ้า และตอนนี้คนอิสราเอลก็ละทิ้งพระเจ้าไปหมดแล้ว
(ดูข้อ 14)
แต่เราต้องไม่ลืมว่าคนอิสราเอลที่เห็นการพิสูจน์ที่ภูเขาคารเมลได้ซบหน้าลงถึงดินและรู้แล้วว่าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้คือพระเยโฮวาห์
(ดู 18:39)
เอลียาห์มองอีกว่า
ตนเองเป็นผู้เผยพระวจนะที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเหลือเพียงคนเดียว (ข้อ 14) แต่เราพบก่อนหน้านี้ว่า
โอบาดีห์ ได้ซ่อนผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าไว้ในถ้ำ 100
คนและส่งอาหารและน้ำไปให้เป็นประจำ (18:13)
เมื่อเอลียาห์พบพระเจ้าในเสียงที่ตรัสเบาๆ นั้น
พระองค์บอกเอลียาห์ว่ายังมีคนที่ยังสัตย์ซื่อต่อพระองค์ที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ พระเจ้าตรัสบอกเอลียาห์ว่า “แต่เราจะเหลือ 7,000 คนไว้ในอิสราเอล
คือทุกคนที่ไม่ได้คุกเข่าลงต่อพระบาอัล และไม่ได้จูบพระนั้น” (19:18)
แล้วพระองค์บอกแผนการของพระองค์สำหรับเอลียาห์ที่จะต้องทำต่อไปคือ
กลับไปถิ่นทุรกันดารแล้วเจิมเยฮูให้เป็นกษัตริย์ และ เอลีชาให้เป็นผู้เผยพระวจนะต่อจากตน และนี่เป็นแผนการของพระเจ้า
ที่ไม่ถูกสกัดกั้นหรือถูกทำลายเพราะการตัดสินใจผิด หรือ
การลงมือทำผิดของคนของพระเจ้า
อย่าคิดว่า
เราเป็นเพียงคนเดียวที่สัตย์ซื่อที่สุดต่อพระเจ้า
อย่าคิดว่าพระเจ้าเหลือเราเพียงคนเดียวที่พระองค์จะใช้ได้
อย่าคิดว่าไม่มีใครที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าอีกแล้ว
แต่พระเจ้าทรงกระทำตามแผนการของพระองค์ พระองค์ทรงใช้เราตามแผนการของพระองค์ มิใช่ใช้เราตามความสามารถ ความนึกคิด
ตามมุมมองของเราเอง
และก็มิใช่ว่าไม่มีเราแล้วก็จะไม่มีใครจะรับใช้พระเจ้า สิ่งที่เราจะต้องสำนึก ตระหนัก
และแสวงหาเสมอคือ ตอนนี้เรารับใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า หรือเรารับใช้ตามความปรารถนา ตามความภาคภูมิใจของเราเอง
เมื่อใดที่เราสำคัญตนผิดคิดว่าตนเองสำคัญที่สุด เราจะได้เรียนรู้ว่า ในแผนการของพระองค์ยังมีคนอื่นๆ ที่พระเจ้าทรงเตรียมและทรงใช้ได้ตามพระประสงค์ของพระองค์
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น