23 กันยายน 2556

อะไรคือการทรงเรียกของท่าน

อ่านเอเฟซัส 4:1-3

เพราะ​ฉะนั้น ข้าพเจ้า​ผู้​เป็น​นัก​โทษ​โดย​เห็น​แก่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า
ขอ​วิง​วอน​พวก​ท่าน​ให้​ดำ​เนิน​ชีวิต​สม​กับ​การ​ทรง​เรียก​ที่​ท่าน​ได้​รับ​การ​ทรง​เรียก​มา​นั้น (4:1 มตฐ.)

การทรงเรียก  เรามักแปลจากภาษาอังกฤษคำว่า “calling”  และคำว่า calling  มีความหมายเหมือนกับ “profession” หรือ “vocation”  ซึ่งทั้งสองคำนี้หมายถึง  งานอาชีพ หรือ หน้าที่การงาน   ส่วนคำว่า “vocation” รากศัพท์มาจากภาษาละตินคำว่า vocation  ซึ่งหมายถึง calling หรือ การทรงเรียก   ส่วนใหญ่แล้วเรามักใช้คำว่า calling หมายถึงการสถาปนาคนให้เป็นนักบวช  เราหมายถึงศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล  ที่คนกลุ่มนี้ได้รับการทรงเรียกให้ทำหน้าที่ในการทำงานพันธกิจด้านต่างๆ ในคริสตจักร  และการทำงานเกี่ยวกับมิชชั่น

ในเอเฟซัสบทที่สี่ข้อแรก  ได้ใช้คำว่าการทรงเรียกในความหมายที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่กล่าวข้างต้น   เมื่อเปาโลกระตุ้นวิงวอนให้เรา “ดำเนินชีวิตสมค่ากับการทรงเรียกที่เราได้รับ”  เปาโลไม่ได้ระบุว่าเป็นการทรงเรียกในงานอาชีพทั่วไป หรือ งานด้านพันธกิจคริสตจักร อันใดอันหนึ่ง  แต่แน่นอนว่าท่านหมายถึงการทรงเรียกถึงงานอาชีพทั้งสองด้าน   แต่ท่านกล่าวชัดเจนถึงการทรงเรียกว่า  การทรงเรียกเป็นสิ่งที่คริสตชนทุกคนและแต่ละคนได้รับจากพระเจ้า   ทั้งเป็นการส่วนตัว  และในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์

ถ้าเช่นนั้น  อะไรคือการทรงเรียกของเรา?  ในตอนอื่นของพระธรรมเอเฟซัส   เปาโลกล่าวถึงการทรงเรียกมีหมายถึง ความหวังและมรดกของธรรมิกชนในอนาคต (เอเฟซัส 1:18 มตฐ.)  ในข้อนี้เปาโลได้อธิษฐานว่า “...เพื่อ​จะ​ได้​รู้​ว่า​พระ​องค์​ประ​ทาน​ความ​หวัง​อะไร​แก่​ท่าน​ใน​การ​ทรง​เรียก​พวก​ท่าน​นั้น และ​รู้​ว่า​มร​ดก​ที่​มี​ศักดิ์​ศรี​ของ​พระ​องค์​สำ​หรับ​พวก​ธรร​มิก​ชน​นั้น​บริบูรณ์​เพียง​ไร...”   จากนั้นใน 4:4 เปาโลกล่าวว่า  “...​ท่าน​ได้​รับ​การ​ทรง​เรียก​ให้​มา​ถึง​ความ​หวัง​เดียว​ใน​การ​ทรง​เรียก​พวก​ท่าน​นั้น”   ดังนั้น การทรงเรียกที่เราได้รับเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคต  ที่เราจะมีชีวิตด้วยความมั่นใจและแน่นนอนมั่นคงในอนาคตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้เพื่อเรา

ในเอเฟซัส 4:1 การทรงเรียกที่กล่าวถึงในข้อนี้รวมถึงอนาคตของเราด้วย  รวมไปถึงทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและตัวของเราเองใน 3 บทแรกของเอเฟซัส   ถ้าเราจำได้ใน 1:10 คือการที่พระเจ้าทรงรวบรวมทุกสิ่งในสวรรค์และในแผ่นดินโลก (จักรวาล) ให้อยู่ภายใต้พระคริสต์(ในพระคริสต์)    และพระประสงค์สูงสุดในการทรงเรียกคือ “...พระ​เจ้า​ทรง​เลือก​เรา​ตั้ง​แต่​ก่อน​ทรง​สร้าง​โลก เพื่อ​ให้​เรา​บริสุทธิ์​และ​ปราศ​จากตำหนิใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​องค์” (1:4 มตฐ.)   พระราชกิจนี้มุ่งเน้นไปที่พระเยซูคริสต์   ซึ่งเป็นการแสดงถึง “​พระ​คุณ​อัน​รุ่ง​โรจน์ของพระเจ้า” (1:6 มตฐ.)  ที่ทรงกระทำให้เราได้รับความรอด (2:8 มตฐ.)   ยิ่งกว่านั้น  เมื่อเรามีประสบการณ์ถึงความรอดโดยความเชื่อ   เราเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์เพื่อให้ทำการดี “...ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​จัด​เตรียม​ไว้​ก่อน​แล้ว​เพื่อ​ให้​เรา​ดำ​เนิน​ตาม” (2:10 มตฐ.)   เรากระทำงานนี้มิใช่ในฐานะผู้เชื่อส่วนตัว   แต่ที่สำคัญในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า  และกำลัง​ถูก​ก่อ​ร่าง​สร้าง​ขึ้น​ด้วย​กัน​ให้​เป็น​ที่​สถิต​ของ​พระ​เจ้า​โดย​พระวิญญาณ (2:19-22)

ดังนั้น  ความหวังในอนาคตที่พระเจ้าทรงรวบรวม และ พลิกฟื้นสร้างใหม่ทุกสิ่งทำให้เราเห็นชัดเจนถึงการทรงเรียก   มิใช่เพื่อให้เราได้แรงบันดาลใจนิมิตในอนาคตเท่านั้น   แต่เป็นการที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้ดำเนินชีวิตตามด้วย   ด้วยพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเราจึงได้มีส่วนร่วมในพระราชกิจในการกอบกู้ไถ่ถอนจักรวาลนี้ร่วมกับพระองค์   เราแต่ละคน  ถ้าเราวางใจในพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา   เราได้รับการทรงเรียกให้เป็นผู้ร่วมในพระราชกิจแห่งการปลดปล่อย   การไถ่ถอน  และพลิกฟื้นสร้างใหม่ของพระองค์   เพื่อเราจะดำเนินชีวิต “สมค่าแห่งการทรงเรียก”  ตามการทรงเรียกด้วยพระคุณอันรุ่งโรจน์ของพระองค์

ในวันนี้เราคงต้องถามตนเองว่า...

1. ท่านคิดและรู้สึกว่าพระเจ้าทรงเรียกท่านให้เข้าร่วมในพระราชกิจแห่งการปลดปล่อยและไถ่ถอนของพระองค์หรือไม่?   ทำไมท่านถึงคิดและรู้สึกเช่นนั้นในชีวิตของท่าน?
2. อะไรที่ช่วยให้ท่านเห็นชีวิตของท่านเป็นเช่นนั้น?
3. ท่านได้ตอบสนองต่อการทรงเรียกในชีวิตของท่านแล้วหรือยัง?  อย่างไร?
4. ถ้าท่านจะเอาจริงเอาจังกับการทรงเรียกนี้ของพระเจ้า  ท่านคิดว่าชีวิตของท่านอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น