30 กันยายน 2556

พระเจ้ามิได้เรียกท่านเป็นการส่วนตัวเท่านั้น

อ่านเอเฟซัส 4:1-3

เพราะ​ฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้​เป็น​นัก​โทษ​โดย​เห็น​แก่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า
ขอ​วิง​วอน​พวก​ท่าน​ให้​ดำ​เนิน​ชีวิต​สม​กับ​การ​ทรง​เรียก​ที่​ท่าน​ได้​รับ​การ​ทรง​เรียก​มา​นั้น (เอเฟซัส 4:1 มตฐ.)

เมื่อเราอ่านเอเฟซัส 4:1  เรารู้สึกว่าพระธรรมข้อนี้กำลังพูดกับเราเป็นการส่วนตัว   เป็นการกระตุ้นร้องขอให้เราดำเนินชีวิตอย่างสมค่ากับการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเรา   และเรารู้สึกได้ว่านี่เป็นการร้องขอของอาจารย์เปาโลจากก้นบึ้งแห่งจิตใจของท่าน   แล้วก็เป็นการที่ท่านพูดกับเราแต่ละคนโดยตรงด้วยความรู้สึกที่สนิทสนม   พระธรรมเอเฟซัส 4:1 ได้กระตุ้นร้องขอให้ท่านและข้าพเจ้าให้ดำเนินชีวิตที่สมค่ากับการทรงเรียกของพระเจ้าในฐานะผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์แต่ละคน

แต่ถ้าเราศึกษาเจาะลึกลงในข้อเขียนจดหมายของเปาโลในข้อนี้   ในต้นฉบับภาษากรีก  เราจะสังเกตสิ่งที่เด่นพิเศษที่มีรายละเอียดของข้อความในรูปประโยคในทำนองนี้ว่า “ดังนั้น  ในฐานะที่เป็นนักโทษเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพเจ้าขอร้องวิงวอนให้ ท่านทุกคน ให้ดำเนินชีวิตให้สมค่ากับการทรงเรียกที่ ท่านทั้งหมด ได้รับ”  ในภาษากรีกคำว่า “ท่าน” คำแรกในประโยคนี้กับ “ท่านคำที่สองต่างเป็นพหูพจน์   เปาโลมิได้กระตุ้นวิงวอนกับคริสตชนเป็นการส่วนตัวแต่ละคน   แต่เป็นการกล่าวกับชุมชนคริสตชนหรือผู้เชื่อ

แน่นอนครับ  คำว่าท่านในพระธรรมตอนนี้อาจจะหมายถึง “ท่านทั้งหลายแต่ละคน” ก็เป็นไปได้   ตัวอย่างเช่นก่อนเลิกเรียนคุณครูบอกกับนักเรียนว่า “นักเรียนต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหาร”   คุณครูหมายถึงว่านักเรียนแต่ละคน ต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหาร   แต่ในเวลาเดียวกันท่านก็หมายความว่านักเรียนทุกคน ต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหารด้วย   จึงเป็นไปได้ว่า เปาโลกำลังพูดกับคริสตชนแต่ละคนแม้คำว่าท่านจะเป็นพหูพจน์   โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้พิจารณาใน 4:7 ที่ว่า  “แต่​ว่า​พระ​คุณ​นั้น​ประ​ทาน ​แก่​เรา​แต่​ละ​คน​ ตาม​ขนาด​ที่​พระ​คริสต์​ประ​ทาน”   เราไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่า  เราแต่ละคนได้รับการทรงเรียกจากเบื้องบน   แต่ในเอเฟซัส 4:1 ก็กำลังพูดกับคริสตจักร  หรือ ชุมชนคริสตชนที่อยู่ด้วยกันที่เป็นหนึ่งเดียวกันว่าเราได้รับการทรงเรียกร่วมกันจากองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย

แล้วการทรงเรียกนี้เป็นอะไรกันแน่?   ที่สำคัญที่สุดคือเป็นการทรงเรียกเราทุกคนให้เป็นของพระคริสต์  และมีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งการเสริมสร้าง  การกอบกู้ไถ่ถอน  และการพลิกฟื้นสร้างใหม่ในโลกนี้   เราได้รับการทรงเรียกแล้วตอบสนองร่วมกัน ต่อการทรงเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้า   มิใช่การทรงเรียกและตอบสนองการทรงเรียกเป็นการส่วนตัวเท่านั้น   แต่หัวใจหรือแก่นแท้ในที่นี้คือ เราแต่ละคนที่เข้ามาร่วมกันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์   ในฐานะที่เป็นสมาชิกในพระวรกายของพระคริสต์จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องเชื่อมต่อสัมพันธ์กัน   พึ่งพาอาศัยกัน  และหนุนเสริมกันและกัน   เฉกเช่นอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานอย่างสอดคล้องและหนุนเสริมกัน

เมื่อเราอ่านพระธรรมเอเฟซัส 4:1-3 เราจะเห็นถึงสัจจะแก่นสารที่ว่า พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้ตอบสนองร่วมกันในฐานะชุมชนคริสตชน(ชุมชนคริสตจักร) อย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร

แต่ประเด็นที่เชิญชวนท่านโปรดพิจารณาใคร่ครวญในวันนี้คือ  ท่านเคยมีความคิดความเข้าใจที่ว่า...
1. “การทรงเรียกของตนก็เป็นการทรงเรียกของเราทั้งหลาย ด้วย” หรือไม่? 
2. ทำไมท่านถึงคิดและเข้าใจเช่นนั้น?
3. ความคิดและความเข้าใจที่แตกต่างกันนี้ (พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัวเท่านั้น กับ การทรงเรียกเราเป็นส่วนหนึ่งในการทรงเรียกคนทั้งหลายด้วย)   มีผลต่อพฤติกรรมที่ท่านสำแดงออกในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น