28 กุมภาพันธ์ 2557

บางอย่างหายไป...เมื่อคริสตจักรทำพันธกิจชุมชน

“เราพยายามที่จะเป็นคริสตจักรที่เน้นการทำพันธกิจ...  นั่นเป็นการเน้นลักษณะภายนอกของคริสตจักร...   และดูเหมือนเราไม่ประสบความเสร็จ”   ศิษยาภิบาลในเมืองใหญ่ที่ผมคุยด้วยกล่าว

คริสตจักรของศิษยาภิบาลท่านนี้ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่   เขาและคริสตจักรพยายามที่จะมีโปรแกรมต่างๆ ที่จะเข้าไปถึงชีวิตชุมชนเพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ ของชุมชน   แต่เมื่อดูดีๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายที่คริสตจักรพยายามรับใช้กับสมาชิกคริสตจักรไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นเลย

ศิษยาภิบาลท่านนี้ได้เล่าถึงตัวอย่างที่เกิดขึ้นในคริสตจักรของท่านเรื่องหนึ่งว่า ครั้งหนึ่ง คริสตจักรได้จัดทำอาหารมื้อเย็นให้กับคนที่ยากจนและคนที่มีรายได้ต่ำที่อยู่ในละแวกรอบคริสตจักร   “มีผู้คนมารับประทานอาหารเต็มห้องประชุมเลย”  ศิษยาภิบาลเล่า  “แต่สมาชิกคริสตจักรของเราสาละวนอยู่กับการทำอาหารในห้องครัว   อาหารในเย็นวันนั้นดีมาก   แต่ผมสังเกตเห็นว่า   ในขณะที่คนจากชุมชนกำลังรับประทานอาหารในห้องประชุม   สมาชิกของเราวุ่นวายกับการจัดทำอาหารในห้องครัว   มันเป็นภาพที่แบ่งแยกให้เห็นชัดเจนว่า   คนยากคนจนกินอาหารในห้องประชุม   สมาชิกคริสตจักรกำลังทำอาหารในห้องครัว”

หลายคริสตจักรจะจัดงบประมาณเลี้ยงอาหารผู้คนในชุมชนในวันสำคัญของคริสตจักรอาจจะปีละครั้งสองครั้ง   แล้วอาจจะมีรายการพิเศษที่เตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวสำหรับคนยากคนจน   หรือส่งไปให้ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่สูงที่มีอากาศหนาวจัด   หรือบ้างก็เตรียมน้ำ  เครื่องดื่ม  ขนม และ ฯลฯ   ใส่ถุงเพื่อไปแจก   แล้วติดตราของคริสตจักร   พร้อมที่อยู่  หรืออาจจะมีข้อพระคัมภีร์  หรือมีข้อความว่า “พระเจ้ารักคุณ”

บ่อยครั้งหลายคริสตจักร   ต้องการแสดงให้เห็นว่าตนมาจากคริสตจักรไหน   และห่วงใยคนที่ทุกข์ยาก   แต่ของแจกเหล่านี้ก็เป็นเพียงสิ่งของและยื่นแจกให้เท่านั้น

สิ่งสำคัญที่ขาดหายไปจากการทำพันธกิจแบบนี้คือ    ความสัมพันธ์ครับ

ถ้าพันธกิจของคริสตจักรในชุมชนคือการอาสาช่วยเหลือและรับใช้ผู้คน   เพื่อช่วยให้เขาได้รู้  รัก  และติดตามพระคริสต์   สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้กระทำพันธกิจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้คนเหล่านั้น   มิใช่ฉลากที่ติดข้างถุงของขวัญ   ไม่ใช่การโฉบเฉี่ยวผ่านผู้คนแล้วยื่นถุงของขวัญให้กับคนในชุมชนเท่านั้น

ความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องความสัมพันธ์   และเป็นความพยายามของเราที่จะช่วยผู้คนให้ได้มีโอกาสสัมผัสสัมพันธ์กับความรักของพระคริสต์   ดังนั้น  สิ่งสำคัญในการทำพันธกิจชุมชนคือการที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่เราทำพันธกิจด้วย

การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรมิใช่การใช้เงินและให้เวลาที่มี  แล้วเข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนในชุมชนอย่างฉาบฉวย   หลายคริสตจักรได้กระตุ้น  เตรียม  และเสริมสร้างให้สมาชิกของตนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อเนื่องจนเกิดผลกระทบเชิงสร้างสรรค์กับคนที่ตนไปทำพันธกิจด้วย   เช่น   ผมพบกับศิษยาภิบาลหนุ่มท่านหนึ่งทำงานในพื้นที่ชนบทที่มีเด็กนักเรียนชนเผ่าจากพื้นที่สูงลงมาเรียนในโรงเรียนของชุมชน   ท่านได้เตรียมสมาชิก และ อนุชนในคริสตจักรของตนช่วยสอนการพูดภาษาไทยให้ชัดแก่นักเรียนชนเผ่าแบบตัวต่อตัว   และยังช่วยสอนการทำการบ้านในตอนเย็นแก่นักเรียน (เพราะเรียนไม่ทัน และทำการบ้านไม่ได้)   และผู้ใหญ่จากคริสตจักรบางท่านช่วยทำหน้าที่เอาใจใส่การกินการอยู่ของเด็กนักเรียนเหล่านี้ที่ต้องอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่   คริสตจักรเตรียมสมาชิกให้การช่วยเหลือการเรียนของเด็ก  แต่ที่สำคัญคือการที่จะมีความสัมพันธ์และเอาใจใส่ชีวิตของเด็กแบบสัมพันธ์ใกล้ชิดและกระทำอย่างต่อเนื่องต่างหากที่สำคัญกว่า

คริสตจักรที่กระทำพันธกิจชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลได้นั้น   คริสตจักรต้องเสริมสร้างความเข้าใจแก่สมาชิกที่จะทำพันธกิจให้รู้ว่า   การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรคือการยื่นมือยื่นชีวิตออกสร้างความสัมพันธ์กับชีวิตผู้คนที่ตนทำพันธกิจด้วย    เพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นได้สัมผัสกับความรักของพระคริสต์ที่ตนยื่นออกไปสัมผัสชีวิตของผู้คนผ่านการอาสารับใช้ในลักษณะต่างๆ   และหนุนเสริมให้ผู้คนเติบโตขึ้นในความรักของพระคริสต์   และให้ความรักของพระคริสต์แผ่ขยายไปทั่วชุมชน

นี่คือการขยายแผ่นดินของพระเจ้าตามพระมหาบัญญัติ และ พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์

การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักร จึงเป็นสร้างเสริมสัมพันธภาพของสมาชิกคริสตจักรกับผู้คนในชุมชนโดยมีพลังแห่งความรักเมตตาของพระคริสต์เป็นตัวขับเคลื่อนในชีวิตของสมาชิกคริสตจักรเหล่านั้น

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น