30 กันยายน 2556

งานอาชีพของฉันเป็นการทรงเรียกหรือไม่?

อ่านเอเฟซัส 4:1-3

เพราะ​ฉะนั้น ข้าพเจ้า​ผู้​เป็น​นัก​โทษ​โดย​เห็น​แก่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า
ขอ​วิง​วอน​พวก​ท่าน​ให้​ดำ​เนิน​ชีวิต​สม​กับ​การ​ทรง​เรียก​ที่​ท่าน​ได้​รับ​การ​ทรง​เรียก​มา​นั้น (4:1 มตฐ.)

ในฐานะที่เคยเป็นศิษยาภิบาล   คงไม่มีใครสะดุ้งถ้าผมจะบอกว่า พระเจ้าทรงเรียกผมมาทำงานอย่างที่ผมทำในปัจจุบัน   งานวิจัยคริสตจักรและชุมชน   งานหนุนเสริมพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรที่ทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน    ใช่ครับ   เราส่วนใหญ่คุ้นชินกับการทรงเรียกให้เป็นนักบวช หรือ ศาสนาจารย์  ศิษยาภิบาลที่ทำงานในคริสตจักร   แล้วเราจะกล่าวชัดๆ ว่า  อาชีพการเป็นครู  การเป็นแพทย์  พยาบาล  ผู้บริหาร  ภารโรง   คนทำสวน  ช่างไม้   ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า  เกษตรกร  แม่บ้าน  แม่ที่เลี้ยงลูกน้อย  ทนายความ  แม่ค้าชำแหละเนื้อสัตว์ในตลาด  พ่อค้าแม่ขาย  และอีกมากมาย   อาชีพการงานเหล่านี้เป็นการทรงเรียกของพระเจ้าหรือไม่?   แล้วคนที่อาสาสมัครที่ให้เวลาในการเอาใจใส่คนยากคนจน  คนขัดสนล่ะ?   ที่เขาทำงานเหล่านั้นได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าหรือไม่?  อย่างไร?   หรือการงานอาชีพเหล่านี้แตกต่างไปจากการเป็นศิษยาภิบาล  ศาสนาจารย์  หรือนักบวช?

เอเฟซัส 4:1 ชี้ชัดว่า  เราแต่ละคนได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า   ให้เราดำเนินชีวิตประจำวัน “ให้สมค่ากับการทรงเรียก”  ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้เราเป็นของพระคริสต์ และ ร่วมในพระราชกิจแห่งการพลิกฟื้นโลกนี้ขึ้นใหม่   ในเมื่ออาชีพการงานของเราเป็นศูนย์กลางในการดำเนินชีวิตของเรา   และแน่นอนครับการที่เราจะตอบสนองอย่างไรต่อการทรงเรียกในอาชีพการงานที่เรารับผิดชอบเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง   และงานอาชีพที่เราทำต้องสอดคล้องและตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระองค์   แต่ถามตรงๆ เถิด   แล้วการทรงเรียกและอาชีพการงานของเรามันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไร?

ในประเด็นเกี่ยวกับงานและการทรงเรียกเราเห็นว่า...
1. ทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เป็นคนของพระคริสต์   และร่วมในพระราชกิจแห่งการเสริมสร้าง  แห่งการกอบกู้  และการพลิกฟื้นสร้างใหม่ของพระเจ้า
2. ทุกคนได้รับพระบัญชาให้ทำงานเต็มความสามารถที่ตนมีอยู่ 
3. พระเจ้าทรงเรียกทั้งชีวิตของเรา   มิใช่เรียกเราเพียงเรื่องหน้าที่การงานที่เราทำเท่านั้น หรือ ทรงเรียกเราให้เป็นคริสตชนไปนมัสการพระองค์ในวันอาทิตย์เท่านั้น

จากประเด็นทั้งสามเรื่องการทรงเรียกกับงานอาชีพของเราข้างต้นเราพอประมวลสรุปได้ว่า   อาชีพการงานของเราคงมิใช่สิ่งที่พระเจ้าให้ความสนพระทัยสูงสุดในชีวิตของเรา   แต่พระเจ้าทรงสนพระทัยที่ชีวิตของเราได้รับการกอบกู้ให้เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มพระคุณแห่งความรอดของพระคริสต์   ให้เราเป็นคนของพระองค์  แล้วร่วมในพระราชกิจแห่งการเสริมสร้าง  การช่วยกู้  และการพลิกฟื้นสร้างใหม่ของพระองค์    จากนั้น พระเจ้าทรงใส่ใจเราในอาชีพการงานที่เรารับผิดชอบอยู่ด้วย

ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ามิได้เอาใจใส่ต่องานอาชีพที่เรารับผิดชอบ   ความจริงพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงนำและเสริมหนุนเพิ่มพลังคริสตชนทุกคนทั้งในชีวิตและการงานภายใต้การทรงนำของพระเจ้า

การทำงานในในชีวิตประจำวันเป็นการทรงเรียกของพระเจ้าด้วยหรือไม่?   แท้จริงแล้วการประกอบกิจการงานในแต่ละวันเป็นการตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้า   การงานมิใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทรงเรียกของพระเจ้า   แต่โดยการทำงานของเรา   เราได้ตอบสนองต่อการทรงเรียกที่สำคัญสุดของพระเจ้าด้วยการ “เป็นคนของพระคริสต์และร่วมในพระราชกิจในการเสริมสร้าง  การกอบกู้  และการสร้างใหม่ของพระองค์”  ผ่านกิจการงานอาชีพที่เราทำและรับผิดชอบ   ทั้งนี้ไม่สำคัญว่างานของเราเป็นงานชนิดใด   ไม่ว่าเราจะมีอาชีพครู  แพทย์  พยาบาล  แม่บ้าน  คนรักษาความสะอาด  นักฟุตบอล  หรือโค้ช   ในงานที่เราทำเราสามารถตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตของเราทั้งสิ้น

ประเด็นใคร่ครวญประจำวันนี้คือ...
1. ท่านเข้าใจอย่างไรถึงความสัมพันธ์ระหว่างงานอาชีพที่ท่านทำกับการทรงเรียกของพระเจ้า?
2. ถ้าท่านเข้าใจว่า   พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ “เป็นคนของพระคริสต์และร่วมในพระราชกิจแห่งการเสริมสร้าง  การช่วยกู้  และการพลิกฟื้นสร้างใหม่ของพระเจ้า”   ผ่านอาชีพการงานที่ท่านรับผิดชอบ   ท่านคิดว่าการทำงานอาชีพในประจำวันของท่านจะเปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างจากที่ทำมาหรือไม่  อย่างไร?   ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น