26“จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป”
27อย่าให้โอกาสแก่มาร
(เอเฟซัส 4:26-27 มตฐ.)
เอเฟซัส 4:26 กล่าวไว้ว่า “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” นี่คือปัญญาสำหรับการดำเนินชีวิต แต่เป็นปัญหาของเราในปัจจุบัน ซึ่งเราสามารถสัมผัสสัจจะความจริงเรื่องนี้ได้จากประสบการณ์ชีวิตประจำวันของเรา ตลอดวันที่ผ่านมาท่าน “โกรธ” หรือเปล่า? เมื่อท่านโกรธ...ความโกรธนั้นกระตุ้นให้ท่านพูดอะไร อย่างไร? ความโกรธนั้นกระตุ้นให้ท่านแสดงท่าทีอย่างไรกับคนที่ทำให้ท่านโกรธ? มีไหมที่ความโกรธกระตุ้นให้ท่านต้องพูดสิ่งที่ไม่ดีไม่ควร กระทำสิ่งที่ไม่ถูก และแสดงท่าทีที่รังเกียจเหยียดหยาม? อุ๊บ นั่นเราตกเป็นเบี้ยล่างของความโกรธให้ทำบาปไปแล้วหรือไม่เนี่ยะ?
เมื่อเราโกรธเราอาจจะพูดหรือกระทำบางสิ่งบางอย่างทำให้เกิดความเจ็บปวดในชีวิตของผู้คน คนๆ นั้นอาจจะเป็นคนสุดที่รักของเรา เช่น ลูก หรือคู่ชีวิตของตน และเราคงต้องยอมรับความจริงว่า บางครั้งเมื่อเราโกรธเราถึงกับต้องการพูดหรือทำอย่างไรที่จะทำให้เขาเกิดความเจ็บปวดบ้างเพื่อคนๆ
นั้นจะได้รู้ตัว? เมื่อพูดเช่นนี้ หลายคนก็อาจจะสวนกลับผมว่า ที่ว่านั้นก็ดีอยู่ แต่คุณจะทำอย่างไร หรือ
คุณจะโกรธอย่างไรที่จะไม่ทำบาป?
เราพบคำตอบนี้ในตอนท้ายของพระคัมภีร์ข้อที่ 26 ที่ว่า “อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่” คำแนะนำสั้นๆ นี้ คล้ายๆ กับความคิดของนักปรัชญากรีกในยุคนั้น และพบปัญญาเช่นนี้ในกลุ่มชาวยิวด้วย กล่าวคือ
เราไม่ควรเกาะกุมสะสมสุมโกรธไว้ในหัวอกและความคิดของเรา
ในเมื่อเราไม่เกาะกุมยึดแน่นในความโกรธนั้น ก็เป็นการง่ายกว่าที่เราจะไม่เกิดความขมขื่น
ความพยาบาท หรือ เมื่อเกิดความขมขื่น หรือ
ความพยาบาทแล้วก็สามารถจางหายไปได้ง่ายกว่า
แต่การที่เราไปยึดเกาะแน่นกับความโกรธที่ผุดขึ้นในความคิดความรู้สึกของเรามักเป็นหนทางที่นำเราไปสู่การกระทำบาป แล้วเราควรกระทำด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่จะให้มันเหือดหายไปจากความรู้สึกนึกคิดของเรา
เราต่างยอมรับว่า ที่ว่านั้นมันไม่ง่ายนักหรอกเพื่อน!
เรารู้ได้จากประสบการณ์ส่วนตัวของเราแต่ละคน บางวิธีที่นำมาใช้ไม่ค่อยได้ผล เช่น การที่เราอ้างว่าเราไม่โกรธนั้นไม่ช่วยให้ความโกรธเจือจางเหือดหายลง(แต่เป็นการซ่อนกลบเกลื่นความโกรธไว้ต่างหาก), การตอบโต้ด้วยเสียงดังก็ไม่เกิดผล (แต่นั่นเป็นข่มขู่เหมือนแมวพองขน
หรือ กบพองตัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้)
แล้วพอจะมีวิธีการใดไหมที่มันจะใช้ได้เมื่อเราโกรธแล้วหยุดเราไม่ให้ทำบาป?
สิ่งสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ ในเวลาที่เราโกรธเราต้องตระหนักรู้ว่าเรากำลังโกรธก่อน แล้วกล่าวกับตนเองว่า “ฉันกำลังโกรธสิ่งนี้ คนนี้ ฉันต้องการเอากำปั้นกระแทกเข้าจมูกของมัน”
นี่เป็นการเอาตัวตนที่แท้จริงของเราขึ้นมาในความตระหนักรู้ของเรา
เพื่อเราจะสามารถพินิจพิจารณาตนเอง
การที่เราเอา “ความโกรธ” ของเราเปิดเผยภายในตนเอง
เปิดโอกาสให้เรามีเวลาที่จะคิดพิจารณาเกี่ยวกับความโกรธของเราในเวลานั้นมากกว่าการที่เราจะยอมปล่อยให้ตัวความโกรธนั้นซุกซ่อนใต้ความรู้สึกความสำนึกของเรา มันไม่ได้ซุกซ่อนเงียบๆ เท่านั้นแต่มันกลับกระตุ้นสุมไฟโกรธให้ร้อนแรงขึ้น แต่การที่เราเอาความโกรธนั้นออกมาให้เห็นชัดแจ้งในความรู้สึกนึกคิดของเรา
นั่นจะเปิดโอกาสที่เราจะสามารถรับมือและจัดการกับความโกรธดังกล่าว
แต่ถ้าเราพยายามกลบเกลื่อนกลบฝังความโกรธของเรา หรือ ไม่สนใจปล่อยปละละเลยความโกรธนั้น ความโกรธก็จะนำพาเราให้กระทำ “บาป” แน่
สำหรับคริสตชนแล้ว
สิ่งสำคัญกว่าการที่เราจะพยายามรับมือหรือจัดการด้วยตัวเราเองเท่านั้น เมื่อเรายอมรับความจริงว่าเรากำลังโกรธ เราสามารถที่จะอธิษฐาน ปรึกษา
ทูลขอสติปัญญาและกำลังชีวิตจากพระเจ้า
ผู้เขียนสดุดีหลายบทที่เขียนจากประสบการณ์ของผู้เขียนและพูดอย่างสัตย์ซื่อเปิดเผยถึงความคิดความรู้สึกที่ลุ่มลึกของตนเองในเรื่องความโกรธ
และหลายตอนที่ให้กำลังใจและแนะนำเราว่าเมื่อเราโกรธให้เราทูลปรึกษากับพระเจ้าถึงความคิดความรู้สึกโกรธที่กำลังเดือนดาลในจิตใจของเรา
ดังนั้น
ในวันนี้ถ้าเราต้องโกรธ
ให้เราทูลบอกถึงความคิดความรู้สึกโกรธที่กำลังร้อนรุ่มสุมอกในจิตใจของเราแก่พระเจ้า มอบอารมณ์โกรธของเราให้อยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และนี่คือก้าวแรกที่คริสตชนรับมือและจัดการกับความโกรธที่เกิดขึ้นกับตน
เพื่อว่าเราจะไม่ลื่นไถลล้มลงในการทำบาปเพราะความโกรธนั้น
และนี่เป็นเพียงก้าวแรกหรือจุดเริ่มต้นเมื่อเราโกรธครับ แต่เป็นก้าวแรกที่ทรงพลังครับ!
ประเด็นสำหรับใคร่ครวญ
อะไรที่ช่วยปกป้องท่านไม่ให้ทำบาปเมื่อท่านโกรธ?
มีวิธีการอย่างไรที่ช่วยท่านไม่ให้สั่งสมความโกรธไว้ในหัวอก?
มีความโกรธอะไรหรือไม่ที่ท่านต้องการ
“ยอมรับ” และทูลเปิดเผยกับองค์พระผู้เป็นเจ้า?
ใคร่ครวญภาวนา
พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณ ข้าพระองค์ไม่ต้องการที่จะทำบาปเมื่อโกรธ แท้จริงแล้ว
ข้าพระองค์ไม่ต้องการให้เกิดความโกรธในตนเอง
แต่ข้าพระองค์ไม่สามารถหลีกลี้หนีความโกรธพ้น จึงทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์
โปรดปกป้องรักษาข้าพระองค์จากการกระทำบาปเพราะความโกรธที่เกิดขึ้นในตัวข้าพระองค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้สัตย์ซื่อต่อตนเองและต่อพระองค์เมื่อเกิดความรู้สึกไม่พอใจ อารมณ์เสีย
หรือ หัวเสีย
โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ที่จะสามารถบอกความจริงที่เป็นไปนั้น
เพื่อข้าพระองค์จะเปิดใจเปิดชีวิตรับพระเมตตาจากพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น