จงรู้จักบังคับตนเองและตื่นตัวอยู่เสมอ
เพราะมารผู้เป็นศัตรูของท่านวนเวียนอยู่รอบๆ
ดุจสิงห์คำราม เที่ยวหาเหยื่อเพื่อขย้ำกิน
(1เปโตร 5:8 อมต.)
ซานตานมารร้ายชอบและต้องการให้เราไม่รู้เท่าทันว่ามันมีบทบาทและอิทธิพลเช่นไรในความขัดแย้งต่างๆในชีวิตของเรา ตราบใดที่เรามองหาทางที่จะจู่โจม ล้างผลาญ
เอาชนะฝ่ายตรงกันข้าม
ในเวลาเช่นนั้นเองที่เรามองข้ามศัตรูตัวร้ายกาจอันตรายตัวจริง จึงทำให้เรามิได้ระมัดระวังที่จะใส่ใจปกป้องตนเองจากอิทธิพลอำนาจแห่งมารร้ายนั้น ทั้งยากอบ และ เปโตรต่างเตือนเราให้ตระหนักและรู้เท่าทันอำนาจที่อันตรายยิ่งนี้ว่า
“ดังนั้นแล้วท่านจงยอมจำนนต่อพระเจ้า
จงยืนหยัดต่อสู้กับมารและมันจะหนีไปจากท่าน”(ยากอบ 4:7 อมต.) “จงต่อต้านมาร
ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ...” (1เปโตร 5:9 อมต.) เปาโลได้พูดชัดถึงอำนาจที่ชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ในความขัดแย้งของเราว่า “เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด
แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ
เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้
ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12 มตฐ.)
ปัจจุบันนี้
เราตกหลุมพรางของอำนาจชั่วร้ายที่เป็นขั้วตรงกันข้ามสองลักษณะคือ กลุ่มแรก เรามักลุ่มหลงในทรัพย์สิ่งของ เงินทอง
อำนาจ และความยิ่งใหญ่
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เห็นชัดเป็นธรรมดาที่เราสามารถจับต้องและชี้วัดกันได้ เป็นหลุมพรางที่อยู่ในโลกแห่งวัตถุนิยม
และเมื่อใครก็ตามที่ตกลงหลุมพรางนี้ย่อมมีโอกาสที่จะต้องขัดแย้งกับคนอื่นๆ เพราะตนต้องสู้รบปรบมือกับคนอื่นในการแย่งชิงสิ่งดังกล่าวให้มาเป็นของตน
หรือปกป้องสิ่งดังกล่าวที่ตนมีอยู่แล้วไม่ให้หลุดลอยไปเป็นของคนอื่น
อีกหลุมพรางหนึ่งคือ
คนที่ตกลงในหลุมพรางนี้จะมีจิตใจที่หมกมุ่นมืดมัวกับอำนาจที่ลึกลับ ไม่สามารถเห็นด้วยตา หรือ สัมผัสด้วยมือ แต่เป็นเรื่องการที่ตนต้องการหวังพึ่ง หรือ
ยอมตนต่ออำนาจลับลึกเหล่านั้น
เพื่อหวังที่จะใช้อำนาจลับลึกเหล่านั้นหนุนเสริมเพิ่มพลังและบารมีแก่ตนเอง
หวังใช้อำนาจชั่วร้ายเหล่านั้นในการแก้วิบากกรรมของชีวิตที่กำลังคืบคลานเข้ามา
เพื่อตนเองจะได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาอยากได้ใคร่มี เพื่อตนจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ชนะในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม คริสตชนบางท่านบางกลุ่ม ก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคนที่ตกหลุมพรางลักษณะที่สองคือ ที่เขาเชื่อในพระเจ้าเพื่อต้องการใช้พระเจ้า
หรือ
ทำศาสนพิธีของคริสต์เพื่อหวังว่าพระเจ้าจะพอใจและช่วยในสิ่งที่เขาทูลขอต้องการ แล้วความเชื่อของเขาจะเสื่อมน้อยถอยลงเมื่อ
เขาไม่ได้สิ่งที่ทูลขอตามปรารถนาจากพระเจ้า
แต่ยากอบ กล่าวชัด ในการที่จะไม่ตกหลุมพรางมารร้ายทั้งสองหลุมพรางดังกล่าว สิ่งแรกเราต้อง “...ยอมจำนนต่อพระเจ้า” ก่อน (4:7
อมต.)
แล้วจึงยืนหยัดต่อสู้กับมาร... (ข้อ 7) ในการแก้ไขจัดการความขัดแย้งสำหรับคริสตชนแล้ว สิ่งแรกที่จะต้องเริ่มต้นคือ “การจำนนตนเองต่อพระเจ้า”
ก่อน มิใช่การพิสูจน์ว่าตนเองถูกหรือผิด จากนั้น
จะต้องรู้ว่า ในความขัดแย้งนั้น
ใครคือศัตรูตัวจริงของเรา
เปาโลเตือนคริสตชนชัดเจนว่า
ศัตรูตัวจริงในความขัดแย้งของเรานั้นเป็นอิทธิพลของอำนาจแห่งความชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ในความขัดแย้ง ยากที่เราจะมองเห็นด้วยตาของเรา มันคอยสุมไฟแห่งความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น สิ่งที่มารต้องการคือให้คู่ขัดแย้งพังพินาศไปด้วยกัน และเหลือมันเท่านั้นที่จะยิ่งใหญ่ และมันจะช่วยให้ใครมีอำนาจ มั่งคั่ง
ยิ่งใหญ่ก็ต่อเมื่อคนๆ นั้นยอมตนสวามิภักดิ์ทำความชั่วร้ายที่มารมันต้องการ
เปาโลเรียกอำนาจชั่วร้ายเหล่านี้ในชื่อต่างๆ คือ “...เทพผู้ครอง
ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ (ท่าน)ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ”
(เอเฟซัส 6:12 มตฐ.)
แล้วใครคือศัตรูตัวจริงของท่านในชีวิตทุกวันนี้ครับ?
ไม่ใช่คู่กรณีของท่านแน่ แต่เบื้องหลังที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกขัดแย้งกันเพราะ
มีอำนาจชั่วร้ายที่คอยสุมไฟอยู่ซึ่งทั้งสองฝ่ายมองข้าม มองไม่เห็น
และบ่อยครั้งไม่รู้ตัว
แต่อำนาจชั่วร้ายกลับทำให้มุมมองที่มีต่อฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตตัวร้ายกาจของตน แล้วสุมไฟด้วยฟืนแห่งตัณหา ราคะ
อยากได้อยากมีไม่สิ้นสุดในแต่ละคน
แล้วไฟแห่งความขัดแย้งก็ลุกขึ้น และ ถูกกระพือให้ไฟแรงขึ้นๆ
ยากอบบอกเราว่า “อะไรคือต้นเหตุของการต่อสู้และการทะเลาะวิวาทในหมู่พวกท่าน? สิ่งเหล่านี้มาจากตัณหาซึ่งขับเคี่ยวกันภายในท่านไม่ใช่หรือ?
ท่านอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านฆ่าและละโมบของผู้อื่น ท่านไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการก็วิวาทและต่อสู้กัน
ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ทูลขอพระเจ้า
เมื่อท่านทูลขอท่านไม่ได้รับเพราะท่านขอด้วยแรงจูงใจผิดๆ เพื่อจะนำไปปรนเปรอตนเอง
(ยากอบ 4:1-3 อมต.)
ดังนั้น
จุดเริ่มต้นของการสร้างสันติ และ การคืนดี คือ การยอมจำนนต่อพระเจ้า หรือ ฉบับมาตรฐานแปลว่า “จงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า” ทั้งนี้
เพื่อทุกฝ่ายจะไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลแห่งอำนาจชั่วร้ายที่เรามองไม่เห็น
แต่ยอมที่จะให้พระเจ้าทรงเปิดเผยพระประสงค์ในสถานการณ์นั้น เพื่อเป็นแนวทางแห่งการสร้างสันติขึ้น จากนั้นประการสำคัญต่อมาคือ การต่อต้านมาร
ด้วยการยืนหยัดความเชื่อของเราในพระเจ้า
วันนี้ให้เราสู้กับศัตรูตัวจริงด้วยพระกำลังจากพระเจ้าครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น