03 มีนาคม 2557

ใครคือศัตรูตัวจริงของท่าน?

จงรู้จักบังคับตนเองและตื่นตัวอยู่เสมอ
เพราะมารผู้เป็นศัตรูของท่านวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำราม เที่ยวหาเหยื่อเพื่อขย้ำกิน
(1เปโตร 5:8 อมต.)

ซานตานมารร้ายชอบและต้องการให้เราไม่รู้เท่าทันว่ามันมีบทบาทและอิทธิพลเช่นไรในความขัดแย้งต่างๆในชีวิตของเรา   ตราบใดที่เรามองหาทางที่จะจู่โจม ล้างผลาญ เอาชนะฝ่ายตรงกันข้าม   ในเวลาเช่นนั้นเองที่เรามองข้ามศัตรูตัวร้ายกาจอันตรายตัวจริง   จึงทำให้เรามิได้ระมัดระวังที่จะใส่ใจปกป้องตนเองจากอิทธิพลอำนาจแห่งมารร้ายนั้น   ทั้งยากอบ และ เปโตรต่างเตือนเราให้ตระหนักและรู้เท่าทันอำนาจที่อันตรายยิ่งนี้ว่า

“ดังนั้นแล้วท่านจงยอมจำนนต่อพระเจ้า จงยืนหยัดต่อสู้กับมารและมันจะหนีไปจากท่าน”(ยากอบ 4:7 อมต.)     “จงต่อต้านมาร ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ...” (1เปโตร 5:9 อมต.)  เปาโลได้พูดชัดถึงอำนาจที่ชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ในความขัดแย้งของเราว่า  “เพราะ​ว่า​เรา​ไม่ได้​ต่อสู้​กับ​เนื้อ​หนัง​และ​เลือด แต่​ต่อสู้​กับ​เทพ​ผู้​ครอง ศักดิ​เทพ เทพ​ผู้​ครอง​พิภพ​ใน​โมหะ​ความ​มืด​แห่ง​โลก​นี้ ต่อสู้​กับ​เหล่า​วิญญาณ​ที่​ชั่ว​ใน​สถาน​ฟ้า​อากาศ” (เอเฟซัส 6:12 มตฐ.)

ปัจจุบันนี้   เราตกหลุมพรางของอำนาจชั่วร้ายที่เป็นขั้วตรงกันข้ามสองลักษณะคือ   กลุ่มแรก เรามักลุ่มหลงในทรัพย์สิ่งของ  เงินทอง  อำนาจ  และความยิ่งใหญ่   ซึ่งสิ่งเหล่านี้เห็นชัดเป็นธรรมดาที่เราสามารถจับต้องและชี้วัดกันได้   เป็นหลุมพรางที่อยู่ในโลกแห่งวัตถุนิยม   และเมื่อใครก็ตามที่ตกลงหลุมพรางนี้ย่อมมีโอกาสที่จะต้องขัดแย้งกับคนอื่นๆ เพราะตนต้องสู้รบปรบมือกับคนอื่นในการแย่งชิงสิ่งดังกล่าวให้มาเป็นของตน  หรือปกป้องสิ่งดังกล่าวที่ตนมีอยู่แล้วไม่ให้หลุดลอยไปเป็นของคนอื่น

อีกหลุมพรางหนึ่งคือ คนที่ตกลงในหลุมพรางนี้จะมีจิตใจที่หมกมุ่นมืดมัวกับอำนาจที่ลึกลับ   ไม่สามารถเห็นด้วยตา หรือ สัมผัสด้วยมือ  แต่เป็นเรื่องการที่ตนต้องการหวังพึ่ง หรือ ยอมตนต่ออำนาจลับลึกเหล่านั้น   เพื่อหวังที่จะใช้อำนาจลับลึกเหล่านั้นหนุนเสริมเพิ่มพลังและบารมีแก่ตนเอง   หวังใช้อำนาจชั่วร้ายเหล่านั้นในการแก้วิบากกรรมของชีวิตที่กำลังคืบคลานเข้ามา   เพื่อตนเองจะได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาอยากได้ใคร่มี   เพื่อตนจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่  เป็นผู้ชนะในที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม คริสตชนบางท่านบางกลุ่ม   ก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคนที่ตกหลุมพรางลักษณะที่สองคือ   ที่เขาเชื่อในพระเจ้าเพื่อต้องการใช้พระเจ้า หรือ ทำศาสนพิธีของคริสต์เพื่อหวังว่าพระเจ้าจะพอใจและช่วยในสิ่งที่เขาทูลขอต้องการ   แล้วความเชื่อของเขาจะเสื่อมน้อยถอยลงเมื่อ เขาไม่ได้สิ่งที่ทูลขอตามปรารถนาจากพระเจ้า  

แต่ยากอบ กล่าวชัด   ในการที่จะไม่ตกหลุมพรางมารร้ายทั้งสองหลุมพรางดังกล่าว   สิ่งแรกเราต้อง “...ยอมจำนนต่อพระเจ้า” ก่อน (4:7 อมต.)  แล้วจึงยืนหยัดต่อสู้กับมาร... (ข้อ 7)   ในการแก้ไขจัดการความขัดแย้งสำหรับคริสตชนแล้ว   สิ่งแรกที่จะต้องเริ่มต้นคือ “การจำนนตนเองต่อพระเจ้า” ก่อน   มิใช่การพิสูจน์ว่าตนเองถูกหรือผิด  จากนั้น  จะต้องรู้ว่า  ในความขัดแย้งนั้น ใครคือศัตรูตัวจริงของเรา   เปาโลเตือนคริสตชนชัดเจนว่า   ศัตรูตัวจริงในความขัดแย้งของเรานั้นเป็นอิทธิพลของอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ในความขัดแย้ง   ยากที่เราจะมองเห็นด้วยตาของเรา  มันคอยสุมไฟแห่งความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น   สิ่งที่มารต้องการคือให้คู่ขัดแย้งพังพินาศไปด้วยกัน   และเหลือมันเท่านั้นที่จะยิ่งใหญ่   และมันจะช่วยให้ใครมีอำนาจ มั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ก็ต่อเมื่อคนๆ นั้นยอมตนสวามิภักดิ์ทำความชั่วร้ายที่มารมันต้องการ

เปาโลเรียกอำนาจชั่วร้ายเหล่านี้ในชื่อต่างๆ คือ  “...เทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้  (ท่าน)ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12 มตฐ.)

แล้วใครคือศัตรูตัวจริงของท่านในชีวิตทุกวันนี้ครับ?

ไม่ใช่คู่กรณีของท่านแน่   แต่เบื้องหลังที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกขัดแย้งกันเพราะ   มีอำนาจชั่วร้ายที่คอยสุมไฟอยู่ซึ่งทั้งสองฝ่ายมองข้าม  มองไม่เห็น  และบ่อยครั้งไม่รู้ตัว   แต่อำนาจชั่วร้ายกลับทำให้มุมมองที่มีต่อฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตตัวร้ายกาจของตน   แล้วสุมไฟด้วยฟืนแห่งตัณหา ราคะ อยากได้อยากมีไม่สิ้นสุดในแต่ละคน   แล้วไฟแห่งความขัดแย้งก็ลุกขึ้น และ ถูกกระพือให้ไฟแรงขึ้นๆ

ยากอบบอกเราว่า   “อะไรคือต้นเหตุของการต่อสู้และการทะเลาะวิวาทในหมู่พวกท่าน? สิ่งเหล่านี้มาจากตัณหาซึ่งขับเคี่ยวกันภายในท่านไม่ใช่หรือ? ท่านอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านฆ่าและละโมบของผู้อื่น     ท่านไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการก็วิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ทูลขอพระเจ้า เมื่อท่านทูลขอท่านไม่ได้รับเพราะท่านขอด้วยแรงจูงใจผิดๆ เพื่อจะนำไปปรนเปรอตนเอง (ยากอบ 4:1-3 อมต.)

ดังนั้น   จุดเริ่มต้นของการสร้างสันติ และ การคืนดี คือ   การยอมจำนนต่อพระเจ้า   หรือ ฉบับมาตรฐานแปลว่า  “จงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า”  ทั้งนี้ เพื่อทุกฝ่ายจะไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลแห่งอำนาจชั่วร้ายที่เรามองไม่เห็น  แต่ยอมที่จะให้พระเจ้าทรงเปิดเผยพระประสงค์ในสถานการณ์นั้น   เพื่อเป็นแนวทางแห่งการสร้างสันติขึ้น   จากนั้นประการสำคัญต่อมาคือ  การต่อต้านมาร  ด้วยการยืนหยัดความเชื่อของเราในพระเจ้า

วันนี้ให้เราสู้กับศัตรูตัวจริงด้วยพระกำลังจากพระเจ้าครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น