15 “หากพี่น้องของท่านคนหนึ่งทำผิดต่อท่าน
จงไปหาและชี้ความผิดต่อเขาสองต่อสองเท่านั้น
ถ้าเขาฟังท่าน ท่านจะได้พี่น้องคืนมา...” (มัทธิว 18:15 มตฐ)
ถ้าเราจะทำตามพระคัมภีร์ข้อนี้ ทำใจนะครับว่า ไปพบเพียงครั้งเดียวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ
เพราะคู่กรณีจะต้องสงสัยในความจริงใจของเราว่า
ที่เราไปหานั้นมีแผนอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังหรือไม่
หรือเขาคนนั้นอาจจะไมคุ้นชินกับการแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจเช่นนี้ก็ได้ ในการที่เราตั้งใจและริเริ่มสร้างการคืนดีคงเป็นเหมือนการที่เราหวังผลจากพืชที่เราปลูก
การเริ่มต้นครั้งแรกของการคืนดีนั้นเป็นเหมือนการหว่านเมล็ดลงดินก่อน เพราะถ้าไม่หว่านเมล็ดก็จะไม่มีการงอก ไม่มีต้น ใบ ดอก และก็ไม่เกิดผลอะไรเลยแน่ การเริ่มต้นครั้งแรกของการสร้างการคืนดีเป็นการหว่านเมล็ดแห่งความสัมพันธ์ใหม่ แต่เราจะต้องให้เวลาแก่ตนไม้แห่งการคืนดีนั้น ในการเติบโตและเกิดผลก่อน เราถึงจะได้เก็บเกี่ยวผลแห่งการคืนดีในที่สุด
โปรดสังเกตว่า รากศัพท์ภาษากรีกของคำว่า “จงไป” ในพระคัมภีร์ตอนนี้เป็นกริยาที่บอกให้ทำอย่างต่อเนื่อง
(คือจงไปอย่างต่อเนื่อง)
ในที่นี้มิได้หมายความว่าไปสร้างการคืนดีเพียงครั้งเดียว
แต่หมายความว่าไปแล้วไปอีกอย่างไม่หยุดหย่อนท้อถอย แต่เมื่ออ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ในภาษาไทยแล้วมักเข้าใจกันว่า ไปเพียงครั้งเดียว ถ้าคู่กรณีไม่ยอมฟังหรือยอมคืนดี เราก็จะดำเนินขั้นตอนต่อไปอย่างที่พระคัมภีร์แนะนำ
ดังนั้น บ่อยครั้งนักที่เราไปเพียงครั้งเดียว
แล้วล้มเลิกที่จะอดทนสร้างการคืนดีอย่างต่อเนื่อง
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ได้อยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลคริสเตียนแห่งหนึ่งเกือบเดือนแล้ว อนุศาสกในโรงพยาบาลแห่งนั้น ได้เคาะประตูห้องขออนุญาตเข้าเยี่ยมเธอ เขาทักทายเธอด้วยความอบอุ่น
แต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิของอารมณ์ที่เธอตอบสนองกลับเย็นชา อนุศาสกพยายามที่จะลงลึกถึงจิตวิญญาณ
แล้วใช้การสนทนาเพื่อสร้างการเยียวยาบาดแผลในจิตใจเพื่อให้เกิดการคืนดีและมีสันติสุข แต่เธอเฉยเมยไม่ตอบสนอง แม้อนุศาสกจะพยายามที่จะสบตาของเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าการสนทนาไม่เคลื่อนไปไหน หลังจากที่มีแต่คำถามทางเดียวจากอนุศาสก เขาก็บอกกับเธอว่า พรุ่งนี้เขาจะกลับมาเยี่ยมเธออีก เธอบอกอนุศาสกว่า “พรุ่งนี้ฉันอาจจะกลับบ้านแล้ว”
เหตุการณ์ปรากฏว่า อนุศาสกมาเยี่ยมเธออีกจริง แล้วก็บอกกับเธอว่าจะมาเยี่ยมเธออีก และเขาก็มาเยี่ยมอีก มาเยี่ยมเธออีกครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่ง
อนุศาสกเคาะประตูครั้งแล้วครั้งเล่า จนครั้งหนึ่งเมื่อเขาเคาะที่ประตูห้องของเธอ มีเสียงจากภายในห้องดังออกมาว่า “นั่นเป็นอาจารย์อนุศาสกใช่ไหม...เชิญเข้ามาในห้องค่ะ!”
สิ่งที่อนุศาสกพบแทนที่จะเป็นหน้าตาที่เย็นชาเฉยเมยอย่างทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับพบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
เธอสนทนากับอนุศาสกพร้อมด้วยน้ำตา
การเยี่ยมครั้งสุดท้ายนี้ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง เมื่ออนุศาสกเดินออกจากห้องเธอไป เธอดูมีสันติสุขในชีวิต ตลอดเวลาเวลาเกือบสามเดือนที่เธอพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้ อนุศาสกมาเยี่ยมเธอครั้งแล้วครั้งเล่า บางครั้งมาเพียงทักทายและชวนเธออธิษฐาน บางครั้งใช้เวลาเล่นเกมกับเธอ
บทเรียนที่อนุศาสกได้เรียนรู้ครั้งนี้คือคุณค่าของการที่เขาจาริกไปกับความเจ็บป่วยของเธอ
ครั้งแรกที่ท่านเริ่มการสร้างการเยียวยาบาดแผลและการคืนดีในชีวิตของเธอ ดูเหมือนว่าไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นเป็นการหว่านเมล็ดแห่งการเยียวยาและการคืนดี โดยหวังการเก็บเกี่ยวผลในวันข้างหน้า
ในการเยียวยา และ
เสริมสร้างการคืนดีและเกิดสันติสุขในชีวิตของคนนั้น ไม่ได้จำกัดกับจำนวนครั้งที่ท่านจะต้อง “เคาะ”
ที่ประตูใจแห่งชีวิตของคน
บางคนว่าสามครั้ง
บางคนว่าเจ็ดครั้ง แต่ผมว่า
“เคาะ” ครั้งแล้วครั้งเล่า
และเคาะครั้งต่อไป ครั้งต่อไป ครั้งต่อไป
ไม่หยุดหย่อนครับ
อย่างที่พระคริสต์ทรงยืนนอกประตูเคาะครั้งแล้วครั้งเล่า รอเรา
จนกว่าเราจะเปิดประตูใจแห่งชีวิตของเรา
เราก็ควรที่จะทำตามแบบพระคริสต์ที่อดทน เคาะครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าประตูแห่งการเยียวยารักษา และ การคืนดีจะเปิดออก
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น