ชีวิตเกี่ยวกับการบริหารจัดการเต็มไปด้วยปัญหา
จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขจัดการทั้งสิ่งที่เราตัดสินใจด้วยตัวเราเอง
หรือโดยการตัดสินใจของคนอื่นแล้วให้เรารับผิดชอบบริหารจัดการในสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้น หลายครั้งใช่ไหมครับที่เราในฐานะลูกจ้าง หรือ
ผู้บริหารในองค์กรที่เราต้องทำงานขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนอื่น
และในหลายครั้งที่เราต้องทำงานภายใต้ผู้นำองค์กรที่ “ตัดสินใจ ด้วยการไม่ตัดสินใจ”
ในฐานะที่ท่านเป็นลูกน้อง
หรือ ลูกจ้างขององค์กร ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหรือประเด็นนโยบาย ซึ่งแท้จริงแล้วท่านไม่มีอำนาจหรือความรู้โอกาสพอที่จะเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหานั้นแทนผู้นำองค์กรที่อาจจะเป็นกรรมการอำนวยการหรือผู้บริหารระดับสูงขององค์กร พวกเขาอาจจะดำเนินการดังนี้
- บอกให้ท่านไปจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยตัวของท่านเอง (โดยมอบอำนาจให้จัดการ)
- ส่งเรื่องไปให้ผู้บริหารระดับสูงขึ้นเพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจในปัญหาดังกล่าว
- บอกกับท่านว่าแล้วเขาจะนำเรื่องนั้นกลับมาแจ้งแก่ท่านอีกครั้งหนึ่ง (แต่ไม่เคยส่งเรื่องนั้นกลับมาอีกเลย)
- เปลี่ยนเรื่องพูดคุยปรึกษากับท่าน (แล้วก็ไม่กล่าวถึงเรื่องนั้นอีกเลย)
- บอกท่านว่า เรื่องนี้จะอยู่บนโต๊ะทำงานของท่านวันพรุ่งนี้ (แต่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย)
นอกจากข้อที่หนึ่ง นอกนั้นทุกข้อคือการ “การตัดสินใจด้วยการไม่ตัดสินใจ”
ทั้งสิ้น ซึ่งแล้วแต่ว่าการตัดสินใจไม่ตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานการณ์
บริบท หรือในองค์กรประเภทใด ขนาดไหน
อาจจะก่อเกิดผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือสร้างความเสียหายใหญ่โตมหาศาลต่อผู้คนหรือในเรื่องนั้นๆ
ก็ได้
และสิ่งที่น่าสนใจคือผลที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเกิดจากความไม่ตั้งใจหรือเป็นความตั้งใจก็ได้ การตัดสินใจด้วยไม่ตัดสินใจอาจจะเป็นอุปสรรคหรือก่อเกิดผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนงาน ทำให้เกิดการหย่อนยานในด้านจริยธรรม
และมักทำให้เกิดผลกระทบความเสียหายทางด้านการเงินด้วย
ผลที่เกิดจากการตัดสินใจ ด้วยการไม่ตัดสินใจ
เกิดความชะงักงันในการขับเคลื่อนของงานที่ทำ
ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการขับเคลื่อนงานดังกล่าวต้องพบกับการหยุดชะงักติดขัดในการเคลื่อนตัวไปของงานที่กำลังทำ
หลายคนต้องตกอยู่ในภาวะต้องรอเหมือนรถติดที่ต้องเข้าเกียร์ว่างแล้วเหยียบเบรค ถึงงานจะเคลื่อนไปบ้างก็เคลื่อนตัวไปอย่างกับหอยหรือทาก เมื่อเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ตัวอุปสรรคขัดขวางที่ทำให้การเคลื่อนงานขัดข้องติดขัด
ท่านก็เห็น “ซากศพ” ที่เป็นเหมือน “ผีดิบ” ที่รออยู่ข้างหน้า หรือ ท่านอาจจะมองเห็นเหมือนรถบรรทุกเก่าๆ คันหนึ่งจอดขวางทางรถคันอื่นเพราะยางรถแบน เป็นเหมือนกับผู้นำที่ตัดสินใจไม่ตัดสินใจ
เช่นใดเช่นนั้นเลย การรั้งถ่วง หรือ
การอุดตันในกระแสการตัดสินใจจะทำให้ทุกสิ่งในการขับเคลื่อนงานติดขัดจอดนิ่งเป็นเส้นทางยาวอย่างกับรถติด กลุ่มคนผู้บริหารองค์กรเป็นเหมือนล้อรถยนต์ที่ต้องหมุนเวียนขับเคลื่อนให้งานไปถึงเป้าหมายกำหนดหนึ่งสู่อีกจุดหนึ่งที่
การตัดสินใจที่ล่าช้าหรือการตัดสินใจที่ไม่ตัดสินใจ หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ทำให้ส่วนที่เกี่ยวเนื่องของงานนั้นต้องหยุดการเคลื่อนตัวเหมือนรถติด
แต่การบริหารจัดการสามารถที่จะกระทำได้กับเจ้ารถกระบะเทอะทะ
ที่ยางรถแบน แล้วยังจอดขวางทางอีก
ด้วยการที่จัดการแก้ไขล้อรถยนต์เพื่อให้มันสามารถหมุนเคลื่อนไปให้ไล่ทันเป้าหมายที่วางไว้ด้วยประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนตัวของงานต่อไป
ผลกระทบต่อจริยธรรมและการขับเคลื่อนในการทำงาน
ตัวอย่าง: (กรณีศึกษา/เปรียบเทียบ)
เหมือนหน่วยงานหรือสถาบันที่อยู่ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง ต้องการตัดต้นไม้ใหญ่อายุยืนยาวต้นหนึ่ง นอกจากจะขวางเส้นทางการสัญจรการเข้าออกของรถจำนวนมากที่มาติดต่อและรับบริการจากสถาบันหรือหน่วยงานแล้ว เนื่องจากเป็นต้นไม้อายุมาก ยังน่ากลัวว่าอาจจะมีกิ่งก้านฉีกหัก
หรือ โค่นล้มใส่ตัวอาคารข้างๆ หรือเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรไปมา
จึงนำมติเสนอขออนุญาตตามขั้นตอนเพื่อตัดต้นไม้ใหญ่ในองค์กร เรื่องไปแช่อยู่ที่กรรมการอำนวยกร เดือนแล้วเดือนเล่าจนข้ามปี
ที่ชักช้าเช่นนี้เพราะกรรมการอำนวยการกลัวประเด็นการเมืองเข้าแทรก
กลัวการต่อต้านของกรรมการอำนวยการอีกขั้วหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อกรรมการเลือกการตัดสินใจที่ไม่ตัดสินใจ จึงมิได้แจ้งเรื่องนี้แก่ผู้บริหารสถาบันหรือหน่วยงานแห่งนั้น
กรรมการอำนวยการจึงไม่ได้ทำหน้าที่ในฐานะที่จะต้องตัดสินชี้นำในเรื่องนี้แก่ผู้บริหารสถาบันหรือหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจกระทำตามพละการของตน แต่กรรมการอำนวยการก็มิได้ให้คำอธิบาย หรือ แนะนำ หรือ
ขอโทษผู้บริหารสถาบันหรือหน่วยงานนั้นว่าเรื่องเป็นเช่นไร(ว่าทำไมไม่สามารถลงมติเรื่องตัดต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น)
แต่ที่น่าเกลียดคือ กรรมการอำนวยการทำหน้าที่แบบเอาตัวรอด และมองเห็นว่า
การจัดการของสถาบันหรือหน่วยงานมีความสำคัญน้อยกว่าเรื่องอำนาจทางการเมืองในองค์กร
และ ความมั่นคงของกรรมการอำนวยการเอง
ซึ่งเป็นการทำหน้าที่กรรมการอำนวยการที่ไร้จริยธรรมอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดของตนเอง
แต่ไม่ให้ความสำคัญต่อผลประโยชน์และความปลอดภัยในชีวิตของผู้อื่น
ถ้าใครที่ต้องนั่งในที่นั่งของผู้บริหารองค์กรที่มีกรรมการอำนวยการประเภทนี้ คงตกที่นั่งลำบากมากครับ
เพราะต้องเป็นผู้บริหารที่กรรมการอำนวยการตัดสินใจด้วยการไม่ตัดสินใจ โดยไม่คิดถึงหัวอกของผู้บริหารสถาบันหรือหน่วยงาน โดยไม่คิดถึงความเหมาะสม ประโยชน์
และความปลอดภัยของผู้ที่มารับบริการและติดต่องาน
กรรมการอำนวยการเป็นตัวอุปสรรคที่ทำให้การขับเคลื่อนตัวของงานสถาบันต้องติดขัด
ล่าช้า
หรือเกิดผลเสียต่อสถาบันหรือหน่วยงาน
ผู้บริหาร คนทำงาน ตลอดจนผู้มาติดต่องานและรับบริการ
กรรมการอำนวยการประเภทที่กล่าวข้างต้นนี้นอกจากเป็นตัวถ่วงตัวรั้งการก้าวไปข้างหน้าในงานขององค์กรแล้ว
ยังเป็นกรรมการอำนวยการที่ไร้ซึ่งจริยธรรมในการทำงานและความรับผิดชอบ อีกทั้งสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย และปลายทางคือความล่มจมแก่องค์กรอีกด้วย(ถ้าไม่มีการแก้ไข
หรือ แก้ไขไม่ทันท่วงที)
เลวร้ายปานนั้นเชียวหรือ?
คงต้องยอมรับความจริงว่า การตัดสินใจบางครั้งเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนพอประมาณ การที่กรรมการอำนวยการ หรือ
ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจด้วยการไม่ตัดสินใจนั้นคงมิใช่ตั้งอกตั้งใจที่จะทำร้ายหรือทำให้ผู้บริหารระดับถัดลงมาต้องเจ็บปวด แต่ที่ตัดสินใจไม่ตัดสินใจเพราะความกลัว กลัวผลกระทบในด้านอำนาจทางการเมืองขององค์กร
หรือกรรมการอำนวยการบางคนมีข้อมูลในเรื่องที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ ไม่เพียงพอ หรือเพราะกรรมการท่านนั้นๆขาดความเข้าใจในงานที่เขาต้องตัดสินใจ
เช่น
ตนจบด้านคริสต์ศาสนาศาสตร์แต่ต้องมาตัดสินใจเรื่องการแพทย์พยาบาล หรือ ตัดสินใจเรื่องการบริหารทางการศึกษา การบริหารองค์กรขนาดใหญ่เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงพยาบาล
หรือกรรมการอำนวยการท่านนั้นๆ ขาดความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในการเป็นกรรมการอำนวยการที่ตนกำลังทำหน้าที่อยู่
และเมื่อองค์กรได้กรรมการอำนวยการที่ขาดความรู้
ความเข้าใจเช่นนี้ก็จะเป็นที่มาประการหนึ่งของการตัดสินใจด้วยการไม่ตัดสินใจได้ และอาจจะตัดสินใจตามกระแสพาไป
ซึ่งส่วนหนึ่งในการตัดสินใจแบบนี้ก็เป็นการตัดสินใจไม่ตัดสินใจเช่นกัน
แล้วจะทำอย่างไรดี?
ดังนั้น การเลือกผู้บริหารระดับสูง และ
กรรมการอำนวยการขององค์กรจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
นอกจากเป็นประเด็นสำคัญต่อการตัดสินใจและไม่ตัดสินใจแล้ว ยังสร้างผลกระทบอย่างมากต่อการก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรด้วย การเลือกใครมาเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือ
กรรมการอำนวยการควรมีกรอบคุณลักษณะที่ชัดเจนที่สามารถตอบสนองต่องานที่รับผิดชอบ กรอบคุณลักษณะ และ หน้าที่ความรับผิดชอบนั้นต้องชัดเจน โปร่งใสที่ผู้คนสามารถรับรู้และตรวจสอบได้
ตำแหน่งกรรมการอำนวยการมิได้มีไว้เพื่อให้คนในอาณัติ
พวกพ้องของผู้บริหารระดับสูง หรือ
ขั้วทางการเมืองในองค์กรส่งคนไปนั่งเพื่อคุมอำนาจและผลประโยชน์พวกของตน หรือเป็นการตบรางวัลแก่ผู้สวามิภักดิ์สัตย์ซื่อของผู้บริหารระดับสูง
หรือ ขั้วการเมืองฯ
หรือเป็นการซื้อบางคนให้มาอยู่ในขั้วการเมืองของตน
เพราะนั่นจะนำไปสู่ความหายนะใหญ่หลวงอย่างที่เกิดขึ้นในองค์กรระดับชาติที่เป็นอยู่ในเวลานี้
ผมเชื่อว่า คงจะมีเวลาหนึ่งที่เราจะมีผู้บริหารระดับสูง
และ กรรมการอำนวยการขององค์กร ที่เป็นสติปัญญา
ความละเอียด รอบคอบ
เป็นที่ปรึกษา เป็นโค้ช เป็นพี่เลี้ยง เป็นผู้เสริมหนุน แก่ผู้บริหารในระดับต่างๆ ขององค์กร เป็นผู้ไม่ติดยึดกับผลประโยชน์ส่วนตนส่วนพรรคและส่วนพวก
แต่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้บริหารให้เสริมสร้างประโยชน์แก่ผู้คนทั้งหลาย แทนการกระทำเพื่อพวกพ้องและขั้วการเมือง
แต่มุ่งมั่นหนุนเนื่องให้องค์กรมุ่งไปสู่พระประสงค์ของพระเจ้ามุ่งสู่เป้าหมายปลายทางแห่งแผ่นดินของพระองค์
ผมเชื่อว่าเราจะมีผู้บริหารระดับสูง
และ กรรมการอำนวยการที่มีชีวิตที่รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ
และสิ้นสุดกำลังความคิด และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง อีกทั้ง
ตระหนักชัดถึงความรับผิดชอบและลงมือกระทำตามพระมหาบัญญัติ และ พระมหาบัญชาคือ
การมีชีวิตที่สำแดงพระคริสต์ให้คนรอบข้างได้เห็นและสัมผัสพระคริสต์ได้จากชีวิตประจำวันของผู้บริหารระดับสูงและกรรมการอำนวยการขององค์กร
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น